THE ARCHITECTURE OF LOVE ออกแบบร่างก่อสร้างรัก
ทดลองอ่าน THE ARCHITECTURE OF LOVE ออกแบบร่างก่อสร้างรัก บทที่ 1
บทที่ 1
สิ่งที่เรารักคือสิ่งที่ทำให้เราทุกข์เช่นกัน
ในชีวิตของทุกคนมักจะมีจุดหนึ่งที่รู้สึกราวกับว่ากำลังหลงทาง ทั้งในความเป็นจริงและในเชิงเปรียบเปรย และไม่มีอะไรทำให้ไรยารู้สึกหลงทางและแปลกแยกไปมากกว่าการอยู่ในปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่าอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะบ้านคือที่ที่ทำให้เธออุ่นใจ ไม่ใช่เพราะบางทีฝูงชนมันก็เกินจะรับไหว ไม่ใช่เพราะเธอไม่ใช่พวกไม่หลับไม่นอน เพราะทุกครั้งที่เธออินไปกับงานเขียนของเธอ เธอจะตื่นอยู่ทั้งคืนแล้วนอนในช่วงเช้าของอีกวัน ก็แค่เพราะว่าสำหรับเธอแล้ว ทุกอย่างในงานปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่ามันดูปลอมอย่างน่าฉงน
เหมือนทุกคนรู้สึกว่าต้องเฉลิมฉลองการเปลี่ยนผ่านของปี แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะไม่มีอะไรให้น่าฉลองเลยก็ตาม การดื่มอวยพรกับคนแปลกหน้าเป็นร้อยในคลับที่ค่าเข้าแพงอย่างไม่มีเหตุผล บางทีก็ถ่ายรูปเซลฟี่หรือรูปหมู่พร้อมขวดแชมเปญในมือกับใครก็ตามที่บังเอิญเจอ เพียงเพื่อจะโชว์ชีวิตอันแสนพิเศษของตัวเองบนโซเชียลมีเดีย และเราต่างก็คุ้นเคยกับฝันร้ายของการหารถกลับบ้านในตอนฟ้าสางกันทั้งนั้น ทุกคนเมามายจนขับรถกลับบ้านไม่ไหว จะบอกว่าการหารถกลับบ้านนั้นเป็นภารกิจที่ยากยิ่งกว่าการหาเนื้อคู่ก็คงไม่เกินจริง และอย่าให้เธอต้องพูดถึงประเพณีการจูบตอนเที่ยงคืนเลยนะ มันอาจจะฟังดูแรงไปหน่อย แต่ไรยามีความรู้สึกอันแรงกล้าที่อยากจะรัดคอไอ้คนที่มันเริ่มประเพณีบ้าบอนี้มาตลอด ถามจริงๆ นะ คุณอยากเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการจูบกับใครก็ไม่รู้ที่ยืนอยู่ข้างคุณในปาร์ตี้เหรอ ต่อให้เป็นคนแปลกหน้าอะนะ
คนที่มากับคู่เดตของตัวเองก็โชคดีไป พวกเขารอดจากเรื่องน่าหงุดหงิดอย่างการจูบกับคนแปลกหน้าที่เดี๋ยวก็จำชื่อคุณไม่ได้ แถมปากยังเหม็นกลิ่นเหล้าอีกต่างหาก
“แต่คืนนี้เธอจะมาใช่ไหม” เอรินกดดัน แม้จะรู้ดีว่าไรยาไม่ชอบงานรวมพลประเภทนี้เลย แต่มันคือวันส่งท้ายปีเก่าในนิวยอร์กนะ ทำไมคุณถึงอยากอยู่บ้านคนเดียวในคืนแบบนี้ล่ะ
ตอนนี้ยังเป็นเวลาหัวค่ำอยู่ แต่ด้วยความที่เป็นเอริน แน่นอนว่าเธอลองชุดกับรองเท้าที่เข้ากับฤดูกาลนี้ไปแล้วนับไม่ถ้วน พอนึกถึงสภาพอากาศหนาวจัดในนิวยอร์กช่วงธันวาคมที่อุณหภูมิต่ำกว่าสี่องศาเซลเซียสแล้วก็จัดว่าเป็นความท้าทายอย่างแท้จริง ขอบคุณมากเลยจ้า ขณะเดียวกันไรยายังนั่งเอื่อยอยู่บนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ในเสื้อถักไหมพรมโอเวอร์ไซส์ มือซ้ายถือแก้วช็อกโกแลตร้อน มือขวากดรีโมตเปลี่ยนช่องทีวี
ไรยาอาจจะดูนิ่งๆ แต่เธอกำลังอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอมาขออาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของเอรินในแมนฮัตตันตอนล่างมาสองเดือนแล้ว เพราะฉะนั้นการไปช่วยเอรินหาคู่ที่ปาร์ตี้ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยุติธรรมดี ถึงไรยาจะไม่รู้จักเจ้าของงานก็เถอะ คำว่ามาขออาศัยก็จัดเป็นคำที่ถูกต้อง เพราะทุกครั้งที่ไรยาจะช่วยออกค่าเช่า เอรินก็จะปฏิเสธว่า ‘คิดว่าฉันเปิดแอร์บีเอ็นบีรึไง อยู่ไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก ยังไงที่ทำงานก็จ่ายค่าเช่าให้อยู่แล้ว อะไร มองฉันแบบนั้นทำไมน่ะ’
ถึงพวกเธอจะสนิทกันมากเพราะเป็นเพื่อนซี้กันมาหลายปีจนนับไม่ถ้วน นับเป็นความสัมพันธ์แบบที่ไม่มีใครมาใส่ใจแล้วว่าฝ่ายไหนให้หรือรับมากเท่าไหร่ ไรยาก็ยังรู้สึกว่าอย่างน้อยๆ ตัวเองควรจะพยายามตอบแทนน้ำใจนี้ด้วยการซื้ออาหารมาใส่ตู้เย็นและเป็นคนจ่ายเงินเวลาออกไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน
‘ไม่ต้อง แยกกันจ่ายเถอะ เคยบอกแล้วไงว่าฉันชอบที่มีเธออยู่ด้วย เธอไม่ต้องจ่ายทุกอย่างหรอกยา ฉันไม่ได้อยากให้เธอเลี้ยงฉันทุกครั้งหรอกนะ’ เอรินพูดและยัดแบงก์ห้าสิบดอลลาร์ใส่กระเป๋าถือของไรยาตอนไปร้านเดอะสปอตเท็ดพิกด้วยกันครั้งล่าสุด ที่นั่นคือร้านเบอร์เกอร์ร้านโปรดของพวกเธอ
‘ให้ฉันจ่ายเถอะ’ ไรยารบเร้ายืนยัน
‘โอเค ก็ได้ ถ้าเธอไม่รู้จะทำยังไงกับเงินค่าลิขสิทธิ์นั่นล่ะก็ เอาไปซื้อรองเท้าให้ฉันสักคู่สิ ลูบูแตงอะไรงี้ ห้างแซกส์อยู่ตรงหัวมุมนี้เอง’ เอรินพูดด้วยรอยยิ้มซุกซน
‘บ้าอะไรเนี่ย…’ ไรยาหัวเราะ
“โอเค งั้น…เธออยากใส่ชุดไหนล่ะ รู้ใช่ไหมว่ายืมชุดฉันได้ถ้าเธอต้องการ” เอรินยังยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ขยับมือวุ่นวายไปกับตัวเลือกอันหลากหลาย ไรยาเลื่อนสายตาจากทีวีมาที่เอริน แต่เธอยังไม่ตอบอะไร
“มานี่สิ เลือกสักตัว” เอรินกล่าวพร้อมดึงมือไรยา “เรายังใส่ไซส์เดียวกันใช่ไหม ลองใส่ดูสักตัวสิ ฉันเอาตัวนี้” เอรินบอก ขณะกำลังหลงไปกับเงาสะท้อนของตัวเองในชุดเดรสสีดำในกระจก กระทั่งหันกลับมาถึงได้เห็นสีหน้าเฉยเมยของไรยา เธอไม่ตื่นเต้นเลยสักนิดเดียว
“ไรยา ไม่เอาน่าที่รัก เธอจะไปใช่ไหม” เอรินถามย้ำ
“ไปสิ” ไรยาตอบ ไม่ปิดบังอาการลังเลของตัวเองสักเท่าไหร่
“เอาจริงๆ เลยนะ เธอทำหน้าเหมือนฉันเพิ่งขอให้เธอโดดผาเลยอะ” เอรินบอก เธอตบหน้าไรยาเบาๆ ด้วยความรัก
“ฉันรู้ๆ” ไรยาหัวเราะในลำคอ “แค่วันนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์น่ะที่รัก”
“เราถึงต้องทำแบบนี้ไง! การแต่งเนื้อแต่งตัวจะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น เชื่อฉันสิ นี่ เธอได้เอาชุดเดรสมาด้วยไหมเนี่ย จำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นเธอใส่”
“เอามาสิ” ไรยาตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูลังเล ไม่ใช่ว่าเธอไม่แน่ใจว่าได้เอาชุดเดรสมาด้วยหรือเปล่าหรอก แต่บทสนทนานี้ทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวเบื้องหลังของเจ้าเดรสตัวนั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอามันมาด้วยทำไมที่นิวยอร์ก เมืองที่เธอมาเพื่อหลีกหนีจากความทรงจำนั้น
“ไหนล่ะ” เอรินเรียกร้อง ไรยามองผ่านเธอไปยังเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในตู้แล้วหยิบชุดเดรสสีดำตัวสวยออกมา ทรงชุดแบบดั้งเดิมและดูสง่างาม แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเย้ายวนแฝงอยู่
“เธอใส่ตัวนี้แหละ!” เอรินร้องออกมาอย่างกระตือรือร้นและคว้าชุดเดรสไปจากมือไรยา “เอาสิ ถอดเลย”
“ฮะ?”
“ถอดชุดแล้วลองใส่ดู ฉันอยากเห็นเธอใส่มัน”
“ตอนนี้อะนะ”
“ใช่ ตอนนี้เลย” เอรินยืนกราน เธอหัวเราะออกมาด้วยความตื่นเต้นตอนไรยาสวมชุดเสร็จ “ดูสิ ฉันบอกแล้ว! เธอใส่แล้วเริดมาก! โอเค เธอใส่ตัวนี้นี่แหละไปปาร์ตี้”
ชุดเดรสสีดำตัวจิ๋วไม่เคยทำให้สาวคนไหนต้องผิดหวัง ความทรงจำของไรยาพาเธอย้อนไปถึงครั้งล่าสุดที่ใส่ชุดเดรสตัวนี้ วันนี้เมื่อสองปีที่แล้ว ตอนเธอไปงานรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากหนึ่งในนิยายที่เธอแต่ง เธอยิ้มน้อยๆ ให้คนนั้นคนนี้ ทักทายผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนที่พบเจอ ตอบคำถามหลายข้อในงานแถลงข่าว ทุกสิ่งทุกอย่างก่อให้เกิดความรู้สึกอันท่วมท้น แต่เธอก็รอดจากเหตุการณ์ในวันนั้นมาได้ด้วยความสง่าผ่าเผยที่ดูสงบนิ่ง จนกระทั่งเธอนั่งลงข้างโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ในไม่กี่นาทีก่อนหนังฉาย เธอถึงรู้สึกได้ว่าฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อที่เย็นจัดและหัวใจกำลังจะหลุดออกจากอก
‘คุณไรยา คุณคิดว่าภาพยนตร์เป็นยังไงบ้างคะ’ ผู้สื่อข่าวถามเธอในงานแถลงข่าวเมื่อชั่วโมงที่แล้ว