เวินเซ่าชิงพารั่งอี๋รั่งมาด้วยจึงนั่งรถไฟใต้ดินไม่ได้ หลังกินอาหารเย็นแล้วจึงติดรถเซียวจื่อยวนกลับไป หิมะตกถนนลื่น เซียวจื่อยวนจึงขับช้าๆ พวกเขาหาเรื่องสัพเพเหระมาคุยกัน
“คุณป้าเซียวไม่สบายอีกแล้วเหรอ”
“ก็แบบเดิมนั่นแหละ พักนี้อากาศเริ่มเย็น อาการก็มากหน่อย”
“เดี๋ยวไว้มีเวลาจะไปเยี่ยมนะ”
เซียวจื่อยวนนึกอะไรขึ้นได้ “หลายวันก่อนหลินเฉินติดต่อมา”
เวินเซ่าชิงรับคำอย่างใจลอย ตอนนั้นเขาเพิ่งกลับจีน หลินเฉินก็เดินทางไปอเมริกา ตั้งแต่นั้นก็เอาแต่หลบหน้า ค่อยๆ ติดต่อกันน้อยลง เห็นอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยา เซียวจื่อยวนก็ตามจี้ “เขาถามถึงเพื่อนหลายๆ คน แต่ไม่ได้ถามถึงนาย”
ตั้งแต่เล็กเวินเซ่าชิงก็ถูกญาติผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายตัวแสบคนนี้แกล้งบ่อยๆ นานวันเข้าเลยมีภูมิต้านทาน หันหน้าไปถามยิ้มๆ ว่า “ข้อหนึ่ง ผมไม่ใช่แม่เขา ข้อสอง ไม่ใช่คนในดวงใจเขา ไม่พูดถึงก็เป็นเรื่องปกติ”
ตอบแบบนี้เข้าทางเซียวจื่อยวนพอดี เขาจึงยิ้มแล้วรุกกลับ “รู้ได้ยังไงว่าไม่ใช่ ‘คนในดวงใจ’ ของเขา การที่เขาเอาแต่พเนจรอยู่ข้างนอกไม่ยอมกลับมา สาเหตุก็มาจากนาย เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้สินะ”
“เฮอะ” เวินเซ่าชิงไม่ยิ้มแล้ว พึมพำเบาๆ “พูดเหมือนกับคนเราไปทรยศอะไรเขา เจ้าอารมณ์ซะจริง!” ท่าทางเวินเซ่าชิงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ก่อนจะตอกกลับความอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่าย “ถามจริงๆ นะ ผู้หญิงคนที่บอกว่าชอบหมอไม่ชอบทนายความ ตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้ว”
เวินเซ่าชิงมองเซียวจื่อยวนซึ่งกำลังอิ่มเอมใจอารมณ์ดี ขมวดคิ้วหันไปตีหน้าเศร้ากับคุณนายเซียว “รุ่นน้องสุย ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ถึงขั้นนี้…หรือว่าคนที่กำลังมีความรักทุกคนจะกลายเป็นพวกชอบเผือกเรื่องชาวบ้านขนาดนี้กันนะ”
สุยอี้เป็นรุ่นน้องของเวินเซ่าชิงตอนอยู่มหาวิทยาลัย ทั้งสองคนเรียนแพทย์ประจำบ้านเหมือนกัน ที่ผ่านมาเธอจึงเรียกเวินเซ่าชิงว่ารุ่นพี่มาตลอด
สุยอี้เม้มปากยิ้ม อ่อนโยนนุ่มนวลเหมือนปกติ “ไม่ใช่เผือก เพียงแต่ว่าตอนนั้นทุกคนมองว่าพี่กับหลินเฉินน่าจะคู่กัน แต่คิดไม่ถึงว่า…ฉันรู้จักหลินเฉินมานานหลายปี ยังไม่เคยเห็นเขาหลบหน้าใครขนาดนี้ ก็เลยนึกสงสัย”
เวินเซ่าชิงรู้สึกว่าตัวแสบคู่นี้ร่วมมือกันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตน คนน้อยสู้คนมากย่อมไม่ใช่แผนที่ดี เขาจึงใช้แผนนิ่งเงียบ
ฉงหรงเข้าใจมาตลอดว่าวันนั้นจงเจินเจตนาพูดยั่วโมโหเธอ ใครจะรู้ว่าเขาอยากแนะนำจับคู่ให้จริงๆ จนถือเอาเรื่องนี้เป็นภารกิจสำคัญ
ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเวินเซ่าชิงออกตรวจคนไข้ตามห้องพักผู้ป่วยเสร็จแล้วก็เห็นจงเจินขยับเข้ามาหา ถามด้วยสีหน้าเปี่ยมความหวัง “บอสมีแฟนหรือยังครับ”
เวินเซ่าชิงมองอีกฝ่าย “ไม่มี ทำไม”
จงเจินฟังแล้วดีใจสุดๆ “ถ้าอย่างนั้นผมจะแนะนำลูกพี่ลูกน้องของผมให้รู้จักก็แล้วกัน ผมมีพี่สาวโสดและสวยน่ารัก ที่สำคัญพี่ผมน่ะ…”
เวินเซ่าชิงเสียบปากกากลับเข้ากระเป๋าตรงอกเสื้อ มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เด็กน้อยจงเจิน ทางลัดกอบกู้ประเทศชาติไม่ได้หรอก ต่อให้ผมแต่งงานกับพี่สาวคุณ วันจันทร์หน้าบทความของคุณก็ต้องอยู่ในเมลบ็อกซ์ของผม”
พูดถึงบทความวิชาการ จงเจินก็ปวดหัว แต่ตอนนี้เรื่องที่เขาใส่ใจที่สุดไม่ใช่บทความ “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น…ผมอยากช่วยหาแฟนให้จริงๆ”
“ไม่ต้องลำบากหรอก” เวินเซ่าชิงหยุดครู่หนึ่งแล้วหันหน้ามามองจงเจิน “ผมมีคนที่ชอบแล้ว”
“อ้าว” จงเจินมีสีหน้าผิดหวัง “ยังโสดไม่ใช่หรือครับ”
เวินเซ่าชิงยิ้ม “โสดแล้วจะมีคนที่ชอบไม่ได้หรือไง ทำไม หรือว่าพี่สาวคุณขายไม่ออก”