“ข้าเข้ามาเป็นนางในของห้องเครื่องได้ก็เพราะบุญคุณของพระสนมอินบินเจ้าค่ะ ดังนั้นข้าจึงรอโอกาสที่จะได้ตอบแทนเมตตาของพระสนมอินบินอยู่เสมอ เมื่อคืนพระสนมอินบินอยากรับอาหารว่างมื้อค่ำ ข้าจึงลงมือทำอาหารว่างด้วยตนเองโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตท่านซังกุงก่อนเจ้าค่ะ”
“โกหก เจ้าโกหก!”
“ใต้เท้า ท่านหมอหลวงฮอยังไม่ส่งผลการตรวจมาเลย ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนตัดสินความจะดีกว่า” องค์ชายจองวอนแย้งขึ้นมา
“คนร้ายต้องถูกลงทัณฑ์นะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องทำให้นางเปิดปากพูดให้ได้พ่ะย่ะค่ะ” บย็องโจพันซอยังคงไม่ยอม สีหน้าขององค์ชายจองวอนจึงเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ
“บิดขานางเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่คำสั่งดังขึ้น ทหารชั้นผู้น้อยสองนายก็ถือไม้ที่ดูเหมือนชะแลงมาขนาบข้างฉัน
“ข้าไม่ได้ใส่ยาพิษนะเจ้าคะ!”
ทหารนายหนึ่งเอาชะแลงไม้มาใส่ลงตรงระหว่างขาของฉัน ส่วนทหารอีกนายก็เอาก้อนหินที่ใหญ่และแบนมาวางบนหัวเข่าของฉัน และขณะที่ทหารกำลังจะงัดชะแลงนั้น
“ช้าก่อน!”
เสียงตะโกนดังขึ้น หัวใจของฉันที่แทบจะหยุดเต้นไปแล้วกลับมาเต้นได้อีกครั้ง หมอฮอจุนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา องค์ชายจองวอนจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง
“ท่านหมอฮอ ตอนนี้ท่านควรอยู่ดูแลเสด็จพ่อไม่ใช่รึ”
หมอฮอจุนทำความเคารพองค์ชายจองวอนก่อนจะตอบว่า “ไม่ใช่ยาพิษ! นั่นไม่ใช่ยาพิษพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่ยาพิษอย่างนั้นรึ เป็นเรื่องจริงรึ”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชายจองวอน”
“ถ้าไม่ใช่ยาพิษ แล้วเหตุใดฝ่าบาทถึงได้ทรงอาเจียนออกมาเป็นพระโลหิตได้เล่า!” บย็องโจพันซอตะโกนถามอย่างใส่อารมณ์
“การที่ทรงอาเจียนออกมาเป็นพระโลหิตนั้นเกี่ยวพันกับการพระกาสะทั้งคืนขอรับ ปกติฝ่าบาทพระกาสะทุกคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่อากาศหนาวเหน็บ แต่เมื่อคืนทรงเสวยอาหารที่มีธาตุเย็นเข้าไปจึงทำให้พระกาสะรุนแรงกว่าเดิม มิหนำซ้ำนางในของตำหนักยังลืมจุดไฟเพื่อคลายความหนาว ดังนั้นอาการที่แฝงอยู่ในพระวรกายจึงกำเริบขึ้นมาขอรับ โชคดีที่ตอนนี้พระองค์เสวยพระโอสถไปแล้วจึงทำให้พระอาการดีขึ้นขอรับ”
หมอฮอจุนอธิบายให้บย็องโจพันซอฟัง
“แสดงว่า…เสด็จพ่อทรงปลอดภัยดีใช่หรือไม่” องค์ชายจองวอนถามหมอฮอจุนเพื่อยืนยันอีกครั้ง
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่คำยืนยันออกมาจากปากหมอฮอจุน ฉันก็ถึงกับน้ำตาร่วง ฉันไม่มีความผิด พระเจ้าซอนโจอายุมากแล้วจึงไอเป็นเรื่องปกติ และยิ่งได้รับอาหารธาตุเย็นเข้าไป บวกกับพักอยู่ในห้องที่ไม่จุดไฟให้ความอบอุ่น จึงทำให้อาการไอรุนแรงขึ้น ผลก็คือทำให้ไอออกมาเป็นเลือด
“แต่ถึงอย่างไรคนร้ายก็ทำอาหารธาตุเย็นให้เสวย…”
“ใต้เท้าขอรับ ฝ่าบาทเรียกใต้เท้าให้ไปเข้าเฝ้าขอรับ”
พอได้ฟังดังนั้น บย็องโจพันซอก็หยุดพูดแล้วรีบออกไปจากศาลไต่สวนพิเศษทันที ทหารสองนายก็รีบเอาชะแลงไม้และหินออกจากตัวฉัน
“พระสนมอินบินก็เรียกหาองค์ชายจองวอนเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ” หมอฮอจุนหันไปพูดกับองค์ชายจองวอน
“ข้ารู้แล้ว” องค์ชายจองวอนตอบสั้นๆ แล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างฉัน จากนั้นก็ไล่ขุนนางและทหารที่อยู่แถวนั้นออกไปให้หมด
ตอนนี้ในศาลไต่สวนพิเศษจึงเหลือเพียงแค่องค์ชายจองวอนกับฉันที่ถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ องค์ชายจองวอนมองฉันด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย ก่อนจะย่อตัวลงแล้วคลายเชือกที่มัดฉันออก แม้ไม่มีสิ่งใดพันธนาการร่างกายของฉันแล้วแต่องค์ชายจองวอนก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น เขาเอาแต่ก้มหน้านิ่ง
“องค์ชายจองวอนเพคะ…” ฉันเรียกเขาเบาๆ
“เป็นเพราะข้า…”
“…”
“ข้าขอร้องท่านแม่ให้ส่งเจ้าไปที่ห้องเครื่อง ดังนั้นข้า…”
เขาคิดว่าที่ฉันโดนทรมานแบบนี้ทั้งหมดเป็นเพราะเขา แต่มันไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก เขาเป็นคนที่ทำให้ฉันได้อยู่ในวังนี้ มันจะเป็นความผิดของเขาได้ยังไงกัน
“ไม่เลยเพคะ ไม่ใช่เพราะองค์ชายเลย หม่อมฉันแค่โชคร้ายเท่านั้นเอง หม่อมฉันคงไม่เหมาะกับการช่วยเหลือคนอื่น เรื่องที่เกิดขึ้นก็คือมีนางในสองคนมาขอร้องหม่อมฉันเมื่อคืนวานว่าให้ช่วยทำอาหารว่างมื้อค่ำให้พระสนมอินบิน หม่อมฉันก็เลยยอมช่วย เรื่องมันจึงเกิดขึ้นเพคะ”
“คยองมิน…” องค์ชายจองวอนเงยหน้าขึ้นมองฉัน
“แต่ตอนนี้หม่อมฉันพ้นมลทินแล้วเพคะ ดังนั้นองค์ชายไม่ต้องขอโทษหม่อมฉันนะเพคะ”
ยิ่งองค์ชายจองวอนขอโทษฉัน หัวใจของฉันก็ยิ่งหม่นหมอง บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันรู้ว่าใจของเขาคิดอย่างไรกับฉัน แต่ฉันไม่สามารถรับหัวใจนั้นของเขามาได้