“อะไรนะยายแอ๊นท์!! นี่แกกินกับข้าวห้าอย่างจนเกลี้ยงแถมตบท้ายด้วยทับทิมกรอบ!” มัชฌิมาไม่อยากเชื่อ
“แถมไม่รวมเรื่องแกซัดออเดิฟไปอีกสองเมนูด้วยนะนั่น” จีรดาปิดท้าย
“อือ” อาริสาหน้าจ๋อย “ขอโทษนะพวกแก อาหารร้านนั้นมันเด็ดจริงๆ”
“ทำไมแกไม่ควบคุมตัวเอง กินข้าวอย่างกับปอบแบบนี้ แกจำได้ไหมเรื่องไอ้กฎข้อที่หนึ่งที่ว่าสาวเซ็กซี่มีมาดเขาไม่ทำกัน แกต้องกินแค่คำสองคำเพื่อไม่ให้พุงแกยื่นออกมาตอนอิ่มแล้ว”
“พุงฉันเมื่อคืนก็ไม่ได้ยื่นเท่าไหร่หรอก ฉันออกกำลังกายตลอดน่า”
“ใครจะเชื่อ กินขนาดนั้น เมื่อคืนท้องแกคงป่องเหมือนคนท้องสี่เดือนแหงๆ”
“ไม่นะ แต่ถ้าสองเดือนอะไรแบบนี้ก็น่าจะใช่อยู่”
“ยังจะกล้าพูดตาใสอีก” มัชฌิมาซึ่งกลัวว่าแผนจะเสียดุเธอเสียงเขียว “ยังไม่รีบกลับมาทำหน้าสำนึกผิดอีก ประเดี๋ยวพวกฉันก็ตีเลย”
“โอย…ฉันอยากจะบ้าตาย” จีรดาส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่ออีกคน “ตอนกินของหวานแกยังแบ่งกินกับเขาอีก แถมกินซะเกลี้ยงถ้วยด้วย”
“ฉันคงไม่เหมาะสมกับแผนการนี้ของพวกแกหรอก” หญิงผู้มีกระเพาะปอบก้มหน้าพูดเสียงอ่อยอย่างสำนึกผิด “ฉันว่าฉันคงทำแผนแกพังไม่เป็นท่าแล้วล่ะ แกหาคนมาแทนเถอะ ฉันไม่เหมาะสมจะเป็นตัวผู้เล่นในเกมนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“เปลี่ยนคนเหรอ”
“อือๆ”
“เปลี่ยนเป็นใครล่ะ”
“แฮ่ ตอนนี้ยังไม่รู้”
“แต่ว่าแกก็อยากเปลี่ยนใช่ไหม”
“ใช่ๆ ต้องหาคนที่เหมาะสมตั้งแต่กำเนิด ฉันน่ะ…ไม่เหมาะหรอก เห็นไหม แค่กินข้าวกับเขายังลำบากเลย” เธอเสนอความคิดพร้อมกับพยายามซ่อนดวงตาที่กระหยิ่มอย่างอดไม่อยู่ที่จู่ๆ ก็เกิดความคิดดีๆ แบบนี้
“มันก็จริงน่ะนะ จากสภาพที่แกเล่ามามันคงจะไม่ได้ผลแล้วล่ะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ถ้านายภิมุขเขาไม่สนใจแกแล้วเราค่อยหาคนใหม่” มัชฌิมายอมตัดใจ
“เย้! อุ๊บส์! เฮ้อ…น่าเสียดายจังเลยเนอะ” อาริสารีบตีหน้าเศร้าต่อ “ฉันน่ะอยากช่วยยายพิมจริงๆ นะ พวกแกอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้สิ นี่แอ๊นท์นะ แอ๊นท์เพื่อนรักของพวกแก”
มัชฌิมากับจีรดามองเธอตาขวาง อาริสารีบหลบตา เธอแกล้งนั่งไหล่ตกอย่างสำนึกผิดต่อ