everY
ทดลองอ่าน What If It’s Us บทที่ 7 – บทที่ 8 #นิยายวาย
ตอนที่ 8
เบน
วันนี้เรียนหนัก และสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากทำตอนนี้คือการไปเจอแฟนชั่วคราวในอนาคตของดีแลน แต่ผมก็รีบไปดาวน์ทาวน์อยู่ดี อย่างกับการอยู่ให้ห่างจากโรงเรียนมากพอจะช่วยให้ผมลืมว่ามันเจ็บแค่ไหนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับเสียงหัวเราะตอนต้นคาบและท้ายคาบของฮัดสันกับแฮเรียต ผมลงจากรถไฟและเจอดีแลนอยู่หน้าร้านขายยา เขาถือกระติกเก็บความร้อนของดรีมแอนด์บีนกับดอกไม้ช่อหนึ่ง
“หน้านายเหมือนฆาตกรมากตอนนี้” ดีแลนพูด “สีหน้าของฆาตกรรู้สึกผิด เราน่าจะทำให้รอยย่นตรงหว่างคิ้วนายหายไปก่อนเจอซาแมนธานะ ทำสีหน้าแบบเพื่อนซี้มีความสุขอ่ะ ถ้าจะให้แนะนำ” ดีแลนขยิบตา
ผมจะทำสีหน้าแบบเพื่อนซี้มีความสุขให้ละกันเพราะถือว่าเป็นดีแลน แต่มันเพลียใจจริงๆ นะที่ต้องมาทำความรู้จักแฟนของเขา สนิทกัน แล้วก็เสียมิตรภาพนั้นไปอย่างรวดเร็วหลังจากดีแลนตัดขาดจากพวกเธอ
“จัดไป แล้วช่อกุหลาบนี่อะไร” ผมถาม
“ซาแมนธาบอกว่าเธอชอบดอกกุหลาบตอนเราดูไททานิกด้วยกัน” ดีแลนพูดพร้อมรอยยิ้ม เหมือนการจำสิ่งที่คนอื่นพูดไปไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงที่แล้วเป็นคุณสมบัติของฮีโร่ยังไงยังงั้น
“ไปดูด้วยกันมาเหรอ”
“ผ่านเฟซไทม์เมื่อคืน”
“นั่งดูผ่านเฟซไทม์จนจบเลยเนี่ยนะ หนังมันไม่ได้สามชั่วโมงกว่าเหรอ”
ดีแลนพยักหน้า “ตั้งสี่ชั่วโมงกว่าจะดูจบ เพราะเอาแต่หยุดหนังแล้วคุยกัน”
“น่าประทับใจ” ผมพูด และผมหมายความตามนั้นจริงๆ ดูจากการที่เขาแทบไม่ได้นอนคืนก่อนเพราะซาแมนธาไม่ตอบแชทเขาเรื่องเอลเลียต สมิธ ที่จริงแล้วเธอแค่ยังไม่มีเวลาฟัง พอฟังแล้วเธอก็ชอบทุกเพลงเลย “แล้วชอบหนังมั้ย”
“ตอนแรกคิดว่าเรือจะล่มเร็วกว่านี้ นึกออกมะ”
“ก็คือนายเบื่อจนกระทั่งเรือเริ่มล่ม…”
“ฉันเบื่อจนกระทั่งเรือเริ่มล่ม ใช่”
ดีแลนเดินจ้ำอย่างคึกขณะที่เรารีบไปร้านกาแฟ เขาเดินหลบคนซ้ายขวา ผมแทบไม่ได้ยินเขาพล่ามเรื่องที่ประตูลอยน้ำมีที่พอให้ทั้งแจ็คกับโรสหรืออย่างน้อยทั้งสองคนก็น่าจะสลับกันขึ้นมา ดีแลนหยุดเดินตรงหัวมุม
“เอาล่ะ ฉันดูเป็นไง”
เขามีรอยคล้ำใต้ตาและใส่เสื้อของร้านคูลค็อฟฟี่ ดูเยอะไปหน่อยแต่ก็ถือว่าดี ยกเว้น “เขวี้ยงแก้วดรีมแอนด์บีนทิ้งไปดีกว่านะ”
ดีแลนโยนแก้วเก็บความร้อนให้ผมอย่างกับมันคือระเบิดพลีชีพ เราโยนให้กันไปมาอยู่พักหนึ่งจนในที่สุดผมก็เก็บมันใส่เป้
“พิลึกคนว่ะ” ผมพูดตอนเราเดินเข้าไปในร้านคูลค็อฟฟี่ ร้านนี้กลิ่นเหมือนพวกนักเขียนขี้โอ่ที่ไม่น่าจะชอบงานที่ผมเขียนเลย
ซาแมนธายืนเปล่งประกายอยู่หลังเคาน์เตอร์ เธอหยุดรับออเดอร์แล้วโบกมือให้เรา ลอนผมสีดำของเธอเรียบลงใต้หมวกแก๊ปสีกากี ตาสีฟ้าเขียวเจิดจ้าขึ้นมาพอเห็นดีแลน และบู้ม ฟันสีขาวสว่างตอนเธอยิ้มผ่านไหล่ของลูกค้า ผมมั่นใจเลยว่าตัวเองเป็นเกย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าผมเป็นไบสักหนึ่งเปอร์เซ็นต์ล่ะก็ แค่รูปลักษณ์ภายนอกและพลังงานด้านบวกของซาแมนธาอย่างเดียวคงทำเอาผมหลงเธอหัวปักหัวปำ ดีแลนมองซาแมนธาเหมือนตัวเธอเปล่งแสง จนผมสงสัยว่าประกายของฮัดสันหมดไปตอนไหนในสายตาผม ถ้าเขาเคยเปล่งประกายในสายตาผมมาก่อนน่ะนะ
เชี่ยละ เหลือโต๊ะว่างตัวเดียว “เดี๋ยวไปจองโต๊ะนั้นให้” ผมพูด
ดีแลนดึงผมกลับมา “นายต้องสั่งก่อน แล้วก็นะ ฉันกังวลว่าตัวเองจะพูดอะไรโง่ๆ ออกไป”
“นายทำได้น่า”
“ฉันเกือบเดินเข้ามาในนี้พร้อมแก้วกาแฟของร้านคู่แข่งนะ”
ผมหยุดอยู่เป็นเพื่อนเขา
ผมตีหน้าเพื่อนซี้มีความสุข ถึงแม้หนุ่มรุ่นเดียวกันคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนนักเขียนผู้เปี่ยมความหวังจะเอาโต๊ะว่างตัวสุดท้ายไปแล้วก็ตาม เขาเปิดแล็ปท็อปเพื่อเขียนนิยายที่จะดังเหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์ตัดหน้าผม อย่างน้อยเขาก็ดูเท่ดี ตากระจ่าง ผิวสีน้ำตาลเข้ม ไว้ผมทรงซีซาร์ ใส่เสื้อลายมนุษย์เพลิง ถ้าผมใจกล้ากว่านี้เหมือนกับอาร์เธอร์หรือเหมือนที่ดีแลนกล้ากับซาแมนธา ผมคงเข้าหาเขาก่อนไปแล้ว ผมคงจะไปนั่งตรงข้ามเขา เอ่ยทักแล้วชวนคุยเรื่องงานเขียน ดูว่าเขาชอบผู้ชายรึเปล่า บอกว่าเขาดูดีและหวังว่าเขาจะบอกว่าผมดูดีบ้าง แล้วก็ขอเบอร์ หลังจากนั้นก็ตกหลุมรัก แต่ผมไม่ได้ใจกล้าไง ผมเลยไม่ทำอะไร
พอเรามาถึงหัวแถว ซาแมนธาก็โน้มตัวข้ามเคาน์เตอร์มาจนเกือบชนชั้นวางคุกกี้ล่อใจล้ม “ฉันเป็นพวกชอบกอดน่ะ” เธอบอก ที่เธอพูดมันน้อยเกินไปด้วยซ้ำเพราะเธอไม่ใช่พวกชอบกอดธรรมดา แต่เป็นพวกชอบกอดที่กอดได้โคตรดี “ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอนาย เบน”
“เหมือนกัน ซาแมนธา ให้เรียกซาแมนธาใช่มั้ย ไม่ใช่แซมหรือว่าแซมมี่”
“แม่ฉันเป็นคนเดียวที่เรียกฉันว่าแซมมี่ เลยรู้สึกแปลกๆ เวลาคนอื่นเรียกน่ะ ขอบใจที่ถามนะ” ซาแมนธาพูดแล้วหันไปหาดีแลน “ไง”
“ไง” ดีแลนพูด “เป็นไงบ้าง”
“ดี ยุ่งๆ หน่อย” เธอยิ้มตอนที่เห็นดอกกุหลาบ “น่ารักจัง แต่ถ้านายไม่ได้เอามาให้ฉัน ฉันจะถุยน้ำลายใส่กาแฟนายนะ”
“ของเธอเลย” ดีแลนพูด
ซาแมนธาหยิบแก้วขึ้นมา เธอเขียนชื่อดีแลนลงกลางหัวใจและเริ่มทำกาแฟปลอดน้ำลายแก้วใหญ่ให้เขา “นายเอาอะไรดี เบน”
“ไม่รู้สิ น้ำมะนาวสตรอเบอรี่ละกัน” น้ำตาลนี่แหละเจ๋งสุด
“แก้วเล็ก กลาง หรือใหญ่”
ผมดูราคาในเมนู “แก้วเล็ก แก้วเล็กแน่นอน” ห่า เสียเงินสามเหรียญห้าสิบเพื่อแก้วเล็กๆ ใส่น้ำแข็งครึ่งหนึ่งกับน้ำผลไม้ครึ่งหนึ่งเนี่ยนะ ผมใช้เงินสองเหรียญเจ็ดสิบห้าซื้อเมโทรการ์ดขาไปรอบเดียวไปผจญภัยแบบเหลือเศษยังได้เลย ซื้อน้ำส้มได้ตั้งแกลลอน หรือซื้อสกิตเติลส์สามห่อกับสวีดิชฟิชอีกห้าห่อได้ที่ร้านตรงหัวมุม
“จัดไป” ซาแมนธาพูด เธอวาดหน้าคนยิ้มใต้ชื่อผม “อีกไม่กี่นาทีก็จะเลิกแล้ว ขอฉันรับออเดอร์แถวนี้หมดก่อนนะ”
เรารออยู่ตรงปลายบาร์ ผมแอบมองหนุ่มในชุดมนุษย์เพลิงอีกรอบ ตอนนี้เขาใส่หูฟังแล้ว ผมสงสัยจังว่าเขาฟังเพลงอะไรอยู่ ฮัดสันชอบเพลงคลาสสิกหลายเพลง ส่วนผมชอบเพลงอะไรก็ตามที่กำลังดังในเดือนนั้นๆ ผมไม่ได้ชอบหาเพลงใหม่ๆ ฟัง แต่ถ้ามันติดหู ผมได้หมด คงจะดีถ้าผมได้คบกับคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน เราจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันระหว่างออกทริปชมชีวิตนอกเมือง แค่ใส่หูฟังคนละข้างและอินไปกับเพลงที่ฟังด้วยกันขณะผ่อนคลายอยู่ที่ไหนสักแห่งเงียบๆ
ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นจากโต๊ะตรงมุมร้านแล้วใช้ทิชชูเช็ดโต๊ะ และก่อนที่ผมจะเข้าไปดูว่าเธอจะไปรึยัง อีแร้งสองตัว…โทษที ผมหมายถึงผู้ชายใส่สูทสองคนพร้อมอาหารกลางวันของพวกเขา…ก็เข้ามาเอาโต๊ะไป
“นายน่าจะให้ฉันไปจองโต๊ะไว้” ผมพูด
“เธอเจ๋งใช่มั้ยล่ะ” ดีแลนถาม
“อืม” ผมตอบไปโดยอัตโนมัติ
ซาแมนธาออกมาจากหลังเคาน์เตอร์และฮัมชื่อเราเป็นทำนอง “ได้แล้วจ้า” เธอเดินมาที่ปลายบาร์ “ขอบใจที่แวะมานะ”
“ดีแลนไม่ยอมพลาดอยู่แล้ว” ผมพูด “ฉันด้วย ก็อย่างที่เห็น”
“ดีกว่านั่งทำการบ้านอยู่บ้านใช่มั้ยล่ะ” ดีแลนพูด
ผมแค่พยักหน้า
ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่ผมต้องเรียนเสริมฤดูร้อน แค่นี้ก็น่าอายพอแล้วกับการที่ผมต้องนั่งอยู่ต่อหลังชั่วโมงโฮมรูมตอนท้ายเทอมเพราะไม่ได้รับใบเกรดและต้องไปเจออาจารย์แนะแนว ทุกคนในชั่วโมงโฮมรูมรู้เลยว่าแบบนี้ผมต้องไปคุยเรื่องเรียนเสริมฤดูร้อนไม่งั้นก็ไปซ้ำชั้นเกรดสิบเอ็ดที่โรงเรียนอื่น ผมน่าจะเลือกอย่างหลัง จะได้ใช้เวลาช่วงฤดูร้อนได้เต็มที่และไม่มีฮัดสันอยู่รอบๆ ในเดือนกันยาและเดือนอื่นๆ
ซาแมนธาจิบมอคค่าเย็นใส่เอสเพรสโซสี่ชอตไม่มีไขมันใส่น้ำเชื่อมหนึ่งปั๊มกับวิปครีม ผมว่าเธอดูออกว่าการคุยเรื่องเรียนเสริมฤดูร้อนมันน่ากระอักกระอ่วนและเป็นหัวข้อที่อ่อนไหวสำหรับผม ผมล่ะอยากให้เพื่อนสนิทตัวเองหัวเร็วเรื่องนี้บ้างจัง “ฉันชอบทำงานที่นี่นะ แต่ก็คิดถึงเวลาอิสระของตัวเองเหมือนกัน แต่วันหนึ่งฉันอยากทำธุรกิจ และแม่ฉันก็บอกว่ามันจะดีกว่าถ้าฉันได้ลองทำงานทุกรูปแบบเท่าที่เป็นไปได้ก่อนจะไต่เต้าขึ้นไปสูงๆ ฉันจะได้ไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่คาดหวังงานที่ดีจากลูกจ้างที่แค่หาเงินอยู่รอดไปวันๆ”
“ธุรกิจแบบไหนเหรอ” ผมถาม
“ฉันอยากสร้างแอพฯ เกมของตัวเอง ฉันมีไอเดียอยู่ มันจะคล้ายกับเกมฟรอกเกอร์ แต่แทนที่จะเป็นถนนที่มีรถผ่านไปมาตลอดเวลา ฉันจะเปลี่ยนเป็นทางเท้าในนิวยอร์ก นายจะตายถ้าถูกรถเข็นช้อปปิ้งชนหรือเสียแต้มถ้านายเดินตัดหน้านักท่องเที่ยวที่กำลังถ่ายรูป อะไรประมาณนั้น”
“ฉันคงเล่นเกมนั้นจนตาแฉะแล้วครองอันดับต้นๆ แน่” ผมพูด “ดีแลนเพิ่งเล่นเกมนี้เวอร์ชั่นจริงไประหว่างทางที่เรามาที่นี่เนี่ย”
“เอ๋า ก็ฉันไม่อยากพลาดช่วงพักของเธอนี่” ดีแลนพูด เขาดูอายๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ และคำว่าอายไม่ใช่คำที่ผมใช้กับดีแลนบ่อยด้วย น่ารักดีนะที่เวลาทุกนาทีมีค่าสำหรับเขา เขาอยู่ในช่วงความหวานระดับฮันนีมูนแบบคลาสสิก ช่วงที่ทุกคนคิดว่าพวกเขากำลังขี่ยูนิคอร์นบนสายรุ้งลอยฟ้าและดื่มสมูธตี้สกิตเติลส์ไปด้วย แต่ในท้ายที่สุดคุณจะคิดได้ว่ายูนิคอร์นมันก็แค่ม้าใส่คอสตูม แถมตอนนี้คุณยังฟันผุอีก
ซาแมนธายิ้มให้เขา เหมือนเธออยากชมว่าที่เขาทำมันน่ารักแต่ก็ยั้งตัวเองไว้ “ก็ตามนั้นแหละ ฉันอยากทำแอพฯ ถ้านายมีไอเดียอะไรที่ฉันน่าจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ บอกด้วยนะ” เธอขยิบตา มันไม่ได้เป๊ะแต่ก็ดูมีเสน่ห์อยู่ดี
“เธอทำแอพฯ กันโง่แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ช่วยคนตามหาเนื้อคู่ได้มั้ย”
“ฉันอยากได้คำแนะนำที่ฟังดูง่ายกว่านี้หน่อย อย่างแอพฯ พาหมาเดินเล่นแบบมีลูกเล่นแปลกๆ แต่ก็ได้แหละ”