“ฉันเปลี่ยนแผนใหม่แล้วล่ะ” จีรดาจอดรถก่อนจะหันมาอธิบาย “เราสองคนจะไม่ปิดบังเป้าหมายว่าเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น แกก็รู้ว่ายังไงซะเราก็ต้องเจอกันอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ซึ่งฉันก็มาคิดดูแล้ว เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน แผนนี้ดีที่สุด” เน้นประโยคสุดท้ายอย่างมั่นใจ
ดูมัน…พูดเองเออเองเสร็จสรรพ ซ้ำยังเน้นประโยคสุดท้ายอย่างมั่นใจซะด้วย
“ปอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
คนข้างๆ ส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ฉันว่าแล้ว นี่แกจะทำให้เรื่องมันสาวเข้ามาหาพวกเรามากขึ้นนะ แค่พวกฉันยอมให้แกจีบนายชายชาญนี่ก็เสี่ยงพอตัวแล้ว แต่นี่แกเล่นจะตามจับเขาขนาดนี้เลยเนี่ยนะ! ไม่เอา แผนของแกไม่ผ่าน ฉันไม่เห็นด้วย ปรับตก เอาออกไปเลย” อาริสาปฏิเสธทันทีโดยไม่สนใจเสียงฮึดฮัดของคนข้างๆ
“แผนของฉันเนี่ยดีแล้ว แกเชื่อฉันเถอะ”
“ไม่” เธอปฏิเสธเด็ดขาดพร้อมกับใช้ไม้เด็ดคือเปิดประตูลงจากรถทันที
“โห…ยายแอ๊นท์ แค่นี้ไม่เห็นต้องทำงอนเลย” จีรดาโวยวายพร้อมกับก้าวลงมาจากรถเช่นกัน
“ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็ไม่ยอมทำตามแผนของแกแน่” เธอยังคงเดินต่อไปและไม่สนใจแรงกระชากของยายเพื่อนตัวดีที่ตอนนี้พยายามยื้อยุดเธอ โฮะ! ไม่รู้อะไรซะแล้วว่าตอนนี้เธอไม่ใช่ยายแอ๊นท์ตัวอ่อนปวกเปียกแล้วนะ จะบอกไว้เลยว่าหลังจากต้องออกกำลังกายกับตาโคถึกภิมุขตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ พละกำลังของเธอตอนนี้มันก็แรดดีๆ นี่เอง
เพราะมัวแต่กระชากลากถูเถียงกันนี่เองจึงทำให้สองสาวไม่รู้ว่ากำลังเป็นเป้าสายตาของใครหลายคนแถวนั้น โดยเฉพาะเขา…ผู้ชายในชุดทหารที่กำลังเปิดประตูรั้วบ้านพักเดินออกมา
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ” เสียงห้าวถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ
“เผือก!!” เธอกับจีรดาหันไปตวาดคนที่เข้ามายุ่งพร้อมกัน พวกเธอน่ะตบตีกันแบบนี้ตลอดแหละ ยิ่งสมัยตอนเรียนหนังสือด้วยนะ จิกตบกันอย่างกับไก่ชน!
“ว้าย!” อาริสาร้องลั่น ใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม จู่ๆ ยายเพื่อนตัวดีที่ยื้อแขนเธอกลับปล่อยเธอจนเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้นดินอย่างแรง!
ยายเพื่อนใจร้าย เอาจริงเหรอเนี่ย ทุกทีไม่เคยตีกันรุนแรงเอาเป็นเอาตายเลยนะ เจ็บ! โอ๊ย! ขาเธอ ขาเจ็บมากเลย!
“ตายแล้วยายแอ๊นท์ของจิ๊บ”
แค่ประโยคนี้ทำไมทำให้อาริสารู้สึกขนลุกซู่
“แก…แกทำไมต้องทำเสียงสอง”
“โธ่แอ๊นท์ เจ็บหรือเปล่าจ๊ะ เป็นอะไรขึ้นมา คุยกันอยู่ดีๆ ทำไมจู่ๆ ก็ทำตัวคลุ้มคลั่งแบบนี้ เพื่อนจิ๊บตกใจหมดเลยนะจ๊ะ” จีรดาดัดเสียงสวยลูบหลังลูบผมเธอเป็นพัลวัน “โกรธจิ๊บทำไมจ๊ะ จิ๊บก็บอกแล้วไงว่าจะไปส่งน่ะ ดูสิไม่เห็นต้องโมโหเลย”
“หา?”
“โถๆๆๆ” เพื่อนเธอพูดเสียงอ่อนพลางใช้มืออีกข้างที่ว่างปัดฝุ่นที่เกาะกางเกงเธอไปมาด้วยอาการที่เรียกว่าห่วงใยจนน่าขนลุก “ไม่เจ็บนะแอ๊นท์”
พูดอะไรเนี่ยไม่เห็นเข้าใจเลย โอ๊ะ ดูสิ รอยยิ้มนั่น เฮ้ย! เธอเป็นผู้หญิงนะ อย่ายิ้มหวานขนาดนั้นได้ไหม