เสียงที่พูดออกมาเบามากแต่เพียงพอที่จะได้ยินกันสองคน เหลียงจิ้งเหยาหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดแบบไม่ขยับปาก “ก็แกบอกว่าเขาเป็นผู้ชายโฮสต์คลับ ฉันจะมีหน้าไปยอมรับได้ยังไง”
จั่นหลิงจวินมองทั้งสองคนด้วยสายตาไม่รู้เรื่อง
ติ๊ง! ลิฟต์มาถึงชั้นที่ยี่สิบเอ็ด ทั้งสามคนจึงเดินออกไปพร้อมกัน
เดิมทีเหลียงจิ้งเหยาจะไปที่แผนกการเงิน แต่เมื่อรู้สาเหตุที่ทั้งสองคนมาที่นี่จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ห้องทำงานของประธานบริษัท
“นี่เราจะไปทำอะไร” จั่นหลิงจวินยื่นนิ้วออกมาดันศีรษะของน้องสาวไว้ ไม่ยอมให้เธอเดินเข้าไป
“ฉันก็จะไปรายงานการทำงานกับท่านประธานเหลียง” เหลียงจิ้งเหยาตีมือใหญ่ของเขาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง
จั่นหลิงจวินพยักหน้าให้เธอเข้าไปก่อนแล้วหันกลับมาถามเซียวเซียว “ปกติติดต่องานกับใคร”
“คุณซุนผู้จัดการฝ่ายผลิต เขาเป็นคนจัดการให้” เซียวเซียวไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ จั่นหลิงจวินถึงถามขึ้นมาจึงตอบไปตามตรง หรือว่าจะเกรงใจที่ต้องไปคุยกับน้าเขยตรงๆ ถ้าอย่างนั้นจะใช้คอนเน็กชั่นของเธอก็ได้เหมือนกัน
เหลียงจิ้งเหยารีบส่งสายตาให้เธอแล้วเข้าไปจับแขนจั่นหลิงจวินไว้แน่น “ไม่ต้องไปหาคุณซุนหรอก ไปหาพ่อนี่แหละ ให้พ่อลดราคาสักเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย”
“เอาเปรียบน้าเขย ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” จั่นหลิงจวินบีบปลายนิ้วของเธอไว้แล้วแกะมือเธอออก
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก จะได้ถือโอกาสพูดเรื่องของฉันด้วยไง” ในที่สุดเหลียงจิ้งเหยาก็จำต้องพูดความต้องการของตัวเองออกมา เมื่อเห็นว่าพี่ชายยังไม่ยอมทำอะไรก็พลันโมโหขึ้นมา “จั่นหลิงจวิน พี่รับของฉันไปแล้วนะ รับของแล้วไม่ทำงานคิดว่าไม่มีความผิดรึไง”
“ฟู่…” เซียวเซียวกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
เหลียงจิ้งเหยาอยากจะออกจากบริษัทต้าเหลียงช่วงซื่อไปสร้างธุรกิจของตัวเอง พูดไปหลายครั้งแต่พ่อของเธอก็ยังไม่เห็นด้วย เธอจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่พี่ชาย เพราะต้องการให้เขาช่วยพูดเธอจึงยัดเยียดเนกไทกับกระดุมแขนเสื้อให้เขา แต่พี่ชายก็ไม่ยอมพูดเรื่องของเธอกับพ่อแม้แต่คำเดียว วันนี้เป็นโอกาสดีที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า เธอจะไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน
“เหยาเหยา ทำไมลูกถึงพูดกับพี่เขาแบบนี้” อยู่ๆ ก็มีศีรษะกลมๆ ยื่นออกมาจากห้องทำงานของท่านประธาน นั่นคือน้าเขยคนรองของจั่นหลิงจวิน พ่อของเหลียงจิ้งเหยา ประธานกรรมการบริษัทต้าเหลียงช่วงซื่อ…เหลียงเต๋อหวา
บริษัทต้าเหลียงช่วงซื่อเพิ่งจะเข้าตลาดหลักทรัพย์สองปีนี้ เหลียงเต๋อหวายุ่งจนหัวหมุน เดิมทีเขาก็มีผมอยู่ไม่มากนัก นับวันก็ยิ่งร่วง จนในที่สุดจึงตัดสินใจโกนผมทิ้งเลย เขาคนนี้บอกว่าชื่อของตัวเองคือส่วนผสมของชื่อดาราฮ่องกงเหลียงเฉาเหว่ยและหลิวเต๋อหวา แต่จริงๆ แล้วเหมือนเจิงจื้อเหว่ย มากกว่า
เขาเดินอาดๆ ไปนั่งที่โซฟา ดูมีบุคลิกแบบพี่ใหญ่ของแก๊งมาเฟียอยู่บ้าง แต่เมื่ออ้าปากพูดภาพลักษณ์เช่นนั้นก็ถูกทำลายลงฉับพลัน