เวินเซ่าชิงมองเธอนิ่งๆ อยู่นานมาก เขาเลิกคิ้ว ยิ้มแล้วพูดเนิบนาบว่า “ไม่แกล้งทำเป็นไม่รู้จักกันต่อแล้วเหรอ”
ฉงหรงเม้มปาก ถลึงตาแบบเคืองๆ ใส่เขา
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ถามต่อด้วยน้ำเสียงสงสัย “มีเรื่องหนึ่งอยากถามมานานละ”
ตอนนี้ฉงหรงหดตัวอยู่ในมุม ไม่มีโอกาสต่อต้านแม้แต่น้อยนิด “ถามมาสิ!”
“ได้ยินว่า…” เวินเซ่าชิงหยุดครู่หนึ่ง จ้องหน้าฉงหรงอยู่นาน ท่าทางอยากได้คำตอบมาก ก่อนจะทิ้งระเบิดว่า “คุณบอกกับคนอื่นว่าคุณชอบผม?”
ฉงหรงหน้าร้อนผ่าว พองขนป้องกันตัวทันที “เปล่า!”
ตั้งแต่ได้เจอกันอีกครั้งที่ประตูซูเปอร์มาร์เก็ตในชุมชน ฉงหรงก็แกล้งทำเป็นไม่รู้จักเวินเซ่าชิงมาตลอดเพราะกลัวเขาจะถามเรื่องนี้ สุดท้ายเหมือนที่คิดไว้ไม่ผิด เขาถามเรื่องนี้จริงๆ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเจอหน้ากันอีกครั้งเขาก็เล่นใหญ่ขนาดนี้
เวินเซ่าชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “อ้อ ในเมื่อเป็นแบบนี้…” เขาพูดพลางปลดโซ่ที่คอหมาใหญ่ เจ้าหมาดีใจมากพุ่งเข้าหาฉงหรงทันที
ฉงหรงพยายามข่มใจไม่กรีดร้อง ยอมแพ้แล้ว “ใช่ๆ! รีบเอามันออกไป!”
เวินเซ่าชิงบรรลุเป้าหมาย พูดเสียงเบาๆ “รั่งอี๋รั่ง…รั่งอี๋รั่ง”
ฉงหรงตัวติดผนังลิฟต์แล้ว เธอตวาดเขา “ฉันจะหลบไปไหนได้อีกล่ะ!”
เวินเซ่าชิงเงยหน้ามอง พอใจมากที่เห็นท่าทางแตกตื่นของหญิงสาว เขาเรียกเจ้าก้อนขนมาข้างตัวแล้วก้มลงลูบหัวมันพลางอธิบาย “ไม่ได้หมายถึงคุณ ผมเรียกหมา ขอแนะนำอย่างเป็นทางการ มันชื่อรั่งอี๋รั่ง ชื่อเล่นกุ่น (กลิ้ง)”
“…” ในใจฉงหรงค้อนเขาไปวงหนึ่ง คนปกติใครเขาตั้งชื่อประหลาดๆ แบบนี้ให้สัตว์เลี้ยงของตัวเองกัน แต่หมาใหญ่ตัวนั้นได้ยินชื่อนี้ก็ทำท่าระริกระรี้เป็นพิเศษ เอาหัวถูเวินเซ่าชิง
เวินเซ่าชิงยังไม่คิดจะปล่อยเธอไปแค่นี้ “จับมือกันหน่อย ทำความรู้จักกัน”
ฉงหรงมองอย่างพิจารณาอีกครั้ง…ซามอยด์ คล่องแคล่ว ฉลาด ว่านอนสอนง่าย มุมปากชูขึ้นคล้ายยิ้มมาแต่กำเนิด ดูแล้วน่ารักเป็นมิตร มีคำจำกัดความว่า ‘ใบหน้ายิ้มแบบนางฟ้า หัวใจซุกซนแบบปีศาจ’ เธออดเหลือบมองเวินเซ่าชิงไม่ได้ ก่อนจะได้ข้อสรุปว่า…สัตว์เลี้ยงเหมือนเจ้าของ
ยิ้มแบบนางฟ้ายิ้มแล้วก็ยื่นขาหน้าออกมารอจริงๆ ฉงหรงจ้องหน้ายิ้มของมันอยู่นาน แม้จะรู้ว่ามันหน้ายิ้มมาแต่กำเนิด แต่ก็ยังอดใจไม่ได้ ในที่สุดก็เอาชนะความกลัวจากส่วนลึกในหัวใจ ยื่นมือออกไปช้าๆ จับขาหน้าของรั่งอี๋รั่งเบาๆ แล้วถอยหนีแบบสายฟ้าแลบ
หลายนาทีต่อมาสองคนหนึ่งหมาก็มานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวในสวนประจำชุมชน
ชายหนุ่มค้อมเอวเล็กน้อยลูบขนรั่งอี๋รั่ง หมาใหญ่แลบลิ้นทำหน้าเคลิ้ม อยู่ดีๆ ก็หันหน้ามองมาทางฉงหรง
ฉงหรงแข็งทื่อทั้งตัวทันที รีบขยับนั่งห่างออกจากมัน
เวินเซ่าชิงรู้สึกตลกดี “กลัวหมาขนาดนั้นเลยเหรอ”
ฉงหรงกลัวสัตว์ขนยาวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จึงพยักหน้ายอมรับ
เวินเซ่าชิงจ้องหน้าเธออยู่หลายวินาที ไม่รู้ว่ามองทะลุความคิดในใจเธอหรืออย่างไร ก่อนจะถามเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “ไม่เจอหลายปี ผมยาวแล้ว”
ฉงหรงหันหน้ามามองเวินเซ่าชิง เขาหมายความว่าตัวฉันเองก็จัดเป็นสัตว์ขนยาวด้วยหรือเปล่านะ
เวินเซ่าชิงถูกเธอจ้องจนงง จึงเลิกคิ้วถาม ฉงหรงรู้สึกว่าตนคงจะคิดมากเกินไป แอบบอกตัวเองให้รีแลกซ์หน่อย พอผ่อนคลายแล้วก็รู้สึกว่าคำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำทำให้พวกเขาเหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน เธอรู้สึกอบอุ่นใจ การพูดก็ช้าลง
“แม่ไม่ยอมให้ฉันตัดผมสั้น ตอนต้นเทอมทุกเทอม ออกจากบ้านมาถึงมหาวิทยาลัยก็จะไปตัดสั้น พอปิดเทอมผมก็กลับมายาวเหมือนเดิม ตอนกลับบ้านก็ไม่มีใครรู้ หนนั้นที่เจอกันเพิ่งเปิดเทอมไม่นานเท่าไหร่ ก็เลยเห็นผมสั้น” พูดจบเธอก็กวาดตามองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว “คุณขาวขึ้นมาก”
เวินเซ่าชิงยิ้มให้ตัวเอง “อยู่ในโรงพยาบาลทั้งวัน ไม่อยากจะขาวก็ไม่ได้แล้ว”
ฉงหรงฟังแล้วก็หัวเราะ ดวงตาสุกใสเปล่งประกายสดใส เวินเซ่าชิงมองหน้าเธอไม่พูดอะไรอีก