ค่ำคืนเหน็บหนาวอันยาวนาน อยู่ดีๆ ความน้อยเนื้อต่ำใจจางๆ ที่เธอซ่อนไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยก็พลุ่งพล่านโดยไม่มีลางบอกเหตุ ส่งผลให้หลุดปากออกไปว่า “เพราะฉะนั้น…คุณบอกว่าชอบคนคนนั้น ก็เพราะความประทับใจแรกพบสินะ”
เวินเซ่าชิงชะงัก “อะไรนะ”
ฉงหรงประจุความกล้าถึงระดับสูงสุด “จงเจินบอกว่าคุณบอกเขาว่าคุณมีคนที่ชอบแล้ว”
“อ๋อ หมายถึงเรื่องนี้” เวินเซ่าชิงหัวเราะ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงส่ายหน้าตอบว่า “ไม่ใช่”
ฉงหรงยังไม่ยอมแพ้ “ทำไม”
แต่ชายหนุ่มไม่ตอบแล้ว กลับย้อนถามเธอว่า “แล้วคุณล่ะ ทำไมถึงชอบผม”
ฉงหรงถูกยั่วมาตลอดทั้งคืน ในที่สุดก็ปรอทแตก เพลิงโทสะเผาไหม้อยู่ในใจแผ่ขึ้นมาถึงดวงตา เขาหมายความว่าอะไร ทั้งๆ ที่มีคนที่ชอบแล้วยังชอบมายั่วเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เห็นเธอเป็นอะไร
ฉงหรงโกรธจัด ลุกขึ้นยืนจะกลับบ้าน
เวินเซ่าชิงมองดูเธอ จากสีหน้าไร้ความรู้สึกกลายเป็นโกรธภายในวินาทีเดียว โกรธจนหน้าแดงก่ำถลึงตามองเขา เขาได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจ ผู้หญิงต่อให้มีเหตุผลเยือกเย็นแค่ไหนก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี บทจะตัดไมตรีก็ตัดไมตรีทันที เขาตบรั่งอี๋รั่งเบาๆ “ไปห้ามเธอไว้ก่อน”
รั่งอี๋รั่งรีบวิ่งไปขวางฉงหรงเอาไว้ที่หน้าประตู ทำหน้าดุร้ายแบบนานทีปีหนจะมีสักครั้ง
ปกติฉงหรงก็กลัวมันอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่กล้าเดินหน้า เธอถอยหลังหลายก้าวแล้วหันไปถลึงตาใส่เวินเซ่าชิงซึ่งนั่งสีหน้าเยือกเย็นอยู่บนโซฟา “มีหมาแล้วแน่มากใช่มั้ย?!”
“งั้นก็เลี้ยงสักตัวสิ” เวินเซ่าชิงเสนอแนะด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมจะช่วยคิดให้นะ สัตว์อะไรที่ไม่มีขน…อา นึกออกแล้ว หมู! คุณเลี้ยงหมูก็แล้วกัน!”
ฉงหรงโมโหสุดขีด “บอกให้มันหลีกทาง!”
ท่าทางเวินเซ่าชิงจะสนุกกับการที่เธอกลัว เอ่ยอย่างเฉยเมย “บอกมันเองสิ”
“เวินเซ่าชิง! กักขังหน่วงเหนี่ยว! ฉันจะส่งจดหมายแจ้งจากสำนักงานทนายความ!”
“ทำไมทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องชอบผม คุณจะต้องเดือดขนาดนี้นะ”
“ฉันเปล่า!”
“ดูสิ”
ฉงหรงหายใจลึกๆ หลายครั้ง พยายามสงบสติอารมณ์ บอกตัวเองอยู่ในใจ คุณทนายฉงใจเย็นก่อน
เวลาทะเลาะกับคนอื่นสำคัญที่สุดคือห้ามสูญเสียความเยือกเย็น ห้ามโมโห ห้ามโมโหเด็ดขาด เรื่องทะเลาะกัน ประสบการณ์ของเธอทิ้งเวินเซ่าชิงไม่เห็นฝุ่น เขาก็แค่คนฆ่าสัตว์ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ