ฉงหรงทำงานเสร็จก็บิดคอไปมาแล้วปิดคอมพิวเตอร์ ตั้งใจว่าจะไปเทน้ำที่ห้องครัว เพิ่งออกจากห้องหนังสือก็เห็นห้องครัวไฟสว่าง เงาร่างผู้ชายคนหนึ่งเลือนรางอยู่บนประตูกระจก
เธอยืนตะลึง ก่อนจะเดินเข้าไปช้าๆ พอเปิดประตูก็เห็นจงเจินกำลังยืนตั้งอกตั้งใจต้มบะหมี่อยู่ข้างใน
ฉงหรงตั้งหลักหลายวินาที รอจนหัวใจเต้นในอัตราปกติแล้วจึงขมวดคิ้วร้องตวาดใส่เขา “ออกมา!”
เนื่องจากการงานอาชีพ เวลาฉงหรงอยู่กับคนภายนอกจึงมีท่าทางเคร่งขรึมเรียบเฉย แต่เวลาอยู่กับน้องชายคนนี้ส่วนใหญ่เธอจะพูดคุยยิ้มแย้มหัวเราะ ดังนั้นเวลาที่เธอทำหน้าเคร่งขรึมเรียบเฉย จงเจินจะกลัวมาก
“ทำไมเหรอ ผมกำลังต้มบะหมี่อะพี่”
ฉงหรงหมุนตัวเดินถอยออกมา “อย่ายืนข้างใน มีอะไรออกมาคุยกันข้างนอก”
ฮวงจุ้ยห้องนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน เธอต้องถูกมนตร์ดำแน่ๆ ถึงเข้าใจว่าเมื่อครู่คนที่ยืนอยู่ในห้องครัวคือเวินเซ่าชิง
จงเจินเห็นสีหน้าของเธอแย่มากจึงเดินหงอยๆ ออกมา ทำหน้าน่าสงสาร “ผมหิวอะเจ๊…”
ความรู้สึกอึดอัดในใจฉงหรงสลายไปอย่างรวดเร็ว เธอก็รู้ว่าตัวเองทำเกินไป จึงดื่มน้ำหนึ่งอึกเพื่อปรับอารมณ์ “ไม่มีอะไรแล้ว นายไปต้มบะหมี่เถอะ กินเสร็จแล้วก็รีบไปพักผ่อน” พูดจบก็เดินออกไปตรงระเบียงรับลม ยืนจนเมื่อยก็พิงเข้ากับราวลูกกรง
จงเจินยืนรออยู่ครู่ใหญ่มากกว่าจะกล้าตามออกมาที่ระเบียงแล้วถามอย่างระมัดระวัง “พี่เป็นอะไรไป”
ฉงหรงรู้ว่าตัวเองผิดปกติ เธอมองแสงไฟจุดเล็กจุดน้อยที่ไกลออกไป ความในใจซึ่งซ่อนอยู่ในดวงตานั้นลึกไม่เห็นก้นบึ้ง ครู่ใหญ่จึงตอบเรียบๆ ว่า “ไม่มีอะไร”
จงเจินพิงราวอยู่ข้างๆ เธอ พูดเรื่อยเปื่อยไปอีก “ถ้าพี่มีเรื่องอะไรก็คุยกับผมได้ ผมเป็นผู้ชาย ช่วยพี่ได้”
ฉงหรงถูกคำว่า ‘ผู้ชาย’ ของเขาทำเอาหัวเราะ “เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่ต้องยุ่ง”
จงเจินไม่ยอมแพ้ “ผมไม่ใช่เด็กนะ! ผมยี่สิบกว่าแล้ว!”
ฉงหรงหัวเราะก๊าก “ถ้าอย่างนั้นขอถามผู้ชายอายุยี่สิบกว่าอย่างนายหน่อยนะ เดือนนี้ฉันไม่ต้องให้เงินพิเศษแล้วใช่มั้ย”
“ไม่นะ!” จงเจินรีบกอดแขนพี่สาวสารภาพผิด “เจ๊คร้าบ! ผมไม่ถามละ ผมไปนอนเดี๋ยวนี้เลย!” พูดจบก็เดินกลับเข้าไปข้างใน เดินไปพึมพำไป “ดูท่าต้องรีบช่วยหาแฟนให้พี่ละ ผู้หญิงนี่นะ โสดนานเกินไปก็จะไม่ค่อยปกติ…”
ทันใดนั้นฉงหรงก็ร้องเรียกเขา “จงเจิน”
จงเจินตกใจสะดุ้งโหยง “หือ?”
“เมื่อกี้ไม่ได้เจตนาตวาดนายนะ ฉันขอโทษด้วย พักนี้มีเรื่องเยอะ อารมณ์ไม่ค่อยดี อย่าคิดมากนะ”
ญาติผู้น้องคนนี้นิสัยดีมาก บางครั้งเธอใช้คำพูดรุนแรงกับเขา เขาก็ทำท่าน่าสงสารไม่กี่นาที เดี๋ยวเดียวก็เรียกเธออย่างสนิทสนมว่าพี่อีก
จงเจินได้ยินก็ปั้นสีหน้าจริงจังทันที เดินกลับมากล่าวว่า “พี่พูดมาตลอดว่าตอนนั้นพี่ใช้ผมเป็นหินถามทาง แอบช่วยแก้จดหมายแสดงความจำนงสำหรับสมัครเรียนปริญญาตรีให้ผม ผมรู้ว่าความจริงไม่ใช่แบบนั้น! พี่วางแผนนานมาก ยกโอกาสที่ดีที่สุดให้ผม ความสำเร็จเลียนแบบซ้ำไม่ได้ เรื่องแบบนี้จะประสบความสำเร็จง่ายมากในตอนที่คนอื่นไม่ทันระวังตัว มีครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อไปที่บ้านก็จะรู้ตัวป้องกันไว้ล่วงหน้า พี่จะหนีออกมาก็ยาก เพราะไม่มีผู้ปกครองคนไหนอยากเห็นลูกท้าทายขีดจำกัดของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก”
ฉงหรงมองเขาอย่างประหลาดใจ เห็นอีกฝ่ายทำสีหน้าจริงจังก็หัวเราะพลางยีหัวจนผมยุ่งกระเซิงจึงคลายมือปีศาจออก