พิมมาลาน้ำตาร่วงเผาะ แววตาชอกช้ำ ใบหน้าแห้งกร้าน ผมดำที่เคยพลิ้วสลวยบัดนี้ยุ่งเหยิง ยิ่งเห็นก็ยิ่งน่าหดหู่ ไม่เหลือสภาพผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก๋อีกแล้ว ทุกคนไม่เคยนึกฝันว่าพิมมาลาจะมีวันนี้ ต่างก็พูดไม่ออก ส่วนพิมมาลาก็ได้แต่คร่ำครวญ
‘ไม่คืนใช่ไหม ได้! ฉันไม่เอามีดก็ได้ พวกแกห้ามฉันไม่ได้หรอก!’
สายตาของพิมมาลาตกอยู่ที่ขวดเหล้าใกล้มือ เจ้าหล่อนเอื้อมมือคว้าคอขวดตั้งท่าจะฟาดกับพื้นห้องหวังใช้เศษขวดเหล้าเป็นอาวุธประหัตประหารตัวเอง
‘ไม่นะ!’ มัชฌิมาซึ่งอยู่ใกล้พิมมาลามากที่สุดรีบโถมตัวเข้าใส่ หวุดหวิดเกือบไม่ทัน ปากก็ร้องลั่น จับพิมมาลาเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน ‘อีพิม! อีบ้า! ชีวิตของแกไม่มีค่าเลยเหรอไง!’
พิมมาลาถูกเขย่าจนมึนไปหมด ทั้งความเศร้า ทั้งแอลกอฮอล์ อาริสาซึ่งยืนมองอยู่ห่างๆ รีบเอ่ยปากเตือนเพื่อน ‘ปออย่าเขย่าไอ้พิม ปอหยุดก่อน!’
‘ไม่หยุด มันควรได้สติสักที’
‘แต่ว่า…’
‘ได้สติหรือยัง แกจะฆ่าตัวตายอีกไหม จะทำร้ายตัวเองอีกไหม ตอบมา!’ มัชฌิมาเขย่าเพื่อนรักไม่ออมแรง
‘ปอพอก่อน สีหน้าพิมไม่ดีแล้ว’
‘ฉันไม่หยุด ตราบใดที่มันยังไม่ได้สติฉันไม่มีวันหยุดเด็ดขาด’
‘แต่ว่า…’
‘หรือแกคิดจะเข้าข้างมันเหรอแอ๊นท์’
‘เปล่านะไม่ใช่ ฉันแค่จะเตือนแกว่า…’
‘อุแหวะ’
‘กรี๊ดดดดด อีพิม อีเลว แกอ้วกใส่ฉัน’ มัชฌิมาร้องเสียงหลง
อาริสาได้แต่พูดอย่างจนปัญญา ‘ฉันถึงได้บอกให้แกหยุดเขย่าตัวมันไงปอ’
พออาเจียนใส่มัชฌิมาจนหมด พิมมาลาก็สลบเหมือด พวกเธอที่เหลือสามคนได้แต่มองเจ้าหล่อนตาปริบๆ โดยเฉพาะมัชฌิมาที่กรีดเสียงจนคอแห้ง ทว่ากลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็ทำให้เจ้าตัวได้แต่ข่มใจไม่เอามีดสับพิมมาลาเป็นชิ้นๆ ซึ่งอาริสาก็ได้แต่มองมัชฌิมาด้วยความเห็นใจ