แต่ถึงอย่างนั้น…
“แต่ฉันมีคู่หมั้นแล้วนะ” หญิงสาวบอกเพื่อนเสียงอ่อย
“หมั้นแบบไม่เป็นทางการพวกฉันไม่ถือว่าเป็นคู่หมั้นกันหรอกย่ะ และที่สำคัญตาแมนหวานใจแกยังไม่กลับมาตอนนี้หรอกน่า เอาน่า! อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สิ ฉันรับรองว่าปฏิบัติการแก้แค้นของพวกเราจะเสร็จทันก่อนแฟนแกกลับมาแน่นอน” มัชฌิมาให้ความมั่นใจ
“แน่นะ?”
“แน่สิ”
“กะ…ก็ได้” ร่างบางยอมปล่อยเสา เมื่อกี้กอดแน่นจนเสาอุ่นเลย “เอากระเป๋าเสื้อผ้ามาสิ เดี๋ยวฉันหิ้วเอง”
“ไม่ต้อง แกมีหน้าที่อ่อยอย่างเดียว พวกฉันยอมเป็นเบ๊แก อย่างนี้ถึงยุติธรรม” จีรดาสรุปจบแล้วรุนหลังเธอให้เดินเข้าอาคาร
“ผู้ชายที่นั่งตรงโต๊ะนั้นไง นายภิมุขล่ะ” จีรดากระซิบกับเหยื่อล่อปลาที่ตอนนี้นั่งกระสับกระส่ายอย่างน่าสงสาร อาริสาไม่อยากมองหรอก ตอนนี้ยังทำใจมองผู้ชายอื่นนอกจากปกรณ์ไม่ได้
“เฮ้ย นี่แกฟังฉันพูดอยู่หรือเปล่าไอ้แอ๊นท์ ฉันบอกว่าโน่นไงนายภิมุข”
“เดี๋ยวค่อยมอง”
“จะมาเดี๋ยวทำไม อีกสักพักฉันกับไอ้ปอก็จะเดินออกไปแล้ว จะทิ้งแกไว้คนเดียวแล้วนะ”
คนตัวเล็กเจ้าของดวงตากลมโตขนตางอนเด้งถอนหายใจยาว เหลือบมองไปทางทิศที่เพื่อนบอกแล้วก็รีบหันกลับทันที
“นั่นเรียกว่ามองเหรอ ฉันนึกว่าแกสะบัดหน้า”
“เปล่าซะหน่อย”
“จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วนะ เอ้านี่บัตรของแก” มัชฌิมาเดินกลับมารวมกลุ่ม บ่นกระปอดกระแปด “ค่าสมาชิกแพงหูฉี่มากๆ พวกเราหารสามยังตกคนละเกือบหมื่นอะ”
มะ…หมื่นเลยเหรอ ฮือออออ เงินค่าสปาผิวของช้านนนน
“นี่ ฉันให้แกดูเป้าหมายนะยะ ไม่ใช่ให้มาทำตาละห้อยเสียดายเงิน”
จีรดาจับหน้าของเธอให้หันกลับมา คราวนี้ไม่ยอมปล่อยแก้มนิ่มทั้งสองข้างของเธอด้วย บังคับให้เธอดูให้ได้
เชอะ! หน้าตาก็ธรรมดาเหมือนในรูปถ่ายตามหน้าสังคมไฮโซ สามัญชนจะตาย จะต่างก็ตรงที่…ตัวสูง หุ่นนักกีฬา ท่าทางมั่นใจ ยิ้มเก๋ โอเคๆ สรุปว่าดูดีก็ได้ แต่ก็ดูดีแค่ภายนอกแหละ
“เป็นไง ดูดีมากๆ เลยใช่หรือเปล่า”
“ก็งั้นๆ” เธอย่นจมูก
“อีแอ๊นท์ ซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อย”