Jamsai
ทดลองอ่าน พานพบฝ่าบาทในห้วงกาล บทที่ 3-บทที่ 4
และคนที่ตกใจมากกว่าใครก็คือจงที่เพิ่งเคยเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเป็นครั้งแรกในชีวิต จงจึงแผดเสียงร้องไห้ออกมา
“ยังนั่งอยู่อีกหรือ! เตียงนั่นไม่ได้ถูกเตรียมเอาไว้ให้เจ้า รีบลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
ถ้าทำได้พระชายาคงจะวิ่งเข้ามากระชากฉันออกไปแล้ว และทันใดนั้นเองจงก็วิ่งมากอดฉันแน่น
“ไม่ได้นะขอรับ! ไม่ได้เด็ดขาด ฮือๆ พี่สาวจะต้องอยู่ที่นี่! อยู่กับข้า ฮือๆ ท่านแม่อย่าไล่พี่สาวไปเลยนะขอรับ ข้าไม่ให้พี่สาวไป… พี่สาวเจ็บอยู่ เจ็บเพราะข้า ทั้งหมดเป็นเพราะข้า ข้าไปเจอเสือแล้วพี่สาวเข้ามาช่วย ฮือ…”
การร้องไห้ของจงทำให้องค์ชายจองวอนยิ่งส่งสายตาเย็นชาไปให้พระชายา ซึ่งพระชายาเองก็จ้องมองฉันกับจงด้วยสีหน้าตกตะลึง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ฉันจึงรู้สึกสงสารจงจับใจที่ต้องมาฟังคำพูดอันแสนร้ายกาจของแม่ตัวเอง
แล้วคืนนั้นจงก็นอนจับมือกับฉันท่ามกลางกลิ่นตลบอบอวลจากยาสมุนไพรที่พอกอยู่บนหัวไหล่ของฉันจนหลับไป
วันรุ่งขึ้นพระชายาพาลูกชายสองคนยกเว้นจงออกจากพระราชวังชั่วคราว คงจะกลับไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของนางอีกครั้ง องค์ชายจองวอนก็กลับไปคุมงานก่อสร้างพระราชวังต่อ ภายในตำหนักขององค์ชายจองวอนซึ่งอยู่ในพระราชวังชั่วคราวนี้จึงเงียบสงบเป็นปกติ
ช่วงที่ยังเจ็บอยู่ ฉันไม่สามารถดูแลจงได้ และการที่ฉันพักรักษาตัวอยู่ในห้องของจงคือ ‘การหมิ่นเกียรติเจ้านาย’ อย่างที่พระชายาบอกไว้ ดังนั้นฉันจึงย้ายกลับมาพักรักษาตัวในที่พักของตัวเอง แต่จงก็ยังตามมาขลุกอยู่กับฉันในที่พักแคบๆ ทั้งวัน ยกเว้นเวลาที่ต้องเรียนหนังสือเท่านั้น พอหลายวันเข้าจงก็ย้ายมากินนอนอยู่ในที่พักของฉัน โดยไม่ฟังคำคัดค้านของยูซังกุงเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างนั้นข้าราชการจากฮงมุนควันจึงต้องมาสอนหนังสือให้จงในที่พักของฉัน ส่วนฉันต้องออกไปรอข้างนอกในระหว่างที่จงเรียนหนังสือ
บาดแผลที่ไหล่ของฉันเริ่มแห้งและตกสะเก็ดแล้วเมื่อฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่นมาเยือน ยูซังกุงก็กดดันให้ฉันกลับไปทำงานเพื่อจงจะได้กลับไปอยู่ที่ตำหนักของตัวเอง แต่ฉันขอเลื่อนออกไปก่อนเพราะฉันยังต้องพอกและกินยาสมุนไพรอยู่ ฉันไม่อยากให้กลิ่นสมุนไพรเหม็นคละคลุ้งที่ตำหนักของจง
“ไม่น่าเชื่อเลยนะเจ้าคะ”
หลังจากที่จงหลับไปแล้ว มียองก็มาหาฉันเหมือนปกติ
“อะไรหรือ”
“ก็ท่านชายจงขององค์ชายจองวอนน่ะสิเจ้าคะ ทุกคนในวังรู้ดีว่าท่านชายจงเกลียดกลิ่นยาสมุนไพรมากถึงขนาดไม่อยากไปพระตำหนักของพระมเหสี แต่ท่านชายจงกลับมาอยู่ที่นี่ กินนอนที่นี่ ทั้งที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยา”
ฉันรู้สึกดีที่จงชอบฉันมากถึงขนาดยอมทนดมกลิ่นยาสมุนไพรเพื่อมาอยู่กับฉัน
“ให้ข้าลองสัมผัสหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ” มียองกระเถิบเข้ามาใกล้พร้อมกระซิบถาม
“สัมผัสอะไรหรือ”
“ท่านชายจงค่ะ”
ฉันไม่รู้ว่ามียองคิดอะไรอยู่ แต่ฉันก็ขยับหนีเพื่อให้มียองได้เข้าใกล้จง แล้วมียองก็ค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปแตะที่หน้าผากของจงซึ่งกำลังหลับใหลอยู่
“อุ่นจังเลยเจ้าค่ะ”
“ร่างกายของคนเราก็อุ่นกันหมดนั่นแหละ”
“เด็กๆ นี่น่ารักหมดทุกคนเลยนะเจ้าคะ ถ้าข้ามีลูก ข้าจะมีความสุขสักเท่าไรกันนะ…”
คำพูดของมียองทำให้ฉันรู้สึกหดหู่ใจ ถ้ามีลูก จะมีความสุขสักเท่าไรกัน… นางในทั่วไปจะต้องอาศัยอยู่อย่างเดียวดายไปตลอดชีวิตหากไม่ได้รับความกรุณาจากพระราชา
“ข้าอิจฉาพี่สาวมากเลยนะเจ้าคะที่ได้ดูแลท่านชายจง แม้จะไม่มีโอกาสได้มีลูกเป็นของตนเอง แต่แค่ได้เลี้ยงเด็กก็ดีมากแล้วเจ้าค่ะ”
มียองแตะหน้าผากจงอีกครั้งด้วยความเอ็นดูพลางจ้องมองใบหน้าเล็กๆ ที่กำลังหลับใหลราวกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ฉันมองมียองพลางหยิบส้มออกมายื่นให้
“กินนี่สิ”
“ฮวังคัม?! ไปเอามาจากไหนเจ้าคะ”
“องค์ชายจองวอนให้มาเมื่อตอนกลางวันน่ะ บอกให้ข้าเอามากินกับจง”
“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูกาลของฮวังคัม ได้ยินมาว่าฝ่าบาทพระราชทานเฉพาะแค่องค์ชายรัชทายาทกับองค์ชายจองวอนเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ทำให้องค์ชายอิมแฮโกรธมากเลยเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นรึ”
“เจ้าค่ะ แม้จะเป็นเพียงแค่ฮวังคัมไม่กี่ลูก แต่ก็เป็นเรื่องของความโปรดปรานเจ้าค่ะ องค์ชายรัชทายาทคือคนที่จะได้เป็นพระราชาองค์ต่อไป ดังนั้นฝ่าบาทจึงต้องพระราชทานให้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สำหรับองค์ชายจองวอนนั้นเพราะพระองค์เป็นพระโอรสของพระสนมอินบินผู้ที่ฝ่าบาทกำลังโปรดปรานมากกว่าใครๆ เจ้าค่ะ”
เพราะพี่ชายสองคนขององค์ชายจองวอนเสียชีวิตไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นลูกชายคนเดียวของพระเจ้าซอนโจกับพระสนมอินบิน
“แล้วฝ่าบาทโปรดปรานองค์ชายจองวอนไหม”
มียองมองไปรอบๆ ห้องก่อนจะกระซิบกระซาบ “เรื่องนี้คนในวังต่างก็ทราบดีเจ้าค่ะว่าจริงๆ แล้วตำแหน่งขององค์ชายรัชทายาทนั้นต้องเป็นขององค์ชายชินซอง แต่เพราะองค์ชายชินซองสิ้นพระชนม์ในช่วงสงครามอิมจินเจ้าค่ะ”
องค์ชายชินซองคือโอรสคนที่สองของพระเจ้าซอนโจกับพระสนมอินบิน เขาเสียชีวิตในช่วงเกิดสงครามอิมจิน ส่วนองค์ชายอึยอันซึ่งเป็นพี่ชายคนโตนั้นก็สิ้นพระชนม์ตอนอายุเพียงแค่สิบสองปีเท่านั้น ซึ่งถ้าสองพระองค์นี้ไม่ได้สิ้นพระชนม์ องค์ชายควังแฮก็คงไม่ได้เป็นองค์ชายรัชทายาท นี่คือสิ่งที่นักประวัติศาสตร์ทุกคนรู้ดี แม้แต่เด็กวัยรุ่นอย่างฉันก็ยังรู้เลย
“หวานมากเลยเจ้าค่ะ! ตั้งแต่เกิดมาข้าเพิ่งเคยกินฮวังคัมเป็นครั้งแรก กลิ่นก็หอมมาก”
“เอาเปลือกมาทำเป็นชาก็อร่อยนะ เจ้าวางเปลือกเอาไว้ตรงนั้นแหละ เอาไว้ข้าจะทำชาให้”
“จริงหรือเจ้าคะ นางในอย่างข้ากินของล้ำค่าแบบนั้นได้หรือเจ้าคะ”
“ก็กำลังกินอยู่นี่ไง ฮ่าๆ”
“นั่นสิเจ้าคะ ฮ่าๆ”