บทที่ 1
“ได้ยินว่าคุณบอกกับคนอื่นว่าคุณชอบผม?”
ยามเช้าของวันหนึ่งในฤดูหนาว แสงแดดเจิดจ้า ฉงหรงกึ่งนั่งกึ่งนอนหยีตาอย่างเกียจคร้านอยู่บนฟูกนุ่มๆ ที่มุขหน้าต่างผิงแดดอยู่ครู่หนึ่ง จิบกาแฟเสร็จแล้วจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากบ้าน พอเปิดประตูก็เห็นประตูฝั่งตรงข้ามเปิดกว้าง คนงานกำลังขนเฟอร์นิเจอร์เข้าๆ ออกๆ ไม่หยุด แต่ไม่เห็นเจ้าของห้อง
ฉงหรงพิงประตูมองอยู่ครู่ใหญ่ ห้องตรงข้ามไม่มีคนพักมาราวครึ่งปีกว่า ได้ยินว่าเจ้าของห้องเป็นคนอนามัยจัด คนเช่าทั่วๆ ไปยอมรับเงื่อนไขการเช่าที่เข้าใกล้ระดับโรคจิตของเขาไม่ไหว อีกอย่างเขาคงไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ดังนั้นที่ผ่านมาจึงไม่มีคนมาเช่า ไม่รู้ว่าคนที่ย้ายเข้ามาอยู่เป็นเทพระดับไหน ชุมชนคอนโดมิเนียมแห่งนี้แต่ละชั้นมีห้องชุดสองห้อง ที่ผ่านมาห้องฝั่งตรงข้ามไม่เคยมีคนมาอยู่ เท่ากับว่าเธอยึดชั้นนี้เอาไว้คนเดียว ทำให้จงเจินอิจฉามาก
หลายวันให้หลัง ตอนบ่ายฉงหรงออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตในชุมชน หิ้วถุงใหญ่สองใบยืนอยู่ที่ปากประตู ขณะกำลังจะเอื้อมมือออกไปเปิดม่านประตูหนาหนักนั้นเอง วินาทีถัดมาม่านก็ถูกคนเปิดออกจากด้านนอก ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังม่าน หน้าตาสะอาดสะอ้าน ดวงตาเรียวยาวดำขลับ ดูมีเสน่ห์มาก มือข้างหนึ่งของเขาถือโทรศัพท์มือถือกำลังคุยกับปลายสาย มืออีกข้างแหวกผ้าม่าน พอเห็นฉงหรงตะลึงจ้องหน้าเขาจึงส่งสัญญาณให้เธอเดินไปก่อน เขาจับผ้าม่านค้างไว้แล้วขยับตัวออกด้านข้างพลางพูดเบาๆ กับโทรศัพท์
ฉงหรงพยักหน้าขอบคุณ เธอเดินออกมาแล้วก็หันกลับไปมองอีก แต่ได้เห็นเพียงมือที่กำลังชักกลับไป มือคู่นั้นเรียวยาวมีพลัง ข้อนิ้วชัดเจน ดูเรียบเนียนแบบที่ผู้ชายน้อยคนจะมี น่าจะเป็นคนทำงานด้านศิลปะ
ลูกค้าของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้เกือบทั้งหมดเป็นผู้พักอาศัยในชุมชนคอนโดมิเนียม เธออยู่ที่นี่มาตั้งนาน ทำไมเมื่อก่อนถึงไม่เคยเจอผู้ชายเริดๆ เบอร์นี้เลยน้อ
ผ่านไปอีกหลายวัน ตอนเช้าฉงหรงตื่นสาย วันนี้เธอต้องขึ้นว่าความ ผู้พิพากษาท่านนี้เกลียดคนมาสายมาก
หลังจัดแจงตัวเองอย่างลวกๆ เสร็จแล้วก็รีบออกจากบ้าน เพิ่งเปิดประตูเดินออกมาก็เห็นประตูลิฟต์กำลังปิดช้าๆ เธอจึงรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ทันที
คนในลิฟต์คงจะได้ยินเสียงข้างนอกถึงได้รีบยื่นมือข้างหนึ่งมากันประตูลิฟต์ซึ่งกำลังจะปิดเข้าหากันช้าๆ ฉงหรงเดินเข้าลิฟต์แล้วจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังไม่ทันได้พูดขอบคุณก็ตาค้าง ในลิฟต์นอกจากผู้ชายหนึ่งคนแล้ว ยังมีก้อนขนฟูฟ่องสีขาวหมอบอยู่ด้วย
ฉงหรงกลัวหมาเป็นที่สุด ตอนแรกคิดจะออกไปรอลิฟต์ใหม่ แต่ก็กังวลว่าคนหนึ่งคนกับหมาหนึ่งตัวข้างๆ เธอจะรู้สึกไม่ดี ถึงแม้จะไม่รู้ว่าซามอยด์ตัวที่กำลังแลบลิ้นจ้องหน้าเธอจะรู้สึกไม่ดีหรือไม่ก็ตาม มิหนำซ้ำตอนนี้ยังไม่มีเวลาแล้ว เธอจึงได้แต่แข็งใจยืนตัวตรง เบียดตัวชิดผนังลิฟต์ จ้องสัตว์เลี้ยงสีขาวอย่างระวังตัว
เวินเซ่าชิงมองเธอ ก้มตัวลงลูบขนคอซามอยด์แล้วตบหัวมันเบาๆ “เดินลงบันไดไปนะ เดี๋ยวจะรอข้างล่าง”
ฉงหรงยิ้มมุมปาก เสียงก็น่าฟังมาก
ก้อนขนฟูฟ่องสีขาวรีบวิ่งออกจากลิฟต์ เหลือเพียงเงาร่างขาวๆ ก่อนประตูลิฟต์จะปิด ฉงหรงเห็นมันวิ่งไปที่ทางหนีไฟ
ถึงเวลานี้ฉงหรงจึงหันหน้าไปมองเจ้าของก้อนขนฟูฟ่องสีขาว กำลังคิดจะชมเขาว่าสอนหมามาดี แต่พลันต้องตกตะลึงอีกครั้ง ผู้ชายคนนี้คือคนทำงานด้านศิลปะที่ครั้งก่อนเจอที่ประตูซูเปอร์มาร์เก็ตนี่นา บังเอิญขนาดนี้เชียว เขาก็พักอยู่ในตึกหลังนี้หรือ
ฉงหรงถอนสายตากลับ กะพริบตาถี่ๆ ผู้ชายคนนี้พิเศษจริงๆ