“เก้าโมงเจ็ดนาที ท่าทางดีไซเนอร์ของเราอย่างคุณเซียวจะใหญ่โตขึ้นทุกวัน แม้กระทั่งจะมาให้ตรงเวลาก็ทำไม่ได้แล้ว”
ฟางเซี่ยงเฉียนทำงานที่บริษัทนี้มาครึ่งปี สิ่งที่ขัดหูขัดตามากที่สุดก็คือเซียวเซียว อีกฝ่ายถือว่าตัวเองสวย เป็นคนโปรดของอาร์ตแอดไวเซอร์ มาสายเป็นประจำยังไม่พอ เวลาทำงานทำได้แค่ครึ่งเดียวก็วิ่งขึ้นไปชั้นบน อ้างว่าไปช่วยงานที่ห้องฟิตติ้ง ซ้ำยังไม่เห็นหัวเธอ แล้วก็ช่างบอบบางอ่อนแอเสียเหลือเกิน เข้มงวดขึ้นมาหน่อยก็ถึงกับล้มป่วย
ฟางเซี่ยงเฉียนกดเสียงต่ำ หากวัดกันตามระดับเสียงแล้วควรจะจัดว่าเป็นเสียงเมซโซโซปราโน เหมือนกับว่ามีโอ่งอยู่ที่ท้องน้อย ทันทีที่เปล่งเสียงออกมาจะได้ยินกันทั้งชั้น ทุกคนในห้องออกแบบต่างพากันชะโงกหน้าออกมาดู สายตาหลายคู่กำลังจ้องมองฟางเซี่ยงเฉียนที่เดินวนรอบตัวเซียวเซียว เหมือนกับเด็กประถมที่กำลังโดนคุณครูตำหนิแล้วเพื่อนๆ ก็ออกมาดูแต่ไม่ได้ช่วยอะไรสักอย่าง
เซียวเซียวฟังฟางเซี่ยงเฉียนตำหนิด้วยเสียงเย็นๆ จนในที่สุดความอดทนก็หมดลง เพราะคนที่ไม่เข้าใจรูปแบบงานแล้วยังจะมาควบคุมทำให้ครึ่งปีมานี้เธอต้องทำงานที่ไร้ประโยชน์ไม่น้อย ตอนดึกต้องสเก็ตช์รูปและทำรูปออกมา ตอนเช้าต้องเบียดอยู่ในรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อมาทำงานให้ทันเวลา ซ้ำยังต้องเจอฟางเซี่ยงเฉียนที่จ้องจับผิดตลอดเวลา ทุกวันนี้เธอต้องอยู่กับความเครียดจนไม่อาจแบกรับไว้ได้ถึงทำให้ล้มป่วย
‘สาเหตุของโรคนี้ไม่ชัดเจน ไม่มีคำอธิบายที่แน่นอน แต่โดยรวมสามารถพูดได้ว่าภูมิคุ้มกันต้านทานโรคในร่างกายมีความเกี่ยวข้องกับความเหนื่อยล้าและแรงกดดัน คุณทำงานหนักจนเกินไป ต้องรู้จักปล่อยวางซะบ้าง ชีวิตสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด’
คำพูดของคุณหมอที่รักษาเธอดังขึ้นในหู
ใช่ ชีวิตสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด…ฉันเกือบจะไม่มีชีวิตเหลืออยู่แล้ว ยังจะต้องกลัวคุณอีกเหรอ
ช่วงเวลาที่เดินออกมาจากลิฟต์ ในหัวของเซียวเซียวมีความคิดอยู่เพียงเรื่องเดียวจึงไม่ได้ตกใจอะไร จากนั้นก็ส่งข้อความหาโฮสต์อย่างสบายใจ เธออดทนมามากเกินพอแล้ว
เซียวเซียวค่อยๆ เก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองฟางเซี่ยงเฉียนด้วยสายตาเย็นชา “พี่ฟาง นี่ก็ครึ่งปีแล้วนะ ฉันคิดว่าคุณยังคงไม่เข้าใจ ที่นี่คือห้องออกแบบ ไม่ใช่แผนกการเงิน ตอนที่เข้าบริษัทมาอเดอลีนเคยพูดไว้ว่า ‘นี่เป็นอาชีพที่อิสระและใช้ความรู้สึก’ ไม่ใช่อาชีพที่ต้องตอกบัตรเข้างาน คุณอยากจะหักเงินก็หักเถอะ แต่จะบอกอะไรให้รู้ เงินเดือนของดีไซเนอร์ไม่มีเบี้ยขยันหรอกนะ”
เมื่อเซียวเซียวพูดจบ ชั้นสามทั้งชั้นก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด
ฟางเซี่ยงเฉียนยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไม่ใช่เพราะตกใจแต่เป็นเพราะโกรธมาก
เรื่องน่าโมโหมากที่สุดก็คือกระต่ายที่เคยจะดุด่าอย่างไรก็ได้ วันนี้กลับย้อนมากัดคนเข้าให้เสียแล้ว ทำให้คนที่ยโสโอหังชอบเห็นคนอื่นเจ็บปวดเกิดความรู้สึกว่าอำนาจของตนกำลังถูกท้าทาย ในสายตาของฟางเซี่ยงเฉียน แม้ว่าเซียวเซียวจะเป็นแจกันดอกไม้ที่มีแบ็กดี แต่อย่างไรเสียก็ยังข่มไว้ได้สบายๆ จึงไม่คิดว่าหญิงสาวหน้าบางแบบนั้นจะลุกขึ้นมาตอบโต้อะไรเธอได้
เซียวเซียวไม่สนใจสายตาของฟางเซี่ยงเฉียนที่จ้องมองเธอด้วยความโกรธเกรี้ยวราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอเดินอ้อมฟางเซี่ยงเฉียนเข้าไปในห้องออกแบบทันที
“เซียวเซียว สุดยอดเลยอ่ะ” จ้าวเหอผิงดีไซเนอร์ที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดกระซิบกับเธอพร้อมกับส่งสายตาและยกนิ้วโป้งให้เธอด้วย
คนอื่นๆ ในห้องออกแบบก็มองเธอด้วยสายตาชื่นชมราวกับเธอเป็นผู้กล้า รวมทั้งผู้ช่วยสองคนที่ถึงกับปรบมือให้เธอเบาๆ