ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนที่ไม่ได้เจอหน้ามักรู้สึกใจว้าวุ่น พอได้พบกันแล้วบรรยากาศดี สองคนก็เข้ากันได้ดี แต่กลับทำให้ฉงหรงรู้สึกว่านี่กลับไม่ใช่เรื่องดีอะไร
ครู่ใหญ่เวินเซ่าชิงก็เอ่ยปากทำลายความเงียบ
“คุณทนายฉง ผมมีปัญหาด้านกฎหมายอยากปรึกษา”
ฉงหรงพูดล้อเล่น “ค่าปรึกษาของฉันค่อนข้างแพงนะ”
เวินเซ่าชิงหัวเราะ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หลบหนีเนื่องจากกลัวความผิด ควรจะมีความผิดเพิ่มหรือไม่”
ฉงหรงใจหายวาบ ครุ่นคิดเลือกคำที่จะใช้อยู่ครู่ใหญ่จึงตอบว่า “หลบหนีเนื่องจากกลัวความผิด หมายถึงหลังจากผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดแล้วหลบหนีเพราะกลัวถูกลงโทษหรือจะต้องรับโทษตามความผิดทางอาญา หลบหนีการรับโทษตามกฎหมาย ตามที่ระบุในกฎหมายอาญากับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาปัจจุบันนี้ของบ้านเรา หลบหนีเนื่องจากกลัวความผิดจะไม่ถูกเพิ่มระยะเวลาการลงโทษ เพราะว่าหลังจากผู้ต้องสงสัยกระทำความผิดแล้วหลบหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทษตามกฎหมาย การหลบหนีเป็นเรื่องธรรมดาของคน ด้วยเหตุนี้ไม่สามารถเอาการหลบหนีเนื่องจากกลัวความผิดมาเป็นเงื่อนไขเพิ่มโทษความผิดทางอาญา หลบหนีเนื่องจากกลัวความผิดไม่ใช่ข้อพิจารณาในการกำหนดโทษ แต่ไม่รวมถึงการกระทำความผิดต่อเนื่องในระหว่างหลบหนี โดยทั่วไปไม่ถือเอามาเป็นข้อพิจารณาในการกำหนดโทษหรือเพิ่มโทษ แต่การมอบตัวหลังจากหลบหนี ตามกฎหมายยังสามารถลงโทษสถานเบาหรือลดโทษ ถ้าเป็นการกระทำความผิดสถานเบาอาจจะงดเว้นการลงโทษก็ได้”
เวินเซ่าชิงฟังเธอร่ายยาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังแต่สายตาล่อกแล่กจบแล้วก็จับข้อความระหว่างบรรทัดได้ว่า “เป็นเรื่องธรรมดาของคน เข้ามอบตัวด้วยตนเอง”
ฉงหรงเตือนสติเขา “เมื่อกี้…ในลิฟต์…”
พฤติกรรมตอนอยู่ในลิฟต์เมื่อครู่นี้จะเรียกว่า ‘เข้ามอบตัว’ ก็ยังไม่ค่อยตรงทีเดียวนัก แต่พอจะเรียกได้ว่า ‘ให้ความร่วมมือดีมาก’ กระมัง
ดูเหมือนเวินเซ่าชิงไม่คิดจะเล่นงานเธอด้วยเรื่องนี้ต่อไปอีก เขาอมยิ้มพลางมองเธอแล้วเอ่ยอย่างมีเลศนัย “เหมือนที่คิดไว้ไม่ผิด เวลามืออาชีพทำเรื่องเกี่ยวกับอาชีพของตัวเองจะค่อนข้างเชี่ยวชาญ”
ฉงหรงมองรอยยิ้มของเขาแล้วรู้สึกหนาวใจ เธอไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องวุ่นวายในอดีตตอนนั้นจบอย่างไร ที่เวินเซ่าชิงบอกว่า ‘ได้ยินว่า’ จริงๆ แล้วได้ยินมาจากใคร เขากับหลินเฉินผิดใจกันเพราะเธอหรือไม่ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ทำไมเขาไม่มาคิดบัญชีกับเธอ เรื่องในใจที่เก็บซ่อนมาหลายปีในที่สุดก็มีคำพิพากษาออกมาแล้ว เธอไม่รู้สึกหวาดกลัวไม่สบายใจ ตรงกันข้ามเมื่อถูกตัดสินประหารชีวิตแล้ว กลับรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
แต่ว่าเวลาสั้นๆ ไม่กี่วินาทีฉงหรงพลันเริ่มครุ่นคิดถึงปัญหาอีกข้อหนึ่ง “บ้านของคุณตอนนี้…อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านฉัน เช่าหรือว่าซื้อ”
เวินเซ่าชิงไม่ตอบแต่กลับย้อนถามว่า “บ้านคุณเช่าหรือว่าซื้อล่ะ”
“ซื้อสิ”
เวินเซ่าชิงอมยิ้ม “บังเอิญขนาดนี้เชียว ผมก็ซื้อ”
ฉงหรงร้องโหยหวนอยู่ในใจ ความหวังสุดท้ายดับสูญไปในรอยยิ้มของชายหนุ่ม
ถ้าเวินเซ่าชิงเช่า เธอยังพอจะหวังลมๆ แล้งๆ ให้เขาย้ายออกไปได้ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าวันนี้ไม่เจอพรุ่งนี้ก็เจอ เธอจะต้องเก้อเขินไปถึงเมื่อไหร่กันนะ
แม้จะอยู่กลางแจ้งแต่อุณหภูมิก็ยังค่อนข้างต่ำ ถึงจะใกล้เที่ยงวันแล้ว นั่งนานๆ ก็รู้สึกหนาว ฉงหรงดึงผ้าพันคอให้แน่นกระชับ หน้าตาไร้ความรู้สึก แต่ในใจกำลังคิดว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่น
เมื่อมีทางออกฉงหรงก็นั่งไม่ติดแล้ว เธอยกข้อมือดูเวลาแล้วมองคนข้างๆ “เดี๋ยวนะ วันนี้วันทำงาน ทำไมคุณไม่ไปทำงาน”
“รั่งอี๋รั่งไม่สบายนิดหน่อย จะพามันไปหาหมอ ลาหยุดหนึ่งวัน”
ฉงหรงทำหน้าสงสัย “ตัวคุณเองก็เป็นหมอนะ”
เวินเซ่าชิงอึ้งไป ได้แต่มองหน้าเธอ “ผมไม่ใช่สัตวแพทย์”
“ก็คล้ายๆ กันไม่ใช่หรือ”
“แต่ละสาขามีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ไม่คล้ายกันเลย” เวินเซ่าชิงเห็นเธอนั่งไม่ค่อยสบายเพราะความหนาว “ตอนเที่ยงกินข้าวด้วยกันไหม”