อาริสาหมดอาลัยตายอยาก เข่าเธอทรุดฮวบ ยังดีว่าทรุดตรงที่มีเก้าอี้พอดี
“คุณภิมุขเหรอคะ” หมดแรงแล้ว เธอหมดเรี่ยวแรงแล้วตอนนี้
“ผมมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ครับ ลองทายดูสิ”
ไม่ทายได้ไหม ทำไมยิ่งหนียิ่งเจอ ยิ่งโดนเขาเข้ามาป่วนหัวใจด้วย
อาริสายกมืออย่างอ่อนแรง โบกไล่สาวใช้ที่ยืนให้กำลังใจเธอให้กลับไปทำงานต่อ
“ทายอะไรคะ แอ๊นท์ทายไม่ถูกหรอกค่ะ”
เฉลยเถอะ เธอไม่กล้าเดา ยอมรับเลยว่าเวลานี้เธอกลัวตัวเองจะทายถูก ขืนเป็นแบบนั้นคงรับไม่ไหว
ในขณะที่เธอใจสั่น เสียงหัวเราะทุ้มต่ำก็ตอบมาอย่างร่าเริง “ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าบ้านคุณแล้วครับ และห้ามบอกว่าคุณไม่อยู่ เพราะผมยังเห็นรถของคุณจอดอยู่เลยนะ”
อาริสาหลับตา มือที่ถือโทรศัพท์กำแน่น ถามเขาเสียงพร่า
“คุณรู้จักบ้านแอ๊นท์ได้ยังไง”
คนปลายสายหัวเราะร่วนน้ำเสียงเซ็กซี่
“ความลับครับ เอาล่ะ ตอนนี้คุณจะมาเปิดประตูให้ผมได้หรือยัง ผมยืนรอมาตั้งแต่ตีห้าครึ่งแล้ว” ประโยคสุดท้ายดูเหมือนชายหนุ่มจะพูดอุบอิบอย่างขัดเขิน
“ตีห้าครึ่ง!”
“เอ่อ คือ เอาเป็นหกโมงก็ได้…” คราวนี้เสียงที่อุบอิบอยู่แล้วกลับเบาลงและอยู่ในลำคอยิ่งกว่าเดิม อาริสาอยากจะโกรธเขา อยากจะเกลียดเขา แต่ว่าเขาก็น่ารักเกินไปจนเธอทำไม่ลง
“งั้นรอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวแอ๊นท์ออกไปเปิดประตูให้”
ยอมแพ้ล่ะ ยอมแพ้แล้ว
เธอปรายตามองพวงกุญแจที่วางไว้บนเคาน์เตอร์อย่างตัดสินใจ
แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแมน ครั้งเดียวจริงๆ
อาริสาเรียกพลังตนเองให้กลับมาฮึดอีกครั้ง ร่างบางเดินโผเผไปที่ห้องซักล้างแล้วก็เรียกยายฝน รายนี้ก็เอาแต่ยืนกัดเล็บหน้าเครียด พอเห็นเธอปุ๊บก็รีบถลามาปั๊บ ถามแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ
“สรุปว่ายังไงคะคุณแอ๊นท์ คุณแมนจะโอนเงินมาให้เมื่อไหร่”
“โอนเงินอะไรล่ะ ฉันไม่ได้มีหนี้สิน”
“อ้าว ถ้างั้น…” ฝนบุ้ยใบ้ไปทางหน้ารั้ว
อาริสาทำมือรูดซิปปาก “เพื่อนฉันมาหา อีกเดี๋ยวพอเขาเข้ามาในบ้านฝนไม่ต้องถาม ไม่ต้องพูด รูดซิปปากให้สนิทเลยนะ”
“เอ๊า จู่ๆ จะให้ฝนเป็นใบ้ทำไมล่ะคะ”
“ถือว่าฉันขอร้องก็แล้วกัน รูดซิปปากให้แน่นเลยนะ หรือไม่ก็กลับไปอยู่ในห้องพักก่อน ไม่ต้องออกมา”