ทดลองอ่าน กระบี่คู่หานซาน เล่มที่ 1 บทที่ 2 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน กระบี่คู่หานซาน เล่มที่ 1 บทที่ 2 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 2 ทั่วหล้าล้วนหิมะ แดนมนุษย์ไร้พ่าย

จี้เซียวเจินเหรินสิ้นอายุขัย

สำนักกระบี่หานซานจัดพิธีเซ่นไหว้ ตั้งแท่นบูชาไว้ยังศาลบรรพชน ผู้บำเพ็ญพรตจากสำนักต่างๆ จำนวนนับไม่ถ้วนเดินทางหมื่นหลี่ เพื่อมาร่วมงานศพรวมตัวฟังเสียงระฆังมรณะอยู่ที่เชิงเขาหานซาน ผู้ที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ จำนวนร้อยกว่าคนถูกพาขึ้นเขาร่วมประกอบพิธีกรรมยังศาลบรรพชน

เดือนสิบเอ็ดลมเหนือโถมกระหน่ำ หิมะท่วมหานซาน แผ่นฟ้าผืนพสุธาล้วนแต่งอาภรณ์ไว้ทุกข์

หิมะที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้หล่นร่วงตามเสียงระฆัง หลิวเสี่ยวไหวเนื้อตัวสั่นสะท้านตามจิตใต้สำนึก ภายใต้อาภรณ์นักพรตมือทั้งสองข้างสอดไขว้อยู่ในแขนเสื้อ เขาเร่งชักเท้าออกเดิน

หลังผ่านพ้นสะพานแขวนฝูคง กองหิมะหนาหนักก็เริ่มละลายลงทีละน้อย เผยให้เห็นเส้นทางเขาที่ปูลาดไว้ด้วยแผ่นหินเปียกชื้น เส้นทางบนยอดเขาคดเคี้ยววกวน มีสายลมอบอุ่นพัดปะทะใบหน้าเป็นระยะๆ ธรรมชาติเขียวชอุ่มปรากฏต่อสายตา

หลิวเสี่ยวไหวถูมือทั้งสองข้างพลางเอ่ย “อุ่นดีจริงๆ”

ปลายสะพานแขวน บนหลักศิลาก้อนหนึ่งมีอักษรสองคำสลักไว้…ฉางชุน

ในที่สุดก็มาถึงยอดเขาฉางชุนของจี้เซียวเจินเหรินเสียที

ประตูอารามที่อยู่ตรงหน้าเสมือนหนึ่งทางเข้าไปยังโลกอีกใบ บันไดหินมีตะไคร่เขียวปกคลุมลามหายเข้าไปในดงพุ่มพฤกษ์เขียวชอุ่มบุปผาตระการ ดอกซิ่ง ดอกหลี บานสะพรั่งราวเมฆาแลหยาดพิรุณ

หลิวเสี่ยวไหวหันกลับไปมอง อีกฟากของสะพานแขวนฝูคงที่ส่ายไหวไปมาจะเห็นก็แต่พายุหิมะ เทือกเขาทั้งหมดล้วนขาวโพลน

ภาพอัศจรรย์เช่นนี้ แม้จะเคยเห็นมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งเขาก็ยังอดเจริญตาเจริญใจไปกับทัศนียภาพดังกล่าวไม่ได้

เพราะสิ่งเหล่านี้มิใช่สิ่งที่ธรรมชาติประทานให้ มิได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับการสรรค์สร้างของสวรรค์และพิภพ ต้นไม้ใบหญ้าบนยอดเขาฉางชุนทุกต้นล้วนเติบโตงดงามได้ด้วยพลังเหนือธรรมชาติ ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับที่มิอาจมองเห็น มีค่ายเวทร่ายซ้อนเป็นชั้นๆ หมุนโคจรอยู่เงียบๆ มิต้องหิมะหรือสายฝน วันคืนอบอุ่นเฉกวสันตฤดู

หานซานเป็นดินแดนที่เหน็บหนาวเย็นยะเยือก หิมะน้ำแข็งไม่มีวันละลายตลอดปี เดิมจี้เซียวเจินเหรินอาศัยอยู่ในเรือนพำนักเรียบง่ายเหนือยอดผาเจียเทียนอันสูงตระหง่าน

ทว่าคู่ร่วมบำเพ็ญของเขากลับเป็นโรคกลัวอากาศหนาว หลังทั้งคู่ร่วมบำเพ็ญอยู่ด้วยกัน เพื่อให้คู่ร่วมบำเพ็ญเบิกบานใจ จี้เซียวจึงได้สร้างเรือนพำนักขึ้นอีกแห่ง เลือกยอดเขาโดดเดี่ยวอบอวลไปด้วยพลังเหนือธรรมชาติ ตั้งค่ายเวท ดึงน้ำพุร้อน ฝืนการผันแปรของสภาพอากาศให้ที่นี่อากาศอบอุ่นชั่วนิรันดร์

หลิวเสี่ยวไหวได้ยินศิษย์พี่ของเขาบอกว่าค่ายเวทเหนือยอดเขาต้องใช้ศิลาศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดถึงสามหมื่นก้อนถึงจะรักษาสภาพเช่นนี้ไว้ได้ทั้งปี ศิลาศักดิ์สิทธิ์สามหมื่นก้อนนั้นมีจำนวนมากเพียงใด เขาเองก็นึกไม่ออก เขาเป็นแค่เด็กพรมน้ำกวาดลานคนหนึ่งเท่านั้น ทุกเดือนได้ศิลาศักดิ์สิทธิ์ชั้นเลวสามก้อนจากฝ่ายการกิจเขาก็พึงพอใจยิ่งแล้ว

มรรคากระบี่ของจี้เซียวเจินเหริน ‘แดนมนุษย์ไร้พ่าย’ ร้ายกาจเพียงใด ตัวเขาเองก็ยากจะจินตนาการ ที่ว่ากันว่าแบ่งภูผาผ่ามหาสมุทร สุดแผ่นฟ้าจรดผืนปฐพีนั้นกลายเป็นคำเล่าลือไกลโพ้น ด้วยจี้เซียวไม่ชักกระบี่นานแล้ว

ยอดเขาฉางชุนบานสะพรั่งไปด้วยร้อยบุปผา สายลมอบอุ่นละมุนละไม น้ำพุไหลริน ทุกสิ่งอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าล้วนมองเห็นสัมผัสได้ หลิวเสี่ยวไหวคิด คนที่จะทำเช่นนี้ได้คงมีเพียงผู้บำเพ็ญพรตที่บรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้วเท่านั้นกระมัง

คู่ร่วมบำเพ็ญของจี้เซียวน่าจะเรียกได้ว่า…สุดยอดความโชคดีของผู้บำเพ็ญพรต

ยามมีชีวิตอยู่จี้เซียวไม่เคยรับศิษย์ และยิ่งไม่มีทายาทสืบสายเลือด มีเพียงคู่ร่วมบำเพ็ญคนเดียวเท่านั้น

คู่ร่วมบำเพ็ญของเขานามเมิ่งเสวี่ยหลี่ อายุลวง สิบเก้า เป็นเพียงผู้เดียวบนหานซานที่ไม่รู้จักวิธีจับกระบี่และใช้กระบี่ไม่เป็น

ท่าทีของสำนักกระบี่หานซานที่มีต่ออาวุโสแซ่เมิ่งผู้นี้เรียกได้ว่าเย็นชายิ่งนัก

ผู้บำเพ็ญพรตอายุยืนยาว เดิมคู่ร่วมบำเพ็ญคือสหายร่วมช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน มรรคาสูงส่ง ความรักเสื่อมทราม

ต่อให้จี้เซียวต้องการมีคู่ร่วมบำเพ็ญจริงก็ควรเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ไม่ธรรมดา เลือกรับเอานักพรตหญิง องค์หญิงเผ่ามาร หรือองค์ชายเผ่าอสูร เพื่อหานซาน เพื่อสันติสุขแห่งสามภพ เพื่อความเป็นอยู่ของผู้คนนับหมื่นพัน…ไม่ว่าเช่นไรก็ต้องมีสาเหตุเพื่ออะไรสักอย่าง

ทว่าเมื่อสามปีก่อนในวันพายุหิมะโถมกระหน่ำ เขาพาคนผู้หนึ่งกลับมา ประกาศต่อทั่วหล้าว่าเมิ่งเสวี่ยหลี่คือคู่ร่วมบำเพ็ญร่วมใช้โชคชะตาเดียวกับเขา

พิธีร่วมคู่บำเพ็ญเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติ ระฆังเคาะเก้ากังวาน มีผู้มาร่วมแสดงความยินดีจากทั่วทุกสารทิศ

ไท่ซั่งจั่งเหล่า ปรมาจารย์แห่งหานซานปลีกสันโดษนานปีไม่ใส่ใจวิถีความเป็นไปทางโลก พอได้ยินเสียงระฆังมงคลก้องดังก็เรียกผู้เป็นเจ้าสำนักมาถาม ‘จี้เซียวมีใจมุ่งมั่นอยู่ในมรรคาวิถีมาแต่เล็ก ใครเล่าจะไปนึกว่าสุดท้ายเขากลับแปดเปื้อนธุลีแดง พื้นๆ หาไม่แล้วคงมีหวังที่จะได้ก้าวเป็นผู้สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่แดนสวรรค์เป็นคนแรกของโลกใบนี้’

ทุกคนแอบเห็นพ้อง แม้เรื่องขึ้นสู่แดนสวรรค์จะเป็นเพียงตำนาน ทว่าทุกคนต่างเชื่อว่าหากจะมีผู้ใดทำได้ล่ะก็ คนผู้นั้นย่อมต้องเป็นจี้เซียว

เมิ่งเสวี่ยหลี่ที่ถูกเรียกขานว่าเป็น ‘ธุลีแดง’ ไม่มีข้อดีอันใดแม้แต่น้อย สามปีก่อนเขาอายุสิบหก หลังชักนำปราณเข้าร่างได้ไม่นาน คุณสมบัติทั้งทางกายและสติปัญญาก็เทียบเคียงได้กับศิษย์นอกของหานซาน

มรรคากระบี่หานซานอยู่บนวิถีแห่งความมุมานะ เต็มไปด้วยข้อบัญญัติเคร่งครัด เมิ่งเสวี่ยหลี่กลัวหนาวชอบอากาศอบอุ่น นิสัยเกียจคร้าน ไม่เข้ากับลีลาท่วงทำนองแห่งหานซานเลยแม้แต่น้อย

ศิษย์ทั้งหลายด้วยเพราะนับถือจี้เซียว จึงไม่กล้าแสดงท่าทีหมิ่นเกียรติเมิ่งเสวี่ยหลี่อย่างเปิดเผย ทำเพียงจุดธูปอธิษฐานลับหลัง หวังว่าสำนึกผิดชอบชั่วดีของเจินเหรินจะกลับมาเป็นปกติ

ทว่าในสายตาของเด็กพรมน้ำกวาดลานเพียงหนึ่งเดียวของยอดเขาฉางชุน หลิวเสี่ยวไหวรู้สึกว่าอาวุโสเมิ่งผู้นี้หาได้กำเริบเสิบสานถือดีว่าเป็นที่โปรดปรานอย่างที่ภายนอกเล่าลือกันไม่

ทุกวันอาวุโสเมิ่งผู้นี้ทำก็แค่เลี้ยงปลาปลูกต้นไม้ ไม่ฝึกกระบี่นั่งสมาธิ หากจะถามว่ามีความผิดอันใด อย่างมากก็แค่บรรลุได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงเท่านั้น ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดครั้นแพร่สะพัดออกไปถึงกลายเป็นมีโทษมหันต์สมควรตายได้

ยามยิ้มดวงตาของอาวุโสเมิ่งจะแคบเรียวจนแทบมองไม่เห็น บางคราวถึงกับเอ่ยปากบอก ‘ขอบใจ ลำบากเจ้าแล้ว’ กับเขา ท่วงท่าอ่อนน้อมไม่ว่าจะกับผู้รับใช้ หัวหน้าฝ่ายการกิจ หรือแม้แต่เจ้าสำนักก็ไม่มีอันใดแตกต่าง

ครั้นคิดถึงจุดนี้หลิวเสี่ยวไหวก็นึกรันทด ภายใต้สภาวการณ์ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ ภายภาคหน้าอาวุโสเมิ่งต้องทำเช่นไร แล้วยอดเขาฉางชุนเล่า

ขณะกำลังคิดสับสนวุ่นวาย หลิวเสี่ยวไหวก็เดินมาถึงสวนดอกไม้ ภายในสวนเขียวชอุ่มต้นไม้หนาทึบ เงาร่างเล็กๆ สีม่วงอ่อนปรากฏอยู่ท่ามกลางพุ่มพฤกษ์เขียวอ่อนเข้ม หลิวเสี่ยวไหวหยุดความคิดสับสน เดินตรงเข้าไปแสดงคารวะทักทาย

ที่ริมสระน้ำ ชายในอาภรณ์ผ้าดิ้นสีม่วงอ่อนกำลังนั่งเอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ ท่วงท่ามิสำรวม อาภรณ์ผ้าดิ้นวับวาวเป็นประกายไม่คล้ายผู้บำเพ็ญพรต หากเหมือนคุณชายน้อยตระกูลมั่งคั่งในแดนมนุษย์

เขากำลังแกะเปลือกเมล็ดสน นัยน์ตางดงามละเอียดอ่อน นิ้วทั้งสิบเรียวยาวขาวนวลไม่ต่างอันใดกับดอกบัวที่ผลิบานอยู่ในสระ

หลิวเสี่ยวไหวพูดเสียงแผ่ว “อาวุโสเมิ่ง เจินเหรินเจ้าสำนักเชิญท่านไปศาลบรรพชนเข้าร่วมพิธีไว้อาลัย”

ยังไม่ทันพูดจบ เสียงระฆังก็ดังลอยมาแต่ไกล เสียงระฆังมรณะดังก้อง ฝูงสกุณาบินแตกตื่นตกใจ

เมิ่งเสวี่ยหลี่เงยหน้า สีหน้าฉงนสนเท่ห์ แสงสะท้อนจากในสระส่องประกายระยิบระยับอยู่บนใบหน้า เกิดเป็นสีสันหลายหลากแปลกตา

หลิวเสี่ยวไหวคิดเอ่ยปากขอผู้อาวุโสได้โปรดระงับความโศกเศร้า แต่สุดท้ายกลับอึกๆ อักๆ พูดอะไรไม่ออก อาวุโสเมิ่งคงไม่ร่ำไห้ออกมากระมัง

“กินเมล็ดสนหรือไม่” เมิ่งเสวี่ยหลี่ถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

“เอ๋?” หลิวเสี่ยวไหวตะลึงงัน “ไม่ ไม่กิน”

เมล็ดสนหนึ่งกำมือถูกเมิ่งเสวี่ยหลี่โยนลงไปในสระน้ำ ไม่ต่างอันใดกับกลีบบุปผาหล่นร่วง ปลาไนสีแดงทองสามตัวแย่งอาหารกันอยู่ท่ามกลางใบบัวสีเขียว

นักพรตน้อยกล่าวด้วยสีหน้าวิตกกังวล “เจ้าสำนักเชิญท่าน…”

“ขอข้าสวมเสื้อเพิ่มอีกชั้นก่อนแล้วจะตามไป เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ไม่ต้องรอนำทาง” เมิ่งเสวี่ยหลี่พูด

นักพรตน้อยเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาแสดงคารวะก่อนถอยจากไป

ตูม!

ครั้นปลาไนในสระกินเมล็ดสนหมด พวกมันก็กระโจนสะบัดหาง น้ำในสระแตกกระจายเป็นฟองฝอย

“กระโจนอันใดกัน หรือพวกเจ้าเองก็เชื่อว่าจี้เซียวสิ้นแล้ว?” เมิ่งเสวี่ยหลี่ลุกขึ้นปัดอาภรณ์ยาวบนตัว เปลือกเมล็ดสนหล่นกระทบพื้นดังกราว

ปลาไนพ่นฟองอย่างไร้เดียงสา

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com