นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเซียวเข้ามาในสถานีตำรวจจึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่บ้าง เธอแอบเหลือบตามองไปที่สัญลักษณ์ตำรวจ เครื่องแบบ และนายตำรวจหนุ่มหล่อที่กำลังจดบันทึกอย่างชื่นชม
“ฆ่าตัวตายบนท้องถนนเป็นการขัดขวางความสงบสุขรู้หรือเปล่า” นายตำรวจชั้นผู้น้อยที่รับผิดชอบการทำบันทึกมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาเคาะไปที่โต๊ะเพื่อบอกให้เซียวเซียวนั่งอยู่อย่างสงบ สองสามวันก็จะมีคนแจ้งความเรื่องคนฆ่าตัวตายครั้งหนึ่ง แล้วส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงที่ผิดหวังในความรัก ดังนั้นเมื่อเขาเห็นคนพวกนี้จึงคิดเอาเองว่าเซียวเซียวคือคนที่คิดจะฆ่าตัวตาย
“ฉันเห็นรถเข็นของเขาพุ่งไปที่ถนนก็เลยวิ่งเข้าไปรั้งเอาไว้ แต่ไม่มีแรงพอที่จะดึงกลับมาได้ จึงได้แต่ดึงคนออกมาเท่านั้น ดูสิ เล็บฉันก็หักด้วย” เซียวเซียวยกนิ้วชี้ให้ดู เล็บที่ทาน้ำยาทาเล็บอย่างดีจากฝรั่งเศสฉีกกลางจะหักแหล่มิหักแหล่ และบางส่วนของนิ้วก็กลายเป็นสีม่วง
ตำรวจนายนั้นถึงกับนิ่งไป สายตาเคร่งขรึมในตอนแรกเปลี่ยนเป็นสายตาแสดงความนับถือ จากนั้นก็สอบถามแม่ของเด็กหนุ่มเพื่อยืนยันความถูกต้องแล้วจดบันทึกเรื่องราวทั้งหมดลงไป “เซ็นชื่อตรงนี้ ขอบคุณในความกล้าหาญของคุณนะครับ”
เมื่อได้รับคำชมจากตำรวจ เซียวเซียวก็รู้สึกว่าโบแดงที่อยู่ตรงหน้าอกของตัวเองสว่างสดใสขึ้นมา เธอเซ็นชื่อลงไปทันทีโดยไม่พูดอะไรอีก
“ทำไมลูกถึงทำแบบนี้ ถ้าลูกตายไปแล้วพ่อกับแม่จะทำยังไง ฮือๆๆๆ” หลังจากที่แม่ของเด็กหนุ่มขอบคุณเซียวเซียวและจั่นหลิงจวินแล้วก็ร้องไห้ตัดพ้อลูกชายตัวเอง ร้องไปก็ตีเขาไปด้วย
ทั้งที่ถูกถามและถูกตีอย่างนั้น แต่เด็กหนุ่มก็ยังก้มหน้านิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร
“อย่าโทษเขาเลยครับ นี่เป็นช่วงเวลาปรับตัวหลังจากที่สูญเสียขาไป ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ก็ไม่มีปัญหาแล้วล่ะ” จั่นหลิงจวินขมวดคิ้วตอบ
ตำรวจที่อยู่ข้างๆ รีบดึงแม่ของเด็กหนุ่มออกมา คนที่เพิ่งจะผ่านการฆ่าตัวตายมาอยู่ในช่วงที่อ่อนแอที่สุด ไม่อาจปล่อยให้จิตใจกระทบกระเทือนได้
แม่ของเด็กหนุ่มกับจั่นหลิงจวินพูดกันอีกหลายเรื่อง เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนรถเข็นตามลำพังในมุมมืด ก้มหน้าลงเหมือนกับกำลังหลับอยู่
เซียวเซียวเห็นดังนั้นก็เดินมานั่งลงข้างๆ เขา “พวกเราเคยเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันชื่อเซียวเซียว นายชื่ออะไรล่ะ”
“ซย่าเหยียน” เด็กหนุ่มค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเธอ ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูเหมือนอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดเท่านั้น ดวงตากลมโตสีดำคู่นั้นคล้ายมีม่านน้ำตาปกคลุมอยู่ “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตผมไว้”
เซียวเซียวพอจะดูออกว่าซย่าเหยียนเป็นเด็กที่ได้รับการอบรมมาดี
“ไม่เป็นไร นี่เป็นเรื่องที่พลเมืองดีควรจะทำ” เซียวเซียวคิดจะพูดให้ตลก แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับมุก หลังจากขอบคุณแล้วเด็กหนุ่มก็ก้มหน้าลงและไม่พูดอะไรอีก ราวกับจะกลืนหายไปในเงามืดบนทางเดินนั้น