เรากลับมาถึงวังในตอนที่ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ฮนมาส่งฉันที่ประตูทางฝั่งตะวันตก ซึ่งองค์ชายจองวอนกำลังยืนรอพวกเราอยู่
“ข้าไม่นึกว่าเจ้าจะมาด้วยตนเอง” ฮนดูประหลาดใจที่องค์ชายจองวอนมารอรับฉันด้วยตัวเอง “ข้าจะกลับเข้าวังในช่วงวันขึ้นปีใหม่”
หลังจากให้สัญญากับฉัน ฮนก็กระโดดขึ้นหลังม้า ก่อนจะยิ้มกว้างแล้วควบม้าออกไป
ในใจของฉันตอนนี้เต็มไปด้วยความยินดีที่ได้พบเขาอีกครั้ง และการพบครั้งนี้ก็พัฒนาไปจนถึงการได้รับอนุญาตให้เรียกชื่อเดิม มันทำให้ฉันรู้สึกดีมาก แต่ในปีหน้าหลังจากที่การไว้ทุกข์ของพระนางอึยอินสิ้นสุดลงแล้วเขาก็จะกลับมาอยู่ที่วัง และเรื่องมากมายก็จะเปลี่ยนแปลงไป มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากขอร้องเขาหลังจากที่เขากลับมาก็คือให้เขาช่วยปลดปล่อยฉันออกจากการปกครองของพระสนมอินบิน ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าอำนาจขององค์ชายรัชทายาทนั้นมีแค่ไหน แต่การช่วยฉันออกมาจากตำหนักของพระสนมอินบินคงจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
แล้วตอนนั้นเองฉันก็เพิ่งนึกได้ว่าองค์ชายจองวอนกำลังยืนอยู่ข้างหลัง
“ขึ้นเกี้ยวเถอะ”
“เดินไปไม่ได้หรือเพคะ”
ฉันถามพลางมองสีหน้าที่มืดมนของเขา แต่เขายกมือขึ้นโดยไม่พูดอะไร แล้วบ่าวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมผ้าคลุมในมือ ฉันจึงต้องจำใจหยิบผ้านั้นมาคลุมหัวเอาไว้
ในเวลาโพล้เพล้แบบนี้ บริเวณประตูฝั่งตะวันตกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย พ่อค้าแม่ขายกำลังเก็บแผงร้านค้าเพื่อกลับบ้าน ฉันรีบปรับจังหวะการเดินให้ทันองค์ชายจองวอน
“เหตุใดถึงได้พูดปดกับหม่อมฉันล่ะเพคะ”
เขาชายตามองฉันครู่หนึ่งก่อนจะมองตรงแล้วเดินต่อ
“เมื่อเก้าปีก่อนคือช่วงที่สงครามกำลังร้อนระอุที่สุด ตอนนั้นองค์ชายชินซองพี่ชายร่วมมารดาของข้าสิ้นพระชนม์ ข้าจึงตามเสด็จเสด็จพ่อไปที่อึยจู องค์ชายรัชทายาทซึ่งเป็นผู้นำในการรบก็ได้ไปที่อึยจูเช่นกัน”
อยู่ๆ เขาก็พูดถึงเรื่องราวสมัยสงคราม ตามประวัติศาสตร์นั้นวันหนึ่งของฤดูหนาวปี 1592 องค์ชายชินซองในวัยสิบหกชันษาซึ่งประทับอยู่ที่อึยจูได้สิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหัน
“ตอนนั้นเป็นช่วงดึกที่มีเสียงนกฮูกร้องเป็นระยะ ขณะที่ข้ากำลังจัดเตรียมสถานที่ตั้งพระศพ องค์ชายรัชทายาทก็มาเล่าเรื่องราวของหญิงสาวนางหนึ่งให้ข้าฟัง”
เขาหยุดแล้วหันมามอง ฉันรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวนางนั้นที่เขาพูดถึงก็คือฉัน ก่อนที่เขาจะออกเดินอีกครั้งแล้วพูดต่อ
“ในตอนนั้นข้าคิดว่าองค์ชายรัชทายาทเล่าเรื่องนั้นก็เพื่อปลอบโยนข้าผู้ที่กำลังเศร้าโศกกับการสูญเสียพี่ชาย เพราะพอข้าได้ฟังเรื่องเล่านั้น ข้าก็ลืมความโศกเศร้าไปเสียสนิท มันเป็นเรื่องราวของหญิงสาวนางหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่ไม่เคยพบเห็นและไม่เคยได้ยินมาก่อน ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกเรื่องราวนั้นว่าเป็นความหวังของข้าได้หรือไม่…”
ถ้าเรื่องราวของฉันที่องค์ชายจองวอนได้ฟังเมื่อสิบปีก่อนคือความหวังสำหรับเขา แล้วเรื่องราวของฉันเป็นอย่างไรสำหรับฮนกันล่ะ หญิงสาวในดินแดนอันน่าอัศจรรย์นั้นคือความหวัง ความฝัน หรือความจริง…
“เมื่อเวลาผ่านไป เจ้ากลับไม่ได้เป็นเพียงแค่หญิงสาวในเรื่องเล่าอีกต่อไป ข้ารู้สึกเหมือนตัวตนของเจ้าหายใจอยู่ตรงหน้าข้า ดังนั้นยามที่เห็นเจ้าปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสายลมในวันที่ข้าออกไปล่าสัตว์ แค่มองปราดเดียวข้าก็รู้ว่านั่นคือเจ้า”
“แล้วเหตุใดถึงต้องพูดปดกับหม่อมฉันด้วยล่ะเพคะ”
ครั้งนี้เขาหันมาหาฉัน “เพราะข้าไม่อยากให้เจ้าพบกับองค์ชายรัชทายาทน่ะสิ”
“เพราะเหตุใดหรือเพคะ”
“เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือจึงได้ถามเช่นนี้” เขาถามฉันกลับ
“หม่อมฉันไม่ทราบหรอกเพคะ ได้โปรดบอกหม่อมฉันเถิดเพคะ ว่าเหตุใดจึงไม่อยากให้หม่อมฉันพบกับองค์ชายรัชทายาท”
เขาตอบฉันอย่างไม่ลังเลใจเลยสักนิด “ถ้าเจ้าได้พบกับองค์ชายรัชทายาทอีกครั้ง เจ้าก็จะต้องกลายเป็นสตรีของพระองค์”
ฉันคิดว่าเขากำลังเข้าใจผิดเพราะเขาไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับฮน แน่นอนว่าในสมัยโชซอนนั้นหญิงชายไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แต่ฉันคิดว่าฮนกับฉันเป็นอย่างนั้นได้ ฮนคือคนที่ได้เห็นฉันทั้งที่โชซอนและที่โลกอนาคต และเขายังอนุญาตให้ฉันเรียกชื่อเดิมของเขา ฉันจึงคิดว่านั่นเหมือนกับเขายอมรับฉันในฐานะเพื่อน
“องค์ชายกำลังเข้าใจผิดนะเพคะ”
“เข้าใจผิดรึ”
“เพคะ เข้าใจผิด หม่อมฉันจะไม่กลายเป็นสตรีขององค์ชายรัชทายาทเพคะ เราสองคนเป็นสหายกันเพคะ”
“สหายรึ”
องค์ชายจองวอนหัวเราะเบาๆ จริงอยู่ที่ฉันชอบฮน แต่มันคือการชอบในอีกความหมายหนึ่งที่ไม่ใช่ในแบบที่องค์ชายจองวอนคิด
“เพคะ สหายมันคือคำที่จำกัดความสัมพันธ์ของฉันกับองค์ชายรัชทายาทได้ดีที่สุดเพคะ”
“เจ้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”
“อะไรหรือเพคะ”
“หญิงชายไม่สามารถเป็นสหายกันได้หรอก”
คำพูดของเขานั้นถูกต้องตามหลักความคิดและความเชื่อในยุคโชซอน เมื่อการยืนกรานของฉันไม่เป็นผล ฉันจึงหยุดพูด เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็ไม่สามารถคลายความเข้าใจผิดขององค์ชายจองวอนได้
“ถึงแม้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมานั้นจะถูกต้อง แต่ชายไม่อาจเป็นสหายกับหญิงที่ตนมีใจได้หรอก”
ทว่าคำพูดขององค์ชายจองวอนที่ยืนยันหนักแน่นนั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของฉันได้เช่นกัน
(ติดตามต่อในทดลองอ่านบทต่อไป)