ฉงหรงหัวเราะเบาๆ “นาย? นักศึกษาอาชีพเสี่ยงอันตรายสูงอย่างนาย แค่เลี้ยงตัวเองให้รอดนี่ก็เต็มกลืนแล้ว ฉันจะไปหวังอะไรจากนายอีก ฉันเคยเรียนปริญญาโทอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง นายลืมแล้วเรอะ”
จงเจินหันหน้ามามองฉงหรง รู้สึกว่าตั้งแต่เธอมาถึงที่นี่ก็แปลกๆ ไป จึงลองหยั่งเชิงถาม “นี่พี่ ผมอยากรู้จริงๆ ว่าตอนนั้นทำไมพี่ถึงมาเรียนโทที่นี่”
“ฉันน่ะเหรอ” ฉงหรงเอียงคอ ทำท่าคิดจริงจัง “นายรู้ใช่มั้ยว่าครอบครัวพวกเราเรียนกฎหมายกันทุกคน ฉันก็ไม่ได้รู้สึกต่อต้านการเรียนกฎหมายหรอกนะ แต่ที่ทนไม่ไหวคือ…ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนวิชากฎหมายก็เจอแต่คนคุ้นหน้า ตอนปีสองอาจารย์สอนกฎหมายคือคุณอา หรือก็คือแม่นาย ปีสามยิ่งแย่ใหญ่ ตกอยู่ในเงื้อมมือน้าชายน้าสาว ลำบากจะตายกว่าจะหลุดออกมาจากกรงเล็บของพวกเขาสองคน ปีสี่ตายคาที่เพราะเจอแม่แท้ๆ ของตัวเอง อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ที่เซ็นชื่อในวิทยานิพนธ์ตัวจบก็คือแม่นาย นายว่าน่าอึดอัดมั้ย บางครั้งคณะเชิญอาจารย์อาวุโสผู้ทรงคุณวุฒิมาบรรยาย ไม่เป็นพ่อฉันก็พ่อนาย หรือไม่ก็เป็นลุงเป็นอาสักคน แม้แต่ตำราเรียน คนแต่งก็คือปู่ของฉันหรือตาของนาย ฉันไม่อยากเจอภาพเวลาเป็นทนายความขึ้นว่าความแบบนี้หรอกนะ ‘พ่อ พ่อดูสิ หนูหักล้างหลักฐานกับลุงรองตั้งนานแล้ว พ่อรีบตัดสินเถอะ’ ยังมีอีกนะ กะอีแค่เรื่องตัดผมสั้น ฉันยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเลย ถ้าไม่รีบหนีออกจากกรงนี้ต้องถูกขังอยู่ในนั้นตลอดชาติ”
“ฮ่าๆๆๆ” จงเจินฟังแล้วก็หัวเราะ หัวเราะแล้วก็ขมวดคิ้วทันที คิดอยู่นานมากจึงนึกออก “อ๋อ มิน่าล่ะ ตอนนั้นที่พี่ยุให้ผมแอบสมัครหมอ ที่จริงจะใช้ผมเป็นหนูทดลองสินะ”
ฉงหรงมองอย่างเหยียดหยาม “ตอนนี้เพิ่งคิดออก ไม่ช้าไปแล้วเหรอ”
จงเจินสูดจมูกอย่างน่าสงสาร “พี่อ้ะ! พี่โหดมาก!”
ฉงหรงงอนิ้วชี้เคาะคอนโซลรถตรงหน้า “คนได้ประโยชน์คือนาย ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ จริงๆ แล้วเรื่องนี้คนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดคือนาย จำเอาไว้ด้วย ตอนนั้นใครกันนะที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งมาบอกฉันว่ายอมตายดีกว่าเรียนกฎหมาย นายสมปรารถนาแล้ว ควรจะขอบคุณฉันไม่ใช่หรือไง”
จงเจินรู้ดีว่าการเถียงกับทนายความไม่ใช่เรื่องฉลาด รีบยกธงขาวยอมแพ้ เปลี่ยนมาบ่นกระปอดกระแปด “ผมขอบคุณไปตั้งนานแล้ว…แล้วก็ตอนนั้นพอเรื่องแดง ผมก็ไม่ได้ซัดทอดว่าพี่เป็นคนออกหัวคิด มิน่าล่ะ ตอนนั้นพอเรื่องที่ผมสมัครเรียนหมอสงบลง พี่ก็รีบเก็บข้าวของมาเรียนปริญญาโทที่นี่ทันที! ที่แท้พี่วางแผนไว้ก่อนแล้ว!”
ฉงหรงพยักหน้ายอมรับ “อืม ฉันวางแผนไว้ก่อนแล้ว ตอนนั้นแอบไปสมัครโท แอบไปสอบ ได้ใบตอบรับมาแล้วก็ไม่กล้าบอกใคร เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าขีดสุดของความอดทนของพวกเขาอยู่ที่ไหน ไม่มั่นใจในการปฏิวัติ พอดีกับที่นายมาทำให้ฉันรำคาญมาก ฉันก็เลย…ใช้นายเป็นคนออกหน้าไปตายแทน ต่อให้การปฏิวัติล้มเหลว อย่างมากนายก็เรียนกฎหมายไปตามแผนที่วางไว้แต่แรก ไม่ได้สูญเสียอะไร”
จงเจินถูกเธอปั่นหัวจนมึนก็เลยไม่พูดเรื่องนี้อีก เปลี่ยนเรื่องถามว่า “แล้วพี่เรียนหนังสืออยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว อยู่ดีๆ ทำไมถึงไปเรียนต่างประเทศอีก”
เปลวไฟของฉงหรงมอดลงไปมาก เธอลูบปลายจมูก พูดเสียงทุ้มต่ำอยู่ในคอ “อ้อ เพราะที่นี่มีเรื่องน่ากลัว”
“แล้วตอนนี้ทำไมกลับมาอีก”
ฉงหรงลูบปลายจมูกอีกครั้ง “เพราะฉันเจอเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่า”
จงเจินงุนงง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องอะไร แถมสีหน้ายังดูเศร้าสร้อยอีกด้วย