แผลที่ไหล่ของฉันหายดีเมื่อสิ้นฤดูใบไม้ผลิ เหลือแต่รอยแผลเป็นเอาไว้อย่างที่หมอฮอจุนบอก แต่มันไม่ใช่รอยแผลเป็นที่ใหญ่มาก ฉันจึงไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่
ฉันกลับไปทำงานที่ตำหนักของจงตามปกติ พอเข้าเดือนห้า จงก็เรียนจบไปอีกหนึ่งขั้น จึงได้รับของขวัญและคำชมเชยจากเสด็จปู่ แต่ในเดือนถัดมา พระมเหสีอึยอินก็ไม่สามารถเอาชนะโรคภัยที่รุมเร้ามาเป็นระยะเวลาเนิ่นนาน พระนางจึงสวรรคต ณ พระราชวังชั่วคราวแห่งนี้
เมื่อพระมเหสีอึยอินแห่งพระเจ้าซอนโจสวรรคต ภายในพระราชวังจึงเข้าสู่พิธีการไว้ทุกข์ แต่ในเวลาเดียวกันก็มีข่าวลือเกี่ยวกับความขัดแย้งกันระหว่างพระเจ้าซอนโจกับคณะทูตที่เดินทางไปยังอาณาจักรหมิง
นี่ก็ผ่านไปแปดปีแล้วหลังจากสงครามอิมจินสิ้นสุดลง ซึ่งทุกปีคณะทูตจะเดินทางไปยังอาณาจักรหมิงเพื่อขออนุญาตให้ ‘แต่งตั้งองค์ชายควังแฮเป็นองค์ชายรัชทายาท’ แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกปีด้วยเหตุผลที่ว่าองค์ชายควังแฮไม่ได้เป็นพระโอรสองค์โต ปีนี้ก็เช่นกัน เมื่อพระเจ้าซอนโจได้อ่านเนื้อความในเอกสารขออนุญาตแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาทที่ส่งไปยังอาณาจักรหมิง พระองค์ก็ได้ตรัสกับคณะทูตอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง
“พวกเจ้าเอาแต่ให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาท เหตุใดพวกเจ้าไม่กล่าวถึงเรื่องการเลือกพระมเหสีองค์ใหม่ในเอกสารนี้ด้วยเล่า”
คำตรัสนี้ทำให้รู้โดยทั่วกันว่าพระเจ้าซอนโจมีความประสงค์ที่จะจัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสใหม่อย่างเป็นทางการ และถือโอกาสนี้ออกคำสั่งคัดเลือกคู่อภิเษกสมรสก่อนที่พิธีไว้ทุกข์สามปีให้แก่พระมเหสีอึยอินจะเสร็จสิ้นลง
“คัดเลือกคู่อภิเษกรึ”
“ใช่เจ้าค่ะ อย่างนั้นเลยเจ้าค่ะ”
นี่คือคำพูดของมียองที่มาหาฉันที่กำลังใช้เวลาในช่วงกลางวันที่ร้อนอบอ้าวกับจง ช่วงที่ฉันหยุดงานและพักรักษาตัวนั้น มียองมาหาฉันบ่อยๆ จึงได้คุ้นเคยกับจงไปด้วย แม้ฉันจะหายดีและกลับมาทำงานที่ตำหนักของจงแล้ว มียองก็ยังมาหาฉันที่ตำหนักของจงอยู่เรื่อยๆ จนตอนนี้จงเริ่มไว้ใจและแบ่งของว่างให้มียองด้วย
“ได้ยินมาว่าตอนนี้คัดเลือกจนเหลือสามคนแล้วเจ้าค่ะ แต่ยังไม่รู้ว่าใครจะได้เป็นพระมเหสีกันแน่”
จงกำลังตั้งใจเขียนหนังสือและเคี้ยวแมจักกวาอย่างเอร็ดอร่อย มียองจึงลดเสียงให้เบาลง
“ฝ่าบาทมีพระชนมายุมากแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงได้ทิ้งพระสนมที่ให้กำเนิดองค์ชายมากมาย แล้วเลือกพระมเหสีองค์ใหม่ที่อายุยังน้อยด้วยล่ะเจ้าคะ”
ผู้ชายทุกคนต่างก็อยากมีภรรยาที่สาวและสวยกันทั้งนั้น พระเจ้าซอนโจเองก็คงไม่แตกต่างไปจากผู้ชายทั่วไป
“หากพระมเหสีองค์ใหม่ให้ประสูติพระโอรสล่ะก็ สายลมแห่งเลือดได้พัดเข้ามาในวังแน่นอนเจ้าค่ะ”
“สายลมแห่งเลือดรึ”
จงละสายตาจากตัวหนังสือขึ้นมามองเราสองคน ฉันจึงขยิบตาส่งสัญญาณให้มียองระวังคำพูดก่อนจะยิ้มหวานให้จง
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ จงเขียนเสร็จแล้วรึ ไหนขอดูหน่อยได้ไหม”
จงยื่นกระดาษให้ฉันอย่างภูมิใจ
‘สีทองน่ามองชวนนึกว่าทองแท้ แต่พอลองกินแล้วช่างหอมหวาน นี่คือฮวังคัม’
“เก่งจัง!” ฉันลูบหัวจงพร้อมเอ่ยถาม “อยากกินฮวังคัมรึ”
จงพยักหน้า
“ทำอย่างไรดีล่ะ นี่ไม่ใช่ฤดูกาลของฮวังคัมเสียด้วยสิ ต้องรออีกหลายเดือนเลย”
จงพยักหน้าอีกครั้งแล้วตั้งใจเขียนหนังสือต่อ ฉันจึงได้โอกาสหันไปมองมียองอีกครั้ง
“ระวังคำพูดคำจาหน่อย จงยังเด็กนัก หากจงนำคำที่เจ้าพูดไปพูดต่อจะทำอย่างไร”
“เจ้าค่ะ พี่สาวเองก็ต้องระวังเหมือนกันนะเจ้าคะ พี่สาวกับท่านชายจงอยู่ใกล้กันมากเกินไป บางทีอาจจะมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นก็ได้ แต่ว่าพี่สาวเจ้าคะ ถ้าพระมเหสีองค์ใหม่ประสูติพระโอรสขึ้นมา องค์ชายรัชทายาทควังแฮจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ”