ข้าวในชามหายวับไปกับตา ซุปก็ถูกซดหมดจนแทบจะกลืนถ้วยตามเข้าไป ฉันจึงตักข้าวเพิ่มให้อีกชาม แล้วยื่นแก้วน้ำเปล่าให้ พอเห็นสายตาของเขามองแก้วน้ำด้วยความสงสัย ฉันก็รีบหาเหตุผลทันที
“ของพวกนี้มาจากอาณาจักรหมิงเหมือนกันน่ะ”
แก้วน้ำจานชามพวกนี้พ่อซื้อมาจากร้านขายสินค้าพันวอน มันก็ Made in China เหมือนกันนั่นแหละ
เขาใช้สองมือยกแก้วน้ำขึ้นมาราวกับประคองถ้วยชา แล้วดื่มน้ำในแก้วจนหมด จากนั้นก็เริ่มกินข้าวต่อ
“วันนี้ยังไม่ได้กินข้าวเลยเหรอ”
เขาส่ายหัวแทนคำตอบ
“หนึ่งวันเหรอ”
เขาส่ายหัวอีกครั้งแล้วเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าที่ขาวผ่องและดวงตาที่เป็นประกายกำลังจับจ้องมาที่ฉัน
“สามวัน”
“สามวัน?! จริงเหรอ ไม่ได้กินอะไรสามวันเนี่ยนะ ทำได้ไงเนี่ย”
เป็นถึงขุนน้ำขุนนาง แต่ไม่ได้กินข้าวสามวันเนี่ยนะ ดูเสื้อผ้าแล้วก็ไม่เห็นจะเหมือนคนอดอยากเลยสักนิด ที่เอวก็มีป้ายหยกหักครึ่งห้อยอยู่ด้วย
“ทำไมไม่ขายป้ายหยกนั่น แล้วเอาเงินไปซื้อข้าวกินล่ะ”
เขาก้มลงมองที่เอวของตัวเองตามคำพูดของฉัน ก่อนจะวางช้อนแล้วหยิบป้ายหยกที่หักครึ่งขึ้นมาอย่างหวงแหน
“ทุกอย่างข้าขายได้ ยกเว้นสิ่งนี้”
“ทำไมล่ะ ของสำคัญเหรอ”
“คนที่มอบสิ่งนี้ให้ข้าสำคัญสำหรับข้ามากกว่าผู้ใด มันแตกครึ่ง อีกส่วนได้หายไป ซึ่งข้าก็ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน…”
ฟังดูแล้วไม่น่าใช่สมบัติที่สืบทอดมาจากวงศ์ตระกูล
“กินอีกมั้ย”
“ข้าไม่กินแล้ว”
พออิ่มท้องก็เริ่มกลับมาวางมาดขุนนางต่อสินะ ฉันคิดที่จะล้อเลียนเรื่องที่เขากินอย่างมูมมาม แต่ดวงตาของเขายามมองป้ายหยกหักครึ่งนั้นดูเศร้าสร้อยมากจนฉันไม่กล้า
“อยากกินอะไรตบท้ายมั้ย”
“กินอะไรตบท้ายรึ”
“หมายถึงของกินเล่นหลังอาหารน่ะ เห็นอย่างนี้ฉันก็มีฝีมือทำอาหารนะ”
“ไม่”
เขามองฉันด้วยแววตาสำรวจราวกับไม่เชื่อในฝีมือทำอาหารของฉัน ฉันเคยถูกส่งไปทำงานที่ห้องเครื่องของพระเจ้าเซจงตั้งห้าปีนะ ตลอดห้าปีนั้นฉันได้เห็นอาหารที่ขุนนางธรรมดาอย่างนายไม่เคยเห็นมาตลอดชีวิตเลยล่ะ
“ถึงจะดูไม่ได้เรื่อง แต่ฝีมือทำอาหารของฉันน่ะระดับนางในสังกัดห้องเครื่องเชียวนะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”
“นางในแห่งห้องเครื่องรึ ที่นี่มีห้องเครื่องด้วยรึ”
“ห้องเครื่องก็ต้องอยู่ในวังสิ ที่นี่จะไปมีได้ยังไงล่ะ ที่ฉันต้องการจะบอกก็คือฝีมือของฉันน่ะเทียบได้กับนางใน สังกัดห้องเครื่อง ดังนั้นนายอยากกินอะไรก็ว่ามาเลย เห็นว่าอายุเท่ากันหรอกนะ ฉันเลยจะทำให้เป็นพิเศษ”
“อายุเท่ากัน เจ้ากับข้าอายุเท่ากันอย่างนั้นรึ”
“อือ” ฉันยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า
เขาคิดอะไรอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยกับฉันว่า “ข้าอยากกินไข่ต้ม”
“ไข่ต้มเนี่ยนะ ธรรมดาจัง ฉันนึกว่าจะได้ยินชื่ออาหารอะไรยากๆ หน่อยเสียอีก”
“สิ่งที่ข้าชอบมากที่สุดคือไข่ต้ม เพราะเป็นอาหารชนิดเดียวที่ท่านแม่ของข้าเคยป้อนข้า”
ฉันไม่เชื่อคำพูดของเขาจึงถามซ้ำ “คุณแม่ของนายป้อนไข่ต้มให้กินอย่างเดียวเองเหรอ”