everY
ทดลองอ่าน They Both Die at the End บทที่ 7 – บทที่ 8 #นิยายวาย
PART TWO
เพื่อนคนสุดท้าย
เรือที่จอดในท่าย่อมปราศจากภยันตราย
แต่เรือไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนั้น
— จอห์น อ. เชดด์
แอนเดรีย ดอนนาฮิว
3:30 น.
เดธแคสต์ไม่ได้โทรหาแอนเดรีย ดอนนาฮิวเพราะเธอไม่ได้ตายวันนี้ ในฐานะหนึ่งในตัวแทนอันดับต้นๆ ของเดธแคสต์ตั้งแต่การก่อตั้งเมื่อเจ็ดปีก่อน เธอได้โทรแจ้งวันสุดท้ายให้ผู้คนมาแล้วเป็นจำนวนไม่น้อย อย่างคืนนี้ ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนถึงตีสาม แอนเดรียโทรหาเดกเกอร์ทั้งหมดหกสิบเจ็ดคน มันไม่ใช่ตัวเลขที่ดีที่สุดของเธอ แต่มันยากที่จะทำลายสถิติเก้าสิบสองสายในกะเดียวตั้งแต่เธอถูกตรวจสอบว่าเร่งคุยแต่ละสายให้จบๆ ไปรึเปล่า
อย่างที่ถูกกล่าวหามา
ตอนเธอกำลังเดินกะเผลกออกไปจากตึกด้วยไม้เท้า แอนเดรียหวังว่าฝ่ายบุคคลจะไม่ตรวจสอบบันทึกการโทรของเธอในคืนนี้ ถึงเธอจะรู้ว่าความหวังเป็นสิ่งที่อันตรายในสายอาชีพนี้ก็ตาม แอนเดรียเรียกชื่อสลับไปหลายคนเพราะเธอรีบร้อนเกินไปที่จะคุยกับเดกเกอร์ให้เสร็จแล้วต่อสายต่อไป ถ้าเสียงานไปตอนนี้เธอแย่แน่ เพราะนอกจากเธอต้องจ่ายค่าเล่าเรียนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของลูกสาวแล้ว เธอต้องทำกายภาพบำบัดหลังจากประสบอุบัติเหตุด้วย ยังไม่ได้นับเรื่องที่ว่านี่เป็นงานที่เธอทำได้ดีที่สุดเพราะเธอค้นพบวิธีช่วยให้เธอทำงานได้ง่ายขึ้น เป็นวิธีที่ทำเอาคนอื่นๆ ลาออกไปหางานที่เครียดน้อยลง
กฎข้อที่หนึ่งจากทั้งหมดหนึ่งข้อ : เดกเกอร์ไม่ถือว่าเป็นคนอีกต่อไป
แค่นั้นแหละ ทำตามกฎข้อนี้ข้อเดียวแล้วคุณจะไม่ต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมงๆ กับผู้ให้คำปรึกษาของบริษัท แอนเดรียรู้ว่าเธอทำอะไรให้เดกเกอร์พวกนี้ไม่ได้อยู่แล้ว เธอจะไปตบหมอนของพวกเขาให้ฟูหรือเอาอาหารมื้อสุดท้ายไปเสิร์ฟหรือยื้อชีวิตพวกเขาไว้ไม่ได้ เธอจะไม่สวดภาวนาให้พวกเขาให้เปลืองน้ำลาย เธอจะไม่สนใจเรื่องราวในชีวิตของพวกเขาแล้วเสียน้ำตาให้หรอก เธอแค่บอกว่าพวกเขากำลังจะตายแล้วไปต่อเลย ยิ่งวางสายเร็วเท่าไหร่ เธอก็โทรหาเดกเกอร์คนต่อไปได้เร็วขึ้นเท่านั้น
แอนเดรียคอยย้ำเตือนตัวเองทุกคืนว่าเดกเกอร์พวกนี้โชคดีแค่ไหนที่ได้ใช้บริการของเธอ เธอไม่ได้แค่บอกว่าพวกเขากำลังจะตายเท่านั้น แต่เธอให้โอกาสพวกเขาได้ออกไปใช้ชีวิตจริงๆ ด้วย
เธอใช้ชีวิตแทนพวกเขาไม่ได้ เรื่องนี้พวกเขาต้องทำด้วยตัวเอง
เธอทำหน้าที่ของเธอแล้ว และเธอทำได้ดี
รูฟัส
3:31 น.
ผมปั่นจักรยานไปบ้านของมาเทโอ ขอให้เขาไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องเถอะไม่งั้นก็ช่วยผมด้วย…ไม่หรอก เขาโอเค เห็นได้ชัดว่าเขาใช้เวลาอยู่ในหัวตัวเองมากเกินไปและน่าจะต่อต้านสังคมเกินไปจนไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง คือ ดูนี่สิ ผมกำลังไปรับเขาที่บ้าน เหมือนเขาเป็นเจ้าชายสักองค์ที่ติดอยู่บนหอคอยสูงและต้องให้คนมาช่วย ผมคิดว่าพอความกระอักกระอ่วนหายไปแล้ว เขาน่าจะเป็นคู่หูที่ดีคนหนึ่งได้เลย แต่ถ้าไม่ เราก็แยกทางกันได้เสมอ แต่คงแย่หน่อยเพราะมันทำให้เสียเวลาที่เราไม่มี แต่ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ ที่ดีอยู่อย่างคือการมีเพื่อนคนสุดท้ายอยู่ด้วยน่าจะทำให้เพื่อนๆ ของผมรู้สึกดีขึ้นกับการที่ผมจะตะลอนไปทั่วเมือง อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยนึงละกัน
มัลคอล์ม แอนโธนี
3:34 น.
คืนนี้เดธแคสต์ไม่ได้โทรหามัลคอล์ม แอนโธนีเพราะเขาไม่ได้ตายวันนี้ แต่อนาคตของเขาอยู่ในความเสี่ยง มัลคอล์มและทาโก เพื่อนรักของเขา ไม่ให้เบาะแสตำรวจว่าพวกเขาคิดว่ารูฟัสน่าจะกำลังไปที่ไหน มัลคอล์มบอกตำรวจว่ารูฟัสเป็นเดกเกอร์และไม่สมควรโดนตามจับ แต่ตำรวจจะปล่อยรูฟัสไปไม่ได้หลังจากที่เขาทำร้ายร่างกายผู้อื่นอย่างสาหัส มัลคอล์มเลยปิ๊งไอเดียสุดอัจฉริยะที่ทำให้ชีวิตตัวเองพัง นั่นคือให้เขาโดนจับแทน
ตอนแรกเขาเถียงกับตำรวจและปฏิเสธที่จะโดนจับ แต่จุดบกพร่องขนาดใหญ่ในแผนของเขาคือเขาไม่สามารถสื่อสารแผนตัวเองให้ทาโกที่เข้ามาช่วยเถียงอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเขาซะอีกได้
ตอนนี้มัลคอล์มกับทาโกกำลังถูกส่งตัวไปที่สถานีตำรวจ
“ไร้สาระฉิบ” ทาโกพูดจากเบาะหลังของรถตำรวจ เขาเลิกสูดหายใจลอดไรฟันหรือตะโกนว่าเขาไม่ได้ทำอย่างตอนที่เขาถูกใส่กุญแจมือแล้ว ถึงแม้ว่ามัลคอล์มกับเอมี่จะพยายามบอกให้เขาหุบปากก็ตาม “พวกเขาหารูฟัสไม่เจอหรอก เขาจะขี่จักรยานหนีไปได้…”
“เงียบน่า” คราวนี้มัลคอล์มไม่กังวลเรื่องที่ทาโกอาจถูกขึ้นค่าปรับแล้ว เขารู้อยู่แล้วว่ารูฟัสหนีไปได้พร้อมจักรยานของเขา เพราะจักรยานของรูฟัสไม่อยู่ที่นั่นตอนพวกเขาถูกคุมตัวออกมาจากบ้าน และเขารู้ว่ารูฟัสขี่จักรยานหนีตำรวจไปได้แน่นอน แต่เขาไม่อยากให้ตำรวจจับตาดูเด็กหนุ่มทุกคนที่ขี่จักรยานแล้วไปเจอรูฟัสเข้า ถ้าตำรวจต้องการตัวเขาจริงก็ต้องพยายามหน่อย
มัลคอล์มให้วันเพื่อนเขาเพิ่มอีกวันไม่ได้ แต่เขาต่อเวลาชีวิตให้เพื่อนของเขาได้
ถ้ารูฟัสยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็นะ
มัลคอล์มพร้อมจะโดนลงโทษแทนรูฟัส และเขารู้ว่าตัวเองก็ไม่ได้บริสุทธิ์ซะทีเดียว มันเป็นสามัญสำนึก ชาวพลูโตแอบออกมาตอนดึกก่อนหน้านี้ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะซัดเพ็คให้คว่ำ แล้วรูฟัสก็จัดการเองคนเดียวได้เยี่ยม มัลคอล์มไม่เคยมีเรื่องชกต่อยมาก่อน ถึงคนอื่นจะมองว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ชอบใช้ความรุนแรงเพราะเขาสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นต์ ผิวสี และหนักเกือบเก้าสิบกิโลก็เถอะ แค่เพราะเขาหุ่นเหมือนนักมวยปล้ำไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นอาชญากรสักหน่อย แต่ตอนนี้มัลคอล์มกับทาโกจะถูกตีตราว่าเป็นเยาวชนที่กระทำผิดกฎหมาย
แต่พวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่
มัลคอล์มมองออกไปนอกหน้าต่าง หวังว่าจะเห็นรูฟัสปั่นจักรยานเลี้ยวไปตรงมุมถนนสักแวบหนึ่ง แล้วในที่สุดเขาก็ร้องไห้ออกมา เป็นเสียงสะอื้นดังและติดขัด เขาไม่ได้ร้องเพราะตอนนี้เขาจะมีประวัติอาชญากร หรือเพราะกลัวที่ต้องไปสถานีตำรวจ หรือเพราะรูฟัสกำลังจะตาย แต่เป็นเพราะอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดที่เขาก่อในคืนนี้คือการที่เขาไม่ได้กอดลาเพื่อนรักของเขาเอง