สถานที่ที่องค์ชายควังแฮพาฉันมาก็คือประตูเล็กๆ หลังวัง ปกติบริเวณนี้จะมีทหารสองนายเฝ้ายามอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่คืนนี้กลับไม่มีใครอยู่เลย องค์ชายควังแฮเปิดประตูบานนั้นอย่างคุ้นเคย
ที่ด้านนอกประตูหลังมีขันทีใส่ชุดนอกเครื่องแบบคนหนึ่งยืนรออยู่ พอเขาทำความเคารพองค์ชายควังแฮแล้วจูงม้าหนึ่งตัวมาให้ องค์ชายควังแฮก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนม้าอย่างคล่องแคล่วก่อนจะยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง ฉันจึงรู้ได้ทันทีว่าฉันจะต้องขึ้นไปนั่งบนม้าตัวนั้นด้วย
“ข้าขี่ม้าไม่เป็นหรอกนะ”
“ดังนั้นเจ้าจึงต้องไปกับข้าอย่างไรเล่า”
“จะไปที่ใด เดินไปไม่ได้หรือ”
ระหว่างนั้นเององค์ชายควังแฮก็ส่งสายตาให้ขันที ขันทีจึงเข้ามาแทรกกลางระหว่างเราแล้วย่อตัวลง ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าขันทีย่อตัวลงทำไม แล้ววินาทีนั้นองค์ชายควังแฮก็จับข้อมือของฉันแล้วดึง ฉันจึงจำเป็นต้องเหยียบหลังขันทีอย่างไม่ตั้งใจ
“ว้าย!”
ร่างของฉันถูกยกขึ้นไปนั่งตรงด้านหน้าของเขาโดยที่ขาทั้งสองถูกรวบไปอยู่ข้างเดียวกัน เขามองสีหน้าที่ตกใจของฉันแล้วหัวเราะคิกคัก
“จับให้ดีล่ะ”
เขาเริ่มควบม้าออกไป ความเร็วถูกเร่งขึ้นเรื่อยๆ ดึกดื่นขนาดนี้ถนนยามค่ำคืนในเมืองหลวงไม่มีผู้คนผ่านไปมาเลยแม้แต่คนเดียว เขาจึงควบม้าด้วยความเร็วสูงโดยไม่มีใครคอยห้ามปราม ฉันรู้สึกเหมือนจะตกลงมาอยู่ตลอดเวลา
“ขอร้องล่ะ! ช้าลงหน่อย!”
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่รึว่าให้เจ้าจับแน่นๆ”
พอเห็นว่าฉันกลัว เขาก็ยิ่งชอบใจ สุดท้ายฉันจึงต้องใช้สองแขนโอบกอดหน้าอกกว้างๆ ของเขาแน่น
เขาควบม้าขึ้นไปทางเหนือโดยหยุดแวะให้ม้าพักกินน้ำสองครั้ง รอบด้านมืดมิดไปหมดจนฉันไม่รู้เลยว่าเขากำลังพาฉันไปที่ไหน แล้วฉันก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะแสงแดดที่สาดส่อง ระหว่างนั้นม้ากำลังวิ่งขึ้นเนินช้าๆ
“เจ้าตื่นแล้วรึ”
เขามองฉันที่ขยี้ตาตื่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา ทั้งที่ขี่ม้าทั้งคืน แต่น่าแปลกใจที่เขาดูไม่เหนื่อยเลย แล้วตอนนั้นเองเขาก็หยุดม้า
“จากนี้ก็เดินไปได้แล้ว”
การหลับไม่สนิทและนั่งบนหลังม้าทั้งคืนทำให้ฉันรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย เขากระโดดลงจากหลังม้า แล้วจับเอวของฉันเพื่ออุ้มลงจากม้า ทันทีที่เท้าแตะพื้น ฉันก็หันมองดูรอบๆ ที่นี่คือเนินเขาที่มีป่าไม้เขียวชอุ่ม
“ที่นี่คือที่ไหนหรือ”
“ถ้าถึงแล้วเจ้าก็จะรู้เอง”
แววตาของเขาดูหม่นหมองลง ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร แต่ก็เดินขึ้นเนินเขาไป
ผ่านไปประมาณสิบนาทีเราสองคนก็มาถึงยอดเขาที่มีหลุมศพหนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
“ที่นี่คือสุสานของใครกัน”
เขาเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าแผ่นหินจารึกหลุมศพโดยไม่พูดอะไร ความอยากรู้ทำให้ฉันรีบเดินตามไป บนแผ่นหินจารึกนั้นมีตัวอักษรแกะสลักในแนวตั้งเพื่อบอกให้รู้ว่าหลุมฝังศพนี้เป็นของใคร
‘สุสานของผู้ไร้นามแห่งตระกูลคิม’