“ขอบใจท่านมากที่มาถึงที่นี่”
“พ่ะย่ะค่ะ และแม้บาดแผลนั้นจะหายดีแล้ว แต่อาจจะทิ้งร่องรอยเอาไว้นะพ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดของหมอฮอจุนทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันจึงรีบหันไปหาจงทันที
“จง เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
ยูซังกุงกระแอมออกมาอย่างไม่พอใจที่ฉันเรียกชื่อจงเฉยๆ แต่ทว่าในสถานการณ์ตอนนี้ฉันสนใจเรื่องความปลอดภัยของจงมากกว่า
“ข้าไม่เป็นไร”
“แน่นะ”
ระหว่างนั้นหมอฮอจุนก็หันมาตอบแทนจง
“ท่านชายจงไม่ได้รับบาดเจ็บที่ใดเลยขอรับ เพราะฉะนั้นวางใจได้”
“อ๋อ เจ้าค่ะ”
คำยืนยันจากหมอฮอจุนทำให้ฉันวางใจในระดับหนึ่ง แต่แล้วอาการเจ็บไหล่ก็แล่นขึ้นมาอีกครั้งจนใบหน้าของฉันบูดเบี้ยว
“ข้าจะจ่ายยาระงับอาการปวดให้นะขอรับ ท่านต้องทานยาต่อเนื่องจนกว่าบาดแผลจะหายเป็นปกติ”
พอหมอฮอจุนเดินออกจากห้องไป นางในนำเสื้อมาคลุมให้ฉันตรงบาดแผลที่มีสมุนไพรพอกเอาไว้อยู่จึงทำให้มองไม่เห็นลักษณะของบาดแผล แต่จากคำพูดของหมอฮอจุน มันคงเป็นบาดแผลฉกรรจ์ไม่น้อยทีเดียว ถ้าเป็นโลกปัจจุบันก็ศัลยกรรมตกแต่งแผลเป็นให้หายได้ แต่สำหรับยุคนี้ก็เลิกฝันไปได้เลย แต่นึกๆ ดูแล้ว ฉันคงไม่ใส่เสื้อสายเดี่ยวหรือใส่บิกินีในยุคนี้หรอก จะกังวลใจไปทำไม…
ระหว่างนั้นองค์ชายจองวอนก็หันไปออกคำสั่งกับยูซังกุง
“เจ้าพาจงไปหาพระชายา แล้วบอกว่าข้าจะให้จงพักที่นั่นสักระยะ”
“อะไรนะเพคะ!”
คำพูดขององค์ชายจองวอนทำให้ยูซังกุงถึงกับตกใจ ซึ่งฉันรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร ที่นี่คือที่พักของจง ไม่ว่าฉันจะบาดเจ็บสักแค่ไหน หากฟื้นแล้วฉันก็ต้องกลับไปพักรักษาตัวที่ห้องพักเล็กๆ ของฉัน แต่คำพูดขององค์ชายจองวอนเหมือนกำลังบอกว่าให้ฉันพักรักษาตัวที่นี่
“เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึ”
“แต่ว่าองค์ชายจองวอนเพคะ พระชายาคงไม่สามารถดูแลได้หรอกเพคะ ย้ายซังกุงพระพี่เลี้ยงไปพักรักษาตัวที่อื่นน่าจะเหมาะกว่านะเพคะ”
“ยูซังกุง! ข้าถามว่าเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึ”
ทันทีที่องค์ชายจองวอนถามซ้ำ ยูซังกุงก็รีบก้มหัวและเดินมายืนข้างๆ จง แต่ดูท่าทางจงเองก็ไม่ได้อยากจะห่างฉันหรือคิดที่จะไปพักที่อื่นเลย
“ไปหาแม่เถอะนะจ๊ะ พอพี่ดีขึ้นพี่จะไปหาจงเอง”
จงทำท่าลำบากใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าแล้วจับมือของยูซังกุงเดินออกจากที่พักไป ตอนนี้นอกจากหมอหญิงคนหนึ่งที่คอยดูแลฉัน ในนี้ก็มีเพียงแค่องค์ชายจองวอนกับฉันเท่านั้น
หมอหญิงนั่งนิ่งราวกับก้อนหิน ไม่ส่งเสียงใดๆ องค์ชายจองวอนก็เอาแต่หันหน้าไปทางอื่น บรรยากาศจึงชวนอึดอัดมาก ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาคงสั่งฉันว่าไปพักได้แล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่ยอมออกไปและเอาแต่นิ่งเงียบ ฉันจึงคิดว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกไปสักอย่าง
“ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้วหรือเพคะ” ฉันถามแบบนั้นเพราะด้านนอกของหน้าต่างที่กรุด้วยกระดาษดูมืดมิด
“ตะวันเพิ่งตกดินได้ไม่นานนัก”
แล้วความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง ให้ตายเถอะ เขาไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเลยเหรอ หรือว่าเขากำลังจะไล่ฉันออกจากตำแหน่งซังกุงพระพี่เลี้ยง เพราะฉันดูแลจงได้ไม่ดีพอ ไม่ได้นะ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันก็ต้องไปอยู่นอกวัง และก็จะไม่ได้เจอพ่อ
“คือ…เรื่องเมื่อกลางวัน…”
“ข้าขอโทษเจ้าด้วย เพราะจงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้” เขาขอโทษพร้อมกระแอมอย่างขัดเขิน “สภาพของเจ้าในตอนนี้คงดูแลจงไม่ได้สักระยะ”