เขาลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยออกมา “พระเจ้ามยองจง…”
“โอเค”
ฉันรีบพูดตัดบท แล้วเริ่มหาหนังสือในกอง
“ถ้าเป็นพระเจ้ามยองจงล่ะก็…”
หากพระเจ้ามยองจงเป็นกษัตริย์องค์ก่อน เท่ากับว่าเขามาจากยุคพระเจ้าซอนโจสินะ มาคิดดูแล้ว ช่วงหลายปีที่ผ่านมา พ่อหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาประวัติองค์ชายควังแฮ เขาคนนี้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับองค์ชายควังแฮแน่นอน พ่อจึงพามาถึงที่นี่
“เล่มนี้ดีกว่า” ฉันหยิบหนังสือพยากรณ์ให้ “หนังสือพยากรณ์น่าจะสนุกดีนะ”
“หนังสือพยากรณ์รึ”
“น่าจะแพร่หลายในหมู่ชาวบ้านยุคพระเจ้ามยองจง เคยอ่านมั้ย”
เขาอ่านชื่อบนปกที่เขียนด้วยตัวอักษรจีนก่อนตอบว่า
“หนังสือไร้สาระพรรค์นั้นข้าไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็นหรอก”
ดูเหมือนเขาจะหงุดหงิดกับคำพูดของฉัน มันก็น่าหงุดหงิดอยู่หรอก มาอยู่ในสถานที่ประหลาด แถมยังได้ยินคำพูดไม่สุภาพจากผู้หญิงที่แต่งตัวประหลาดอีกด้วย ดูท่าทางเขาจะเป็นขุนนางที่เย่อหยิ่งอวดดีไม่น้อยเลยล่ะ ชุดก็เป็นผ้าแพรที่มีราคา มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่น่าใช่ขุนนางธรรมดา แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องกลัว เพราะตอนนี้ฉันอยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ไม่ใช่ยุคโชซอน
“ไม่เคยอ่านหนังสือพวกนี้ แสดงว่าผ่านช่วงสงครามอิมจินที่ญี่ปุ่นเข้ามารุกรานแล้วน่ะสิ”
แล้วทันใดนั้นเองฉันก็รู้ตัวว่าพลาดไปแล้ว สงครามอิมจินเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าซอนโจ แต่เขาอาศัยอยู่ในช่วงก่อนเกิดสงครามอิมจิน ก็เท่ากับว่าฉันได้ทำผิดพลาดร้ายแรงที่พูดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในยุคสมัยของเขาออกไป
ฉันรีบหลับตารอคอยอาการปวดหัว แต่รอหลายวินาทีก็ยังไม่รู้สึกปวดหัวเลยสักนิด คำว่า ‘ญี่ปุ่นเข้ามารุกราน’ ที่ออกมาจากปากของฉันเป็นคำพูดที่ร้ายแรงมาก แต่แทนที่เขาจะตกใจแล้วถาม เขากลับนิ่งเฉย ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาผ่านช่วงสงครามอิมจินมาแล้ว
เขาคงรู้จักสงครามที่กินเวลายาวนานเจ็ดปีเป็นอย่างดี ฉันรู้สึกผิดและหดหู่อย่างบอกไม่ถูก พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตอนนี้ใบหน้าของเขากำลังแดงก่ำ
ยุคที่เขาอาศัยอยู่น่าจะเป็นช่วงระหว่างเกิดสงครามหรือไม่ก็ช่วงหลังสงครามแน่ๆ สงครามอันตรายจะตาย ทำไมพ่อต้องเดินทางข้ามเวลาไปยุคนั้นด้วยนะ
พ่อมักจะท่องเวลาไปยังช่วงเวลาที่ไม่มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ และจะไม่เสี่ยงพาคนที่เกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์โดยตรงหรือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์มายังยุคปัจจุบัน ถ้าอย่างนั้นเขาคนนี้ก็คงจะไม่น่าเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์มากนัก พ่อจึงพามา
หลังจากปล่อยให้ความเงียบปกคลุมได้พักใหญ่ เขาก็นั่งลงบนพื้นห้องที่คับแคบแล้วเปิดหนังสือพยากรณ์อ่าน
“ผมทรงนี้เท่จังเลยนะ”
ฉันพยายามพูดทำลายบรรยากาศที่ชวนอึดอัด ทว่าไม่มีคำตอบใดๆ เขาเอาแต่เปิดหนังสือโดยไม่ใส่ใจฉันเลยแม้แต่น้อย ฉันจึงเอื้อมมือไปแตะผมของเขาเบาๆ
หมับ!
เขาคว้าข้อมือของฉันเอาไว้ทันที อะไรกัน อายุก็เท่ากันแท้ๆ ทำเป็นเจ้ายศเจ้าอย่างไปได้
“ไร้มารยาท!”
“โอ๊ย! เจ็บ…”
แต่เขากลับยิ่งบีบแรงขึ้นอีก
“เจ็บนะ! ฉันบอกว่าเจ็บไงเล่า”
ทันทีที่ฉันตะโกนด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน เขาก็ปล่อยมือออก ฉันรู้สึกเจ็บราวกับข้อมือจะหลุด
“ถ้าฉันพูดจาแรงไปก็ขอโทษด้วย แต่นายไม่เห็นต้องโกรธแล้วทำถึงขนาดนี้เลยนะ”
พอสายตาเหลือบไปเห็นดาบที่วางอยู่ข้างกาย ฉันก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวานทันที ถ้าเขาโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่จนหยิบดาบขึ้นมาล่ะก็ ฉันต้องแย่แน่ๆ