ทดลองอ่าน กระบี่คู่หานซาน เล่มที่ 1 บทที่ 10 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน กระบี่คู่หานซาน เล่มที่ 1 บทที่ 10 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

เส้นทางเข้าสู่สำนักหานซาน บริเวณเชิงเขาของเขายอดประมุขมีป่าสนหนาทึบอยู่ผืนหนึ่ง

ยามเช้าหมอกขาวกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าคล้อยเคลื่อนลอยละล่องอยู่ท่ามกลางสนเขียวสูงระฟ้า เสียงอ่านหนังสือดังก้องลอยออกมาจากป่าลึก ที่เชิงเขาไม่หนาวสะท้านเหมือนบนยอด สัตว์ตัวน้อยปรากฏกายให้เห็นอยู่กลางป่า เสียงแมลงเสียงนกร้องระคนอยู่กับเสียงอ่านหนังสือ

นกกระจอกฝูงหนึ่งกระโดดโลดเต้นไปมาอยู่บนกิ่งไม้ เมิ่งเสวี่ยหลี่มองดูขนเล็กละเอียดบนตัวของพวกมัน รู้สึกว่านกเหล่านี้ต้องอบอุ่นมากแน่ๆ

“อาวุโสเมิ่ง ด้านหน้าคือวิหารถกสัจธรรม” ผู้รับใช้หนุ่มที่อยู่ข้างกายเขากล่าว “เหล่าสานุศิษย์กำลังศึกษาตำราเช้า คาบเรียนเช้ายังไม่เริ่ม”

เมิ่งเสวี่ยหลี่พยักหน้าเกรงใจ “ขอบคุณ รบกวนเจ้านำทางแล้ว”

เส้นทางเล็กๆ ที่ปูไว้ด้วยกรวดสีขาวลัดเลาะผ่านป่าสนเชื่อมต่อไปยังวิหารถกสัจธรรม ห้องเรียนแต่ละห้องตั้งอยู่ที่ปลายทาง กระเบื้องดำกำแพงขาวเส้นสายสะอาดสะอ้านเรียบง่ายปรากฏชัดอยู่ท่ามกลางป่าสน เป็นลีลาท่วงทำนองของหานซานมาแต่ไหนแต่ไร

ผู้ที่เข้ามาศึกษาส่วนใหญ่ล้วนเป็นศิษย์นอก หากผ่านการประเมินพวกเขาก็จะสามารถคำนับอาจารย์ฝากตัวเป็นศิษย์ เดินขึ้นบันไดหยกสูงชันทะลุม่านเมฆไปพบกับหานซานที่แท้จริงได้

เมิ่งเสวี่ยหลี่กลับต่างออกไป นับแต่หานซานก่อตั้งสำนัก เขาก็เป็นผู้อาวุโสเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่เคยมาสอน หากแต่มาศึกษา

เพราะด้วยฐานะคู่ร่วมบำเพ็ญของจี้เซียว ทำให้อาวุโสของเขาสูงกว่าผู้อาวุโสที่มาสอนเหล่านั้นกว่าครึ่ง

ยามนั้นครั้นผู้รับใช้หนุ่มส่งเขาเข้าถึงห้องเรียน จู่ๆ เสียงอ่านหนังสือที่เคยดังก้องก็หยุดชะงัก สายตาอยากรู้อยากเห็นคู่แล้วคู่เล่าล้วนจับจ้องอยู่บนร่างของเมิ่งเสวี่ยหลี่

เหล่าสานุศิษย์สวมใส่อาภรณ์นักพรตสีขาวของทางสำนัก มีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่ในอาภรณ์สีม่วง ทับด้วยเสื้อคลุมตัวนอกสีเงิน ข้างกายยังมีผู้รับใช้ที่เป็นศิษย์ฝ่ายในคอยช่วยจัดโต๊ะจัดเก้าอี้ให้ แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ศิษย์ธรรมดาทั่วไป

ผู้รับใช้กล่าว “อะแฮ่ม ท่านผู้นี้คือผู้อาวุโสแห่งยอดเขาฉางชุน สหายร่วมศึกษาของพวกเจ้าใน…วันหน้า แสดงคารวะต่อผู้อาวุโส”

“อา! ที่แท้เขาก็คือเมิ่งเสวี่ยหลี่! คู่ร่วมบำเพ็ญของอริยกระบี่! เขามาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน”

“ได้ยินว่ามาศึกษา…”

“ไม่ใช่ว่าปีหน้าเขาต้องเข้าแดนสนธยาฮั่นไห่แล้วหรือไร ตอนนี้เพิ่งจะมาฟังพื้นฐานเนี่ยนะ?”

“งดงามยิ่งนัก!”

ยามนี้อาวุโสผู้สอนยังไม่มา ด้วยไร้ผู้ควบคุมบรรดาสานุศิษย์ทั้งหลายจึงรวมกลุ่มขยิบหูขยิบตา กระซิบกระซาบพูดคุย เสียงทักทายจ้อกแจ้กวุ่นวายดังอยู่ห่างๆ

“ยินดีที่ได้พบอาวุโสเมิ่ง”

“อาวุโสเมิ่งยินดีที่ได้รู้จัก”

ผู้รับใช้หนุ่มกระอักกระอ่วนเล็กน้อย มองดูเมิ่งเสวี่ยหลี่ด้วยสายตาเป็นกังวล “พวกศิษย์น้องไม่รู้จักธรรมเนียม”

เมิ่งเสวี่ยหลี่ไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย เขายิ้มตอบ “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ไม่เป็นไร วันหน้าพบเจอข้าหาต้องแสดงคารวะอันใดไม่”

นับแต่ขึ้นเขาหานซานมา เขาก็เห็นแต่เจ้าสำนักกับผู้อาวุโสประมุขยอดเขาทั้งหลายแต่ละคนล้วนสุขุมรอบคอบ นักพรตน้อยก็ขี้ขลาดระแวดระวัง เด็กหนุ่มที่กระฉับกระเฉงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเช่นนี้เขาไม่ได้พบพานนานแล้ว

ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยิ่งดังขึ้น คนที่ใจกล้าหน่อยถึงกับอยากชวนเขาพูดคุย จู่ๆ ศิษย์ที่นั่งพิงอยู่ข้างหน้าต่างก็ลุกขึ้นยืน สองตาจ้องมองไปข้างนอก ปากก็ร้องตะโกน “มาแล้วๆ!”

จู่ๆ ก็มีคนวิ่งไปที่ข้างหน้าต่าง “มาแล้วจริงๆ!” ก่อนจะวิ่งตื๋อออกนอกประตูไปอย่างรวดเร็ว

ศิษย์คนอื่นๆ ต่างพุ่งพรวดไปทันที กระดาษพู่กันปลิวว่อน ตั่งโต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด จู่ๆ ทั้งห้องเรียนก็กลับกลายเป็นว่างเปล่า

เมิ่งเสวี่ยหลี่ยื่นหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เด็กแต่ละห้องต่างกรูกันออกมา มุ่งหน้าตรงไปทางเดียวกันเป็นขบวนขนาดใหญ่ ระคนไปด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจ หานซานที่เคยสงบเงียบพลันคึกคักขึ้นมาราวกับตลาด

เห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น เมิ่งเสวี่ยหลี่ก็คิดในใจ หรือมีคนเอาเงินทองมาโปรยเล่น

ผู้รับใช้หนุ่มเองก็ไม่เข้าใจ เขาขวางศิษย์คนหนึ่งไว้แล้วเอ่ยปากถามสองประโยคก่อนจะกลับมารายงาน

“เมื่อหลายวันก่อน พวกศิษย์พี่สามลงจากยอดเขาจ้งปี้ไปรับศิษย์ พวกเขาพาศิษย์น้องคนหนึ่งกลับมา เป็นร่างสถิตวิญญาณกระบี่แต่กำเนิด ว่ากันว่าหน้าตาหล่อเหลาไม่เบา นับแต่ศิษย์น้องคนนั้นเข้าเขามา สานุศิษย์ในวิหารถกสัจธรรมก็ต่างตั้งตารอเขามาเข้าร่วมเรียน ในที่สุดก็มาแล้ว” ผู้รับใช้หนุ่มพยักพเยิดหน้าไปทางฝูงชน “ทุกคนต่างเฮโลไปที่นั่นกันหมดแล้ว” ศิษย์นอกเหล่านี้ต่างอายุยังน้อยเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา อยากรู้อยากเห็น

เมิ่งเสวี่ยหลี่พยักหน้า

ผู้รับใช้เองก็อยากไปดูด้วยเช่นกัน แต่กลับเห็นเมิ่งเสวี่ยหลี่ไม่มีทีท่านึกสนใจแม้แต่น้อย จึงเอ่ยว่า “อาวุโสเมิ่งคงไม่รู้ คนผู้นั้นจัดว่าเป็นคนที่ยากจะพบพานได้ในช่วงร้อยพันปี มีพรสวรรค์เช่นเดียวกับจี้เซียวเจินเหริน ข้าไปดูเป็นเพื่อนท่านดีหรือไม่”

เมิ่งเสวี่ยหลี่แอบยิ้ม เฉกเดียวกับจี้เซียวอย่างนั้นหรือ

เป็นไปได้อย่างไร

“ไม่ล่ะ”

โปรดติดตามตอนต่อไป

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com