ฉงหรงก้มหน้านวดหัวคิ้ว เอียงคอยิ้มภายใต้แสงไฟสลัวสีส้ม แขนปิดบังใบหน้าส่วนใหญ่ของเธอ ทำให้เห็นรอยยิ้มของเธอไม่ชัดนัก “ก็น่าจะแซ่…ฉงก็แล้วกัน”
เวินเซ่าชิงได้ยินเธอกลบเกลื่อนแบบนี้ก็ไม่โกรธ ลุกขึ้นยืนยิ้ม “ในครัวต้มซุปเนื้อแพะไว้ ผมตักให้คุณชิมสักชามนะ”
ฉงหรงมองเงาหลังในห้องครัว ก้มหน้าพลางนวดหว่างคิ้ว เธอเป็นคนประสาทไวมาก ทำไมจะมองเจตนาดีของเขาไม่ออก ช่วงเวลาที่เธอรู้จักกับเวินเซ่าชิงไม่นับว่านาน ตอนเธออารมณ์ดีเขาก็ทำตัวแสบปากร้ายเย้าเธอ อารมณ์ตกต่ำอย่างคืนนี้เขาก็จะอ่อนโยนเอาใจใส่ ความอบอุ่นนุ่มนวลจากปลายนิ้วถึงปลายคิ้วอัดแน่นอยู่ภายในตัวเขา โดยภาพรวมแล้วถูกต้องแล้วที่เขาแซ่เวิน (อบอุ่น)
ซุปใสในชามกระเบื้องมีหยดน้ำมันเล็กน้อย มีเครื่องเคียงสีเขียวมรกตกับแครอตสีแดงส้มประดับทำให้ไม่รู้สึกรังเกียจมัน ซุปร้อนๆ ลงสู่กระเพาะอาหาร ฉงหรงถอนหายใจเบาๆ อย่างพึงใจ คิดว่าหมอนี่รู้จักการบำรุงร่างกายจริงๆ!
ค่ำคืนในฤดูหนาวได้ซดน้ำซุปร้อนๆ สักชามเป็นเรื่องที่มีความสุขมาก จากเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าเวินเซ่าชิงเป็นคนที่เข้าใจการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รสนิยมการใช้ชีวิตอยู่ในระดับสูง สิ่งนี้สำหรับคนที่อยู่แบบพอถูไถอย่างเธอแล้วเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อม
ฉงหรงลูบขอบชามกระเบื้อง แอบถามตัวเองเงียบๆ อยู่ในใจ คนคนนั้นที่เขาชอบคงมีความสุขมากสินะ
เขากับเธอนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา รั่งอี๋รั่งหมอบอยู่ข้างเท้าเวินเซ่าชิง คงเพราะว่าไม่ได้เจอเขามานานจึงคลอเคลียนัวเนียมากเป็นพิเศษ ฉงหรงดูชายหนุ่มลูบตัวเจ้าหมา เธอชี้ไปที่มัน “ทำไมพอคุณกลับมาก็รู้สึกว่ามันอ้วนขึ้นปุบปับ”
“เพิ่งจับมันอาบน้ำ เอาไดร์เป่าผมเป่า ขนเลยฟูฟ่อง” เวินเซ่าชิงพูดพลางผลักรั่งอี๋รั่งไปข้างหน้า “ตอนนี้ไม่กลัวมันแล้วใช่มั้ย ลองลูบตัวมันสิ”
ฉงหรงหดตัว “ที่จริง…ไม่ใช่ฉันกลัวหมาเฉยๆ ฉันไม่ชอบความรู้สึกเวลาแตะถูกขนอุ่นๆ ด้วย จะเกิดความรู้สึกกลัวจากใจ ขนลุกไปทั้งตัว”
เวินเซ่าชิงจับมือเธอโดยไม่บอกกล่าว ดึงมือเธอมาลูบหลังรั่งอี๋รั่ง “จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัวใช่ไหมล่ะ”
ฉงหรงหยุดหายใจ แข็งทื่อไปทั้งตัว ผ่านไปครู่ใหญ่จึงคิดจะชักมือกลับแต่ก็ดึงไม่ออก เธอชำเลืองมองชายหนุ่ม มันไม่มีอะไรน่ากลัว ที่น่ากลัวก็คือคุณต่างหาก คุณนี่มันน่ากลัวกว่าขนสัตว์อุ่นๆ ซะอีก
เวินเซ่าชิงเสนอว่า “เรามาถ่ายรูปคู่กันหน่อย รู้จักกันนานขนาดนี้แล้ว ดูเหมือนยังไม่เคยได้ถ่ายรูปคู่กันเลยนะ”
ไม่ใช่แค่ไม่เคยได้ถ่ายรูปคู่กัน กระทั่งรูปเขา เธอก็ไม่มีแม้แต่รูปเดียว บางทีฉงหรงก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีความรักแบบยาวไกลจริงๆ ไม่มีการติดต่อ ไม่มีรูป ไม่มีข่าวแม้แต่น้อย ลำพังเพียงพบหน้ากันช่วงสั้นๆ ในตอนนั้น เธอก็สามารถชอบคนคนหนึ่งได้นานขนาดนี้
พูดจบเวินเซ่าชิงก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอปฏิเสธ ยกมือถือขึ้นทันที เลือกมุม แตะปุ่มถ่ายรูปอย่างรวดเร็ว ถ่ายเสร็จแล้วก็เปิดรูปขึ้นมาดู ยังทำท่าพยักหน้าอย่างพอใจด้วย ก่อนจะยื่นมือถือมาให้ฉงหรงดู
ในรูป…เขากับเธอกำลังก้มตัวลูบรั่งอี๋รั่งที่อยู่บนพรม เธอยังไม่ทันได้มองกล้อง คงเพราะว่าแสงไฟนุ่มนวลมากทำให้เส้นแนวคอของเธอดูอ่อนโยนงดงาม ฉงหรงก้มหน้าสายตาจับอยู่ที่มือของเขากับเธอซึ่งซ้อนกันอยู่บนตัวรั่งอี๋รั่ง เขาก็ไม่มองกล้องเช่นกัน มุมปากยิ้มน้อยๆ เอียงตัวเล็กน้อยเหมือนกำลังมองเธอ มีเพียงรั่งอี๋รั่งที่ให้ความร่วมมือมองกล้อง เป็นหมาที่รู้จักการมองกล้อง
ฉงหรงดูนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็สะดุ้ง ออกแรงดึงมือตัวเองกลับ ในที่สุดครั้งนี้ก็สามารถหลุดพ้นจากเขาได้ แต่ในเวลาเดียวกัน…ในมือก็มีขนหนึ่งกระจุกติดมา
เธอมองขนสีขาวในมือแล้วมองรั่งอี๋รั่ง เลื่อนมือที่ค้างแข็งวางขนกระจุกนั้นกลับไปที่คอของมันอย่างระมัดระวังพลางพูดขอโทษ “ไม่เจ็บนะ…ไม่เจ็บนะ…ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” พูดจบก็หันไปโวยวายกับเวินเซ่าชิงแบบคนผิดชิงลงมือฟ้องก่อน “คุณแกล้งฉัน!”
เวินเซ่าชิงมองดูเธอตั้งแต่ต้นจนจบ หัวเราะตัวงอ “ไม่เป็นไร ช่วงนี้มันกำลังผลัดขน ขนร่วงก็เป็นเรื่องปกติ”