เสี่ยวเสี่ยวปู้ : ฉันเพิ่งจะฉีกหน้าหัวหน้าแผนกไป ฉันทนกับยายนั่นมานานมากแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะยายนั่นคอยจับผิดขนาดนี้ ฉันคงไม่ต้องรับแรงกดดันมากแบบนั้น นึกถึงตอนที่ฉันไข้ขึ้นสูงแล้วยายนั่นไม่ให้ฉันไปหาหมอ คิดแล้วยังโมโหไม่หาย ตอนนี้ยายนั่นวิ่งไปฟ้องผู้อำนวยการแล้ว
หลังจากนั้นก็ตามด้วยสติ๊กเกอร์ร้องไห้งอแง ท่าทางงอแงเอาแต่ใจแบบนี้มีแต่เหลียงจิ้งเหยาที่ได้เห็น
เมื่อกดปุ่มส่งออกไป สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นข้อความแชตก่อนหน้า ข้อความก่อนหน้านี้คือ…
‘คุณมาแล้วอย่าลืมเอาบันทึกผู้ป่วยมาด้วย’
บันทึกผู้ป่วย…เดี๋ยวนะ…
เซียวเซียวรีบมองไปยังชื่อของคนที่เธอส่งข้อความไปให้ นั่นก็คือ…‘จั่นหลิงจวินเอส’
โอ๊ยๆๆๆ ส่งผิดแล้ว
เซียวเซียวลนลานพยายามจะยกเลิกการส่งข้อความ กดไปสองครั้งก็ยังกดผิด ตามองดูเวลาที่ผ่านไปแล้วสองนาที ในที่สุดก็หาคำสั่งยกเลิกการส่งข้อความเจอ มองเห็นตัวอักษรสีเทาเล็กๆ คำว่า ‘ยกเลิกการส่งข้อความ’ เซียวเซียวก็ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วอ่านข้อความที่พูดคุยกับจั่นหลิงจวินอีกที
เธอสะดุดตากับคำว่า ‘บันทึกผู้ป่วย’ ทำให้คิดไปถึงความสงสัยที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า
ต่อให้เขาเป็นคนที่มีจิตวิญญาณของความเป็นหมอ แต่คงไม่ถึงขนาดที่ว่าคุยกันไปด้วยแล้วยังจะตรวจรักษาเพิ่มเข้าไปอีกหรอกนะ เมื่อนิ่งขึ้นแล้ว รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอละเลยไปในหลายวันนี้ก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาในสมอง ตอนพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ที่ชื่อเถียนเถียนส่งบัตรให้เธอได้พูดกับเธอว่าจั่นหลิงจวินเป็นนักบำบัด
เดิมทีเธอคิดว่านักบำบัดก็คือคำเรียกแทนพวกที่เป็นหมอนวดอะไรแบบนั้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ค่อยถูกต้อง เซียวเซียวลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโทรศัพท์หาเหลียงจิ้งเหยา
“เหยาเหยา สโมสรซังอวี๋เป็นสถานที่อะไรกันแน่”
เหลียงจิ้งเหยาที่กำลังกินอาหารเช้าอยู่สำลักน้ำเต้าหู้ไอแค่กๆ อยู่สองสามที “เป็นสโมสรสำหรับการฟื้นฟูสุขภาพน่ะสิ”
‘สโมสรสำหรับการฟื้นฟูสุขภาพ’ ชื่อก็บอกความหมายอยู่แล้วว่าคือสถานพยาบาลสำหรับการฟื้นฟูและการรักษา
นี่แปลว่าจั่นหลิงจวินเป็นหมอจริงๆ สินะ เขาไม่ใช่ผู้ชายในโฮสต์คลับ…
เซียวเซียวรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านหน้าไป จากนั้นก็เหมือนกับโดนสายฟ้าฟาดจนหูอื้อตาลาย ก่อนที่สายฟ้าจะผ่าเธอให้แหลกละเอียดเป็นผุยผงแล้วปลิวไปพร้อมสายลม…
“เหลียงจิ้งเหยา ตอนเย็นมาเจอกันหน่อยนะ”
“ฉันผิดไปแล้ว ไม่ใช่สิ แกไม่ให้โอกาสฉันได้อธิบายต่างหาก” เหลียงจิ้งเหยาตัดพ้อก่อนจะโดนเพื่อนรักตัดสายไป
เซียวเซียวยกมือทั้งสองขึ้นกุมใบหน้า รู้สึกอับอายอย่างมาก โชคดีแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้พูดอะไรเป็นการหยอกเย้าจั่นหลิงจวิน ไม่อย่างนั้นตอนนี้เธอก็คงไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรเลยจริงๆ