“ที่ชั้นสามมีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรเหรอ” ร่างกายของเซียวเซียวไม่อาจออกแรงหนักๆ ได้ จึงได้แต่เรียนท่าพื้นฐานเท่านั้น ขณะที่ทำท่าไปก็ซักถามพูดคุยกับครูฝึกไปด้วย
หลี่เหมิงนิ่งคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “มีทุกอย่าง”
“…” ถามแล้วก็เหมือนไม่ได้ถาม
เซียวเซียวทำการวอร์มดาวน์พลางคิดถึงสิทธิพิเศษของบัตรวีไอพีที่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์พูดถึง
ได้รับบริการนอกสถานที่ฟรีเดือนละสามครั้ง และมีสิทธิ์เข้าใช้บริการที่ชั้นสาม…
“บัตรวีไอพีต้องเติมเงินทีเดียวหนึ่งล้านหยวนและต้องมีลูกค้าวีไอพีคนอื่นแนะนำด้วยถึงจะได้ค่ะ” เถียนเถียนพนักงานหน้าเคาน์เตอร์พูดด้วยหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์
หนึ่งล้าน…เฮ้อ…
เซียวเซียวแอบหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา พอเปิดออกก็พบว่ามีท่านประธานเหมา อยู่ไม่กี่ใบ สายวัด และสลิปบัตรเครดิต
“ที่นี่มีผู้มีอุปการคุณรายใหญ่สนับสนุน จึงได้มอบบัตรวีไอพีให้กับพวกเขา แต่ข้างในเป็นบัตรเปล่าไม่มีเงิน” เมื่อเห็นเซียวเซียวทำท่าหมดหวัง เถียนเถียนจึงรีบอธิบายต่อ “วีไอพีส่วนใหญ่จะเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคม จริงๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ต้องการบริการแบบนี้เท่าไหร่หรอกค่ะ”
การบริการตรวจรักษาฟื้นฟูนอกสถานที่ไม่ได้สะดวกและได้ผลดีเหมือนกับการรักษาที่สโมสรเพราะมีข้อจำกัดด้านเครื่องมือ สำหรับคนทั่วไปก็ไม่มีความจำเป็นสักเท่าไรจริงๆ มีเพียงแต่พวกที่มีชื่อเสียงไม่อาจเปิดเผยตัวได้ถึงจะต้องการบริการแบบนี้
เซียวเซียวยักไหล่ เก็บสายวัดเข้าไปในกระเป๋าสตางค์อย่างเดิม มีคำพูดที่ว่ามีเครื่องมือทำมาหากินติดเอาไว้สามารถเรียกเงินเรียกทองได้ ดังนั้นในกระเป๋าสตางค์ของเธอจึงมีสายวัดตัวแบบม้วนติดอยู่ตลอดเวลา
“ผมนัดแฟนเอาไว้ ไปก่อนนะ” ซ่งถังสวมกางเกงยีนและรองเท้าสเก็ตบอร์ดพุ่งเข้ามากล่าวลาที่หน้าเคาน์เตอร์
เซียวเซียวมองไปที่ซ่งถังนักโภชนาการซึ่งดูไม่ออกว่าเป็นหมอหรือคนไข้กันแน่ ก่อนจะพลันคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ปัญหาของที่นี่อยู่ตรงที่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนสถานที่สำหรับการรักษาฟื้นฟู ไม่สามารถแยกนักบำบัดกับลูกค้าออกได้เลยจริงๆ โชคดีที่ตอนนั้นเธอยังหน้าบาง ถึงไม่กล้าพูดอะไรที่ไม่สมควรออกมา ไม่อย่างนั้นจั่นหลิงจวินต้องเลกเชอร์ความหมายของคำว่า ‘ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล’ แน่ๆ
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าพวกเขาไม่มีชุดพนักงานที่เป็นแบบเดียวกันนี่เองสินะ
ในเวลาเดียวกับที่จั่นหลิงจวินเลิกงาน เซียวเซียวก็รวบรวมความกล้าเดินออกไปพร้อมกับเขา เมื่อรถยังเข้าซ่อมอยู่ คุณหมอจั่นผู้นี้ก็เลยจำเป็นจะต้องเข้าไปเบียดในรถไฟฟ้า และทั้งสองคนก็ไปทางเดียวกันเสียด้วย
“จะว่าไปนักบำบัดอย่างพวกคุณทำไมถึงไม่สวมยูนิฟอร์มล่ะ ใส่เสื้อผ้าไม่ซ้ำกันทุกวันแบบนี้ ดูแล้วแยกไม่ออกว่าใครเป็นหมอใครเป็นคนไข้กันแน่นะ” เซียวเซียวเริ่มโยนหินถามทางก่อน
“ยูนิฟอร์มมันน่าเกลียด” จั่นหลิงจวินที่กำลังศึกษาเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติหันมาตอบ แล้วจึงสอดธนบัตรยี่สิบหยวนเข้าไปในตู้
“นั่นก็เพราะไม่ได้ดีไซน์ดีๆ น่ะสิ” เซียวเซียวตาเป็นประกายขึ้นมาทันที รู้สึกว่าตัวเองมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจึงรีบเปิดการขายต่อ “ถ้าฉันออกแบบยูนิฟอร์มให้กับพวกคุณเป็นไง จะเปลี่ยนเนื้อผ้าไปตามลักษณะงานของแต่ละคน แล้วยังดูสวยงามทันสมัยอีกด้วย”
จั่นหลิงจวินดึงบัตรใช้ครั้งเดียวพร้อมกับเงินทอนออกมา “ค่าออกแบบของแอลวายไม่ถูก เราไม่มีงบประมาณเหลือแล้ว”
“ไม่ต้องจ่ายเงิน” เซียวเซียวเดินตามเขาเข้าไปในสถานี “ฉันออกแบบให้พวกคุณฟรี แค่ให้บัตรวีไอพีฉันก็พอ”
จั่นหลิงจวินหรี่ตามองเธอแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ
“ทำไม ดูถูกฝีมือออกแบบของฉันเหรอ” เซียวเซียวมองเขาอย่างเคืองๆ เล็กน้อย “ฉันเป็นดีไซเนอร์เหรียญทองของแผนกเสื้อผ้าสำเร็จรูปนะ อีกหน่อยก็จะกลายเป็นสุดยอดดีไซเนอร์ระดับโลก อีกห้าปีไม่พูดถึงบัตรเปล่าๆ ต่อให้มีเงินห้าล้านอยู่ในบัตรก็ใช่ว่าจะเรียกให้ฉันออกแบบได้นะ”
ในเวลานั้นเองเสียงขบวนรถไฟฟ้าแล่นเข้าสู่สถานีก็ดังขึ้นจากที่ไกลๆ
“ขอทางหน่อยๆ จะขึ้นรถหรือเปล่า ไม่ขึ้นก็หลบหน่อย” หญิงชราที่ถือตะกร้าผักยืนอยู่ด้านหลังทั้งสองร้องตะโกนอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นหนุ่มสาวสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าไม่ยอมขยับก็พยายามเบียดตัวอ้วนๆ เตี้ยๆ ออกมา
เส้นทางสายนี้ค่อนข้างเก่า บริเวณริมรางรถไฟฟ้าจึงไม่มีประตูกั้นอีกชั้น เซียวเซียวมัวแต่พูดคุยจนไม่ทันระวังตัวจึงโดนร่างอ้วนๆ ของหญิงชราชนเข้าอย่างจังและล้มลงที่พื้นริมขอบชานชาลา
วู… ลมเย็นๆ พัดวูบขึ้นขณะที่รถไฟฟ้าวิ่งเข้าสถานีมา ชิ้นส่วนเหล็กกล้าขนาดใหญ่พุ่งตัวออกมาจากอุโมงค์อันดำมืดราวกับเป็นสัตว์ร้ายที่กำลังจะกลืนกินผู้คน เพียงพริบตาเดียวก็สามารถกลืนกินคนตัวเล็กๆ อย่างเซียวเซียวลงไปได้ทั้งตัว
“ว้าย!” คนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์กรีดร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ