การที่ไอดอลจำเธอได้เช่นนี้ทำให้เซียวเซียวอดที่จะตื่นเต้นดีใจไม่ได้ “ฉันชื่อเซียวเซียว เป็นดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้า ตอน…ตอนที่เรียนมัธยมฉันชอบคุณมาก ฉันซื้อซีดีคุณทุกแผ่นเลย” ความจริงเธอไม่ค่อยเข้าใจดนตรีสักเท่าไร ช่วงเริ่มแรกที่คลั่งไคล้มู่เจียงเทียนก็เพราะใบหน้าหล่อๆ นั่น
มู่เจียงเทียนไม่ได้ตอบเธอ ยังคงจมดิ่งไปกับการซ้อมเพลงใหม่
แต่เซียวเซียวก็ไม่ได้ถือสาอะไร คนที่เป็นศิลปินก็ต้องมีอารมณ์เชิดหยิ่งอยู่บ้าง พูดกับเธอสักประโยคสองประโยคก็ถือว่าดีมากแล้ว เซียวเซียวถือโอกาสนี้ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ มู่เจียงเทียนอย่างยินดี แล้วหยิบภาพออกมาจากถุงกระดาษ “นี่เป็นภาพตอนที่ฉันมาเจอคุณที่นี่ครั้งแรก รู้สึกอยากจะวาดภาพนี้ออกมา ขอมอบให้คุณได้ไหมคะ”
เสียงดีดเปียโนที่กำลังดังอยู่เงียบลงทันที มู่เจียงเทียนหันหน้าไปทางเซียวเซียว ไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือหัวเราะดี เอาภาพมาให้คนตาบอด ผู้หญิงคนนี้ไม่มีสมองหรือว่าต้องการจะทำให้เพื่อประชดเขากันแน่
แต่เมื่อได้จับภาพนั้น สีหน้าของมู่เจียงเทียนก็เปลี่ยนไปทันที ภาพนี้ใช้เศษผ้าชิ้นเล็กๆ มาเรียงต่อกัน ผ้าชิ้นเล็กๆ ที่นูนขึ้นทุกตารางนิ้วทำให้เกิดภาพตอนนั้นขึ้นมาในหัวของเขา
แสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามา นักเปียโนที่โดดเดี่ยวอ้างว้างกำลังลูบคลำคีย์บอร์ดเปียโนอยู่ ด้านข้างมีตัวอักษรอยู่บรรทัดหนึ่ง เขียนว่า ‘เซียวเซียวมู่อวี่ส่าเจียงเทียน’
เมื่อมองดูมู่เจียงเทียนคลำตัวอักษรบรรทัดนั้น เซียวเซียวก็รู้สึกเขินอายนิดหน่อย “นั่นมัน…ตอนเรียนมัธยมฉันมักจะเขียนประโยค ‘เซียวเซียวมู่อวี่ส่าเจียงเทียน’ นี้ลงในสมุดบันทึก แล้วก็คุยล้อเล่นกับเพื่อนๆ ว่าฉันกับมู่เจียงเทียนเป็นคู่กัน…”
เดิมคิดเพียงว่าจะมอบหัวใจของสาวน้อยให้กับไอดอล แต่ไม่คิดว่าเมื่อพูดออกไปแล้วจะรู้สึกขายหน้าขนาดนี้ เซียวเซียวยกมือซ้ายขึ้นตีมืออีกข้างของตัวเอง ทำไมมือเลอะเทอะนี่ถึงต้องไปติดเขียนประโยคตั้งแต่สมัยมัธยมมาด้วยนะ
“ฮ่าๆ” มู่เจียงเทียนหัวเราะออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เขาหลับสองตาลงสนิทแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ให้ความรู้สึกหยิ่งผยองเช่นคนชั้นสูง “จะเล่นเพลงให้คุณเพลงหนึ่งแล้วกัน”
“เอ๋?” เซียวเซียวเงยหน้าขึ้น
จากนั้นอีกฝ่ายก็เริ่มบรรเลงเพลงพร้อมกับร้องคลอไปด้วย
“เสียงฝนเทจั้กๆ ค่อยหนักขึ้น สะท้อนตามด้วยเสียงคลื่นกระทบฝั่ง ชาวประมงเย็นย่ำครวญเพลงคืนรัง กลางม่านฝนไม่อาจฟังให้รู้ความ เจ้านกน้อยคลอขับเคล้าเสียงขาน กลืนผสานกลางแสงพลบจบสายัณห์…”
เพียงไม่นานทำนองเพลงสั้นๆ นั้นก็จบลง
“เพราะจังเลย” เซียวเซียวตื่นเต้นมาก เธอไม่เคยได้ยินดนตรีแบบนี้มาก่อน “นี่มันเพลงอะไรคะ”
“เซียวเซียวมู่อวี่ส่าเจียงเทียน” มู่เจียงเทียนเอียงหน้าเล็กน้อย แสดงความซุกซนแบบเด็กๆ ออกมา
นี่เป็นเพลงแต่งสด?!
เซียวเซียวตกตะลึงจนนิ่งงัน โชคดีที่เธอรีบก้มหน้าลงกดปุ่มอัดเสียงไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเพลงที่แต่งมาเพื่อเธอโดยเฉพาะคงจะสูญหายไป
นี่มันเป็นเพลงที่แต่งสดๆ แต่ทำไมช่างไพเราะน่าฟังเช่นนี้
รอยยิ้มบนใบหน้ามู่เจียงเทียนค่อยๆ เลือนหายไป เพียงครู่เดียวเขาก็กลับมาเป็นนักเปียโนผู้โดดเดี่ยวอีกครั้ง