พอถูกเตือนอย่างนี้เธอก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมาจริงๆ แต่ว่าทั้งตัวเธออ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง ต้องออกแรงอยู่นานกว่าจะทำให้ตัวเองลุกขึ้นมานั่งได้ พอหมายจะยื่นมือไปรับแก้วน้ำ มือก็กลับไม่ฟังคำสั่ง ดันตรงไปคว้าข้อมือของชายหนุ่มข้างที่ถือแก้วน้ำอยู่ข้างนั้น
อุณหภูมิจากผิวของเขาตรงกันข้ามกับความร้อนรุ่มที่อยู่บนตัวเธอโดยสิ้นเชิง บริเวณที่ปลายนิ้วของเธอสัมผัสนั้นเย็นเฉียบ แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกสบาย ไหนๆ ก็ไหนๆ เธอทำตัวรุ่มร่ามไปแล้ว เจียงเหม่ยซีจึงใช้สองมือประคองมือข้างนั้นของชายหนุ่มให้ขยับแก้วน้ำเข้ามาใกล้ริมฝีปากแล้วดื่มน้ำในแก้วลงไปหลายอึก
ตั้งแต่ต้นจนจบชายหนุ่มไม่พูดไม่จาสักคำ เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ปล่อยให้เธอแต๊ะอั๋ง ทำให้เจียงเหม่ยซีรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาทันใด
เธอใช้หลังมือเช็ดปากสะเปะสะปะ ก่อนจะพูดลิ้นพันกัน “คุณไปเถอะ”
“ไป? ไปไหน”
นี่หมายความว่าไม่อยากไปอย่างนั้นเหรอ
เจียงเหม่ยซีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมส่งยิ้มให้เขา “เพิ่งเจอกันครั้งแรกคุณก็จะอยู่ที่นี่แล้ว จะไม่คืบหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ”
ท่าทีของเธอชัดเจนมากว่านี่คือการไล่แขก
แต่ชายหนุ่มกลับมองเธออย่างไม่สะทกสะท้าน “เจอกันครั้งแรกคุณก็เมาจนกลายเป็นอย่างนี้ ความคืบหน้าก็ไม่นับว่าช้าแล้ว”
การโต้ตอบนี้ทำให้เจียงเหม่ยซีรู้สึกเกินคาดมาก จู่ๆ เธอก็อยากมองสักหน่อยว่าคนคนนี้รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่แสงไฟในห้องไม่ดีนัก และเธอก็เมามากแล้วจริงๆ เมาจนตาทั้งสองไม่อาจเพ่งมองได้ ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าล้วนวูบไหวไปมา
ดังนั้นตอนที่เธอกำลังจะเขย่งเท้าเพื่อมองหน้าเขาให้ชัด เท้าก็พลิกโดยไม่ทันระวัง ทั้งตัวเอนล้มไปทางโต๊ะรับแขกที่อยู่ข้างๆ
ดีที่ปฏิกิริยาตอบรับของชายหนุ่มนั้นรวดเร็ว เขาคว้าตัวเธอไว้ทันในตอนที่เธอเกือบล้มลง ทำให้เธอไม่ล้มลงไปบนโต๊ะรับแขกแข็งๆ นั่น แล้วล้มลงบนโซฟาหนังแท้นุ่มๆ แทน เพียงแต่ว่าเขาเองก็ล้มตามลงมาด้วย…
ไม่มีความเจ็บปวดอย่างที่เธอกลัวล่วงหน้า อีกทั้งบริเวณที่ผิวหนังสัมผัสกันก็เกิดความรู้สึกอันเย็นเฉียบทำให้เธอไม่ทรมานขนาดนั้นแล้ว ในชั่วขณะสุดท้ายก่อนสติสัมปชัญญะของเธอทั้งหมดกระเจิดกระเจิงไปเจียงเหม่ยซีคิดว่าในเมื่อเขาไม่ยอมออกไป ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ต่อเถอะ
พอสมองเธอถูกกระตุ้น มือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นไปคล้องคอเขาเอาไว้ พาตัวเองที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้าขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่าย
ในบริษัททั้งระดับบนระดับล่างต่างก็บอกว่าเธอเป็นคนวางอำนาจและเด็ดขาด แต่การบังคับจูบผู้ชายคนหนึ่งอย่างวางอำนาจและเด็ดขาดเช่นนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตของคนที่อายุย่างเข้าสามสิบอย่างเธอ
เจียงเหม่ยซีสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตอนที่ริมฝีปากของเธอแตะกับของเขา ชายหนุ่มก็ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ชั่วเวลานั้นเธอได้ยินเสียงหัวใจของตนเองเต้นผิดปกติไปเล็กน้อย หรือว่าเธอเข้าใจผิดไป เขาไม่ยินยอมอย่างนั้นเหรอ
โชคดีที่หลังจากนั้นเพียงพริบตาเขาก็โต้ตอบกลับมา เริ่มจากอ่อนโยนดูดดื่ม แล้วจึงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง
ความร้อนในร่างกายพลุ่งพล่านขึ้นมา เจียงเหม่ยซีดำดิ่งอยู่ในจูบอันละเมียดละไมราวกับหยาดฝนโปรยของชายหนุ่ม
เวลานี้ลมราตรีค่อยๆ แรงขึ้น พัดต้นไม้ใบหญ้าที่นอกหน้าต่างส่งเสียงดังสวบสาบ ราวกับกำลังแวะรับใครสักคนเพื่อไปให้ทันการนัดหมายที่เร่งด่วน
เจียงเหม่ยซีไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นควบคุมและปลุกเร้าตั้งแต่ห้วงอารมณ์ไปจนถึงร่างกายและความคิด ในตอนที่ความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างอาการแขนขาชาหนึบและหัวใจเต้นเร็วเข้าจู่โจมฉับพลัน เจียงเหม่ยซีถึงได้คิดอยากจะรีบหลบหลีกด้วยปฏิกิริยาสะท้อนกลับ เธออยากจะให้ทุกอย่างหยุดลงทันที
และในความเป็นจริงเธอเองก็หยุดมันลงไปแล้ว