หญิงสาวหันขวับทันที ยิ้มให้ชายหนุ่ม พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตอนนั้นยังเด็กเกินไป เข้าใจว่าความรู้สึกแบบนั้นก็คือชอบ ตอนนี้มาคิดดู มันก็แค่หัวใจเต้นไม่ปกติแวบเดียว ฉันเข้าใจผิดคิดว่าหวั่นไหว หมอเวินเป็นผู้เชี่ยวชาญ อยู่ดีๆ หัวใจเต้นไม่ปกติหลายวินาทีแบบนี้ก็เป็นปฏิกิริยาปกติทางร่างกายงั้นหรือ เวลาผ่านมานานขนาดนี้ ความรู้สึกอะไรต่างๆ ก็จืดจางไปแล้ว ส่วนหมอเวินก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ต่อไปพวกเรายังคงเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันได้นะ”
พูดจบเธอก็เจตนายิ้มมุมปากให้ลึกขึ้น แสดงท่าทีผ่อนคลายสงบนิ่งมองอีกฝ่าย
เวินเซ่าชิงหลุบตาไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร ครู่ใหญ่ก็เหลือบมองเธออย่างเกียจคร้าน หัวเราะน่าสงสัย
ฆ่าศัตรูหนึ่งพัน ตัวเองสูญเสียแปดร้อย เธอถูกบีบจนไม่มีทางออกแล้วสินะถึงพูดอะไรแบบนี้
ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่ฉงหรงเห็นแววยิ้มในดวงตาเขาก็รู้สึกว่าหนีความซวยไม่พ้นแน่ๆ ทั้งๆ ที่ยังเป็นใบหน้าเดิม ความโค้งของรอยยิ้มมุมปากก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่รอยยิ้มตอนนั้นที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนนิสัยดี อ่อนโยน บัดนี้กลับพบว่าผู้ชายคนนี้ซ่อนความแสบระดับสูงไว้ เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระยะนี้ทำให้เธอค่อยๆ รู้ว่าเขาไม่ใช่คนอ่อนโยนเรียบง่ายเหมือนที่เคยเข้าใจ
คราวนี้เขาสั่งทันทีว่า “รั่งอี๋รั่ง หลบไป” รั่งอี๋รั่งแกว่งหาง เปิดทางให้
ฉงหรงรีบเปิดประตูเดินออกไป ขณะกำลังจะปิดประตู เวินเซ่าชิงก็ร้องเรียก “ฉงหรง!”
หางตาฉงหรงกระตุกอย่างแรง รู้สึกไม่ใช่เรื่องดี “เรียกทำไม”
สายตาของเขาจับจ้องอยู่บนใบหน้าเธอนานมาก สุดท้ายก็จ้องตาเธอ เอ่ยเบาๆ ว่า “คราวหน้าเวลาจะพูดว่าไม่ชอบใคร อย่าลืมมองตาด้วย อย่ามองร่องใต้จมูก ดูแล้ว…จะได้จริงใจขึ้นมาหน่อย” พูดจบก็ยิ้มให้เธออีกครั้ง
ในรอยยิ้มนั้นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมกับแววยั่วเย้า ทำให้ฉงหรงรู้สึกเลือดฉีดพุ่งอย่างแรง ร้องตวาดโดยไม่ต้องคิด “เวินเซ่าชิง คนสารเลว!”
เธอเพิ่งพูดจบ รั่งอี๋รั่งก็เห่าโฮ่งใส่สองที ทำเอาฉงหรงตกใจสะดุ้ง ปิดประตูหนีทันที แต่ยังไม่ลืมทิ้งคำท้าทายแบบหวาดๆ ว่า “มีหมาแล้วแน่มากใช่มั้ย!”
ฉงหรงหนีกลับบ้านอย่างใจหาย นั่งจมโซฟาด่าเวินเซ่าชิงไม่หยุด ตอนนั้นสมองตัวเองน้ำเข้าไปหรือไงถึงได้รู้สึกว่าเขาท่วงท่าโอ่อ่าสง่างาม อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพอ่อนโยน อะไรพวกนี้ทั้งหมดก็แค่เอามาใช้ขู่คนอื่นเล่นๆ เท่านั้น! ต้องเป็นเพราะตอนนั้นเขาใส่ยากล่อมประสาทในอาหารแน่นอน!
ฉงหรงนึกถึงเมื่อครู่ถูกรั่งอี๋รั่งเห่าใส่ เธอก็หนีหมดรูปกลับมาด้วยใจหวาดหวั่น ยิ่งคิดยิ่งโมโหจนปวดสมอง ก่อนจะคว้ามือถือโทรหาจงเจิน
“นายไปหาซื้อตุ๊กตาหมีตัวใหญ่สุดมาให้ฉันที คืนพรุ่งนี้ส่งมาที่บ้านฉัน! ห้ามปฏิเสธ ไม่อย่างนั้นเดือนหน้าตัดค่าขนมครึ่งหนึ่ง!”
จงเจินกำลังเค้นสมองเขียนเปเปอร์ ฟังแล้วก็งง “ตุ๊กตาหมี? วันเกิดใคร”
“ไม่มีงานวันเกิดใคร ฉันจะเลี้ยง!” พูดจบก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที
จงเจินมองมือถือพลางขมวดคิ้ว ผู้หญิงพอถึงวัยแล้วแต่ยังไม่มีแฟนล้วนไม่ค่อยปกติ
พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลต้องลองหาดูว่ามีผู้ชายสักคนไหมที่เหมาะกับพี่
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน ตุลาคม 64)