บทที่ 15 ตามทำนองคลองธรรม
คนคนนั้นคลายมือออก ถอยห่างออกไปประมาณหนึ่ง
ความรู้สึกหวาดหวั่นหายลับไปอย่างรวดเร็ว เมิ่งเสวี่ยหลี่รู้สึกผิดหวัง เขารีบขวางนักพรตน้อยที่กำลังโมโหเดือดดาลเอาไว้ “ข้าไม่เป็นไร คนที่เสียมารยาทคือข้าเอง เจ้า…เจ้าชื่ออะไร พวกเราเคยพบเจอกันที่ใดมาก่อนใช่หรือไม่”
“ข้าเซียวถิงอวิ๋น ไม่แน่ว่าบางทีพวกเราอาจเคยเจอกันที่วิหารถกสัจธรรมมาก่อน” ใบหน้าซีดเผือดของคนผู้นั้นปรากฏรอยยิ้มขึ้นน้อยๆ “อาวุโสเมิ่ง”
จู่ๆ เมิ่งเสวี่ยหลี่ก็หน้าแดง คำกล่าวทักทายธรรมดาๆ นี้เหมือนจะแฝงไว้ซึ่งน้ำเสียงยั่วเย้ายากจะบอก
ผู้อาวุโสฐานะพิเศษมาเตร็ดเตร่อยู่ที่หอเก็บคัมภีร์ในยามคืนค่ำ ถูกศิษย์นอกผู้หนึ่งทำสติสัมปชัญญะเลอะเลือน หนำซ้ำยังกล่าววาจาแก้เกี้ยวดาดๆ ด้วยคำว่า ‘พวกเราเคยพบเจอกันที่ใดมาก่อน’ อีก
จู่ๆ เมิ่งเสวี่ยหลี่ก็รู้สึกเสียหน้า
“ที่แท้ก็เจ้า” เมิ่งเสวี่ยหลี่หน้าเปลี่ยนสี ท่าทางกลายกลับเป็นเย็นชา “จะอ่านหนังสือก็อ่านไป อย่าเที่ยวแอบยืนอยู่ในมุมมืดทำชาวบ้านตกอกตกใจ ถึงพรุ่งนี้วิหารถกสัจธรรมจะหยุด แต่ศึกษาตำราเช้าไม่ได้หยุดตามไปด้วย รีบกลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า”
เซียวถิงอวิ๋นประสานสองมือไว้กลางอกแสดงคารวะ กิริยามารยาทไม่มีอันใดขาดตกบกพร่อง “ผู้อาวุโสสอนสั่งได้ถูกต้องแล้ว”
เมิ่งเสวี่ยหลี่รู้สึกว่าอีกฝ่ายยังคงยิ้ม
“เสี่ยวไหว พวกเราไปกันเถอะ”
เมิ่งเสวี่ยหลี่ยืดหลังตรงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย นักพรตน้อยเดินตามอยู่ทางด้านหลัง มองดูเซียวถิงอวิ๋นด้วยสายตาระแวดระวัง
ครั้นกลับถึงยอดเขาฉางชุน เมิ่งเสวี่ยหลี่ก็ไปนั่งใจลอยอยู่ริมสระน้ำพลางป้อนอาหารปลา
สายลมยามค่ำโชยอ่อน ประกายแสงระยิบระยับวับวาบเหนือผิวน้ำจับอยู่บนใบหน้าเขา
เขามั่นใจว่าตอนสานุศิษย์เหล่านั้นพูดคุยกัน เขาไม่รู้สึกแม้แต่น้อยว่ารอบข้างมีคนอื่นอยู่อีกถึงได้ถูกเซียวถิงอวิ๋นทำให้ตกใจเช่นนั้น
ศิษย์นอกอายุสิบเจ็ดสิบแปด เพิ่งดึงปราณเข้าร่างได้ไม่นาน ไยมีวิชาอำพรางกายสูงล้ำเช่นนั้นได้
ตอนเห็นอีกฝ่ายครั้งแรกใจเขาก็กระเพื่อมไหว หรือว่าอีกฝ่ายฝึกวิชามารมอมเมาจิตใจผู้คนอะไรไว้ หากเป็นเช่นนั้นจริง วิชามารนั่นก็นับว่าร้ายกาจยิ่งนัก!
จี้เซียวลาโลกไปไม่นาน หานซานก็พบผู้มีพรสวรรค์ด้านมรรคากระบี่คนที่สอง เรื่องนี้ไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือไร
ข้อสงสัยมากมายเกิดขึ้นติดๆ เมิ่งเสวี่ยหลี่ครุ่นคิด
ความเป็นไปได้อย่างแรกคือเซียวถิงอวิ๋นเป็นพวกสอดแนม เข้าสำนักกระบี่หานซานด้วยประสงค์ร้าย หมายดำเนินแผนการอะไรบางอย่าง ความเป็นไปได้อย่างที่สองคือเขาเป็นคนที่หานซานเตรียมไว้ ผู้คนทั่วหล้าจะได้รู้ว่าจี้เซียวมีผู้สืบทอด อนาคตของหานซานจะรุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้ง
ความเป็นไปได้สุดท้ายคือเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเรื่องบังเอิญล้วนๆ ตัวเองก็แค่ใจลอย ส่วนเซียวถิงอวิ๋นก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มอ่อนแอฐานะชาติกำเนิดน่าสงสารคนหนึ่ง
ตอนนี้เบาะแสมีอยู่น้อยมาก ไม่อาจระบุอันใดได้แน่ชัด มีเพียงค่อยๆ ทำความรู้จัก คอยจับตาดูความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ เท่านั้น เมิ่งเสวี่ยหลี่นึกโมโห ที่เกินไปคือเด็กหนุ่มผู้นั้นกลับสูงกว่าตัวเองอยู่เล็กน้อย ทว่าแม้อีกฝ่ายจะรูปร่างสูงโปร่งแต่กลับผ่ายผอมไม่มีเนื้อมีหนัง ผอมเสียจนน่าเวทนา