“คุณแอ๊นท์ครับ ผมมาที่นี่ได้หรือเปล่าครับ”
เขาฉวยมือเธอไปจับไว้ จูงเธอเดินต่อไปข้างหน้า เสียงนุ่มๆ ที่มีความหมายซ่อนอยู่ในคำถามนั้นทำเอาใบหน้าเธอร้อนผ่าว ได้แต่ก้มหน้าผงกศีรษะน้อยๆ อย่างที่หากไม่สังเกตก็คงไม่ได้คำตอบ
“ขอบคุณครับ” ภิมุขสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนั้นของคนตัวเล็กกว่า ชายหนุ่มส่งสายตาอย่างมีความหมายขณะที่ทอดเสียงประโยคสุดท้ายอย่างอ่อนหวาน “ผมดีใจมากเลยนะครับแอ๊นท์”
อาริสาปิดตา ไม่นะยายแอ๊นท์ อย่าได้เข้าสู่เส้นทางของคนนอกใจ
ถ้า…
ถ้าไม่ติดว่ามีแมนเป็นคนในหัวใจของเธอแล้วล่ะก็ เธอคงดีใจมากกับคำพูดทั้งหมดและการกระทำทุกอย่างของภิมุขในวันนี้ ไม่แปลกเลยไม่แปลก ไม่แปลกแม้แต่นิดเดียวที่ยายพิมจะคลุ้มคลั่งสุดใจเมื่อถูกเขาทิ้ง
อาริสาเดินเคียงข้างภิมุขไปเงียบๆ เดินเอื่อยๆ ไปยังลานจอดรถ มือหนากุมมือเธอ บัดนี้พอมาถึงรถของเธอก็เปลี่ยนมารวบมือทั้งสองของเธอเอาไว้
ชายหนุ่มคงรู้สึกได้ถึงอาการกระตุกมือหนีของคนที่เดินเคียงข้าง เขาเอ่ยขอโทษเบาๆ ยอมปล่อยมือเธออย่างเสียดาย หญิงสาวเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนตัวสูงอย่างลังเล เธอส่ายหน้ากับความคิดตนเองที่จู่ๆ ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาจนเธอเองยังตกใจ
ไม่นะ! ไม่ได้นะ!
ชอบ…ชอบเขาไม่ได้นะ!
เสียงแหลมเล็กในอกดังท้วงทันทีที่สรุปความคิดของเธอได้ แต่มันก็สายเกินไป…สายเกินกว่าจะแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่าง
กว่าจะรู้ตัวอีกที มือของเธอก็เอื้อมไปจับมือของเขาไว้เองเสียแล้ว อาริสาอธิบายการกระทำของเธอในเวลานี้ไม่ได้จริงๆ
“คุณแอ๊นท์” แววตาของภิมุขวาววาม เขาก้มมองมือตนเองที่ถูกเธอกุมเอาไว้ ไม่ใช่คนไร้เดียงสาเสียหน่อยถึงจะไม่รู้ความหมาย สักพักเขาก็ดึงมือตัวเองเข้ามาซึ่งทำให้อาริสาที่ยังไม่ทันปล่อยมือเขาพลอยถูกดึงเข้าสู่อ้อมอกของเขาด้วย
อาริสาเม้มริมฝีปากล่างอย่างเก็บกดความรู้สึกที่เธออยากจะเพิกเฉยมาตลอด ความร้อนรุ่ม รักต้องห้าม ความบาปทั้งหลายช่างเย้ายวนจนเธอทนไม่ไหว และแล้วความรู้สึกที่ไม่เหมาะไม่ควรก็เริ่มเติบโต มารู้ตัวอีกทีมันก็หยั่งรากลึกลงกลางหัวใจของเธอแล้ว