บทที่ 4 งามก็งามอยู่
เชวี่ยเซียนหมิงมาช่วยสหายหนี เดิมเตรียมตัวถูกยอดฝีมือหานซานพบเจอร่องรอย ตัดหางเอาตัวรอด ทิ้งรอยเลือดสามพันหลี่เพื่อลวงหลอกไว้เรียบร้อย แต่ใครเล่าจะรู้ว่าทุกอย่างกลับดำเนินไปอย่างราบรื่นเหลือเชื่อ ขณะที่กำลังจะรอดพ้นออกไปได้ เรือกลับล่มในคูน้ำ…น่าปวดหัวยิ่งนัก
เมิ่งเสวี่ยหลี่ทำมือห้ามส่งเสียง เขายื่นแขนออกไปประคองร่างนักพรตน้อยบนพื้น
เชวี่ยเซียนหมิงเห็นเมิ่งเสวี่ยหลี่สีหน้าสงบนิ่งเยือกเย็นเช่นนั้นก็คิดว่าเขาคงตัดสินใจเตรียมลงมือปิดปากพยานแน่แล้ว นักพรตน้อยผู้นี้โชคร้ายแท้
พลังปราณของเมิ่งเสวี่ยหลี่ไหลผ่านร่างนักพรตน้อย หลิวเสี่ยวไหวค่อยๆ กลับมาได้สติ แววตางุนงงสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง เขายกนิ้วชี้ไปทางเชวี่ยเซียนหมิงอย่างรวดเร็ว
“อาวุโสเมิ่ง! ข้าต่างหากเสี่ยวไหวตัวจริง! เขาเป็นปีศาจ ไม่ใช่ เขาปลอมตัวเป็นข้า! เจ้าโจรถ่อยกล้าเข้ามากำเริบเสิบสานถึงหานซาน หลอกลวงผู้อาวุโส!” นักพรตน้อยผลุนผลันลุกขึ้น เนื้อตัวสั่นสะท้านหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าซีดเผือด แต่ถึงกระนั้นกลับชักเท้าขวางเมิ่งเสวี่ยหลี่ไว้ทางด้านหลัง “ผู้อาวุโสไม่ต้องกลัว! ข้าจะรายงานฝ่ายการกิจเดี๋ยวนี้ ไม่ ส่งข่าวบอกเจินเหรินเจ้าสำนักให้เดินทางมากำจัดปีศาจร้าย…” พูดจบเขาก็เก็บถุงสัมภาระขึ้น หยิบเอากระบี่ไม้เล่มหนึ่งออกมา
ผู้มีฝีมือร้ายกาจที่เขาเคยพบเห็นก็มีแค่หัวหน้าฝ่ายการกิจเท่านั้น ไหนเลยจะรู้จักวิธีติดต่อเจ้าสำนัก ที่พูดเหลวไหลเช่นนั้นออกมาก็เพียงเพราะร้อนใจ หมายขู่ปีศาจร้ายให้ล่าถอย
เห็นเช่นนั้นเชวี่ยเซียนหมิงก็นึกสนุก เขาใช้สองนิ้วคีบตัวกระบี่ที่กำลังไหวสั่น ออกแรงเพียงน้อย ‘เปาะ’ กระบี่ไม้ครึ่งท่อนถูกเขาโยนลงจากเส้นทางไม้คับแคบ หล่นหายลงไปในเหวลึกท่ามกลางทะเลหมอกเมฆสุดลูกหูลูกตา
หลิวเสี่ยวไหวตะลึง เอ่ยปากร้องลั่น “อาวุโสเมิ่ง รีบไป!”
เห็นเมิ่งเสวี่ยหลี่ตกใจไม่พูดไม่จาเช่นนั้น เชวี่ยเซียนหมิงก็คิดว่าหลายปีมานี้เจ้าพักพิงอยู่ที่หานซานจนกลายเป็นพวก ‘ไม่มีพิษมีภัย อ่อนแอแม้แต่จะต้านแรงลมก็ยังไม่ไหว’ ไปเพียงใดกันนะ
มีแต่เด็กเจ็ดขวบเท่านั้นถึงจะถูกเจ้าหลอกได้ หน้าไม่อายแท้!
เมิ่งเสวี่ยหลี่ถลึงตาใส่เขาคราหนึ่ง ลูบจมูกละล้าละลัง ก่อนจะค้อมกายปลอบนักพรตน้อย
“เสี่ยวไหว เขาเป็นสหายของข้า เมื่อครู่เพราะอยากล้อเจ้าเล่นจึงปลอมตัวเป็นเจ้า รอหลอกเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าต้องขออภัยเจ้าแทนเขาด้วย ส่วนกระบี่พรุ่งนี้ข้าจะหาอีกเล่มมาชดใช้ให้ เอาเล่มที่ดีกว่านี้…”
เชวี่ยเซียนหมิงเผยร่างเดิม เหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์ในเวลานี้เท่าใดนัก เขาได้ยินเมิ่งเสวี่ยหลี่พูดเนิบๆ ต่อว่า “คู่ร่วมบำเพ็ญข้าสิ้น สหายเป็นกังวลเกรงข้าจะเป็นทุกข์เกินไปจึงขึ้นเขามาเยี่ยมเยือน น่าเสียดายมาไม่ได้จังหวะ ข้ากำลังจะไปศาลบรรพชน เจ้าช่วยรับรองแขกแทนข้าที พาเขากลับไปนั่งรอข้าที่ยอดเขาสักครู่ได้หรือไม่”
นักพรตน้อยปาดเช็ดน้ำตาบนใบหน้าวุ่น สีหน้าขาวซีดกลับกลายเป็นแดงระเรื่อ เขาหันไปแสดงคารวะเชวี่ยเซียนหมิง “เสียมารยาทแล้ว ผู้อาวุโสท่านนี้ได้โปรดตามข้ามา”
หลิวเสี่ยวไหวรู้สึกว่าตัวเองทำยอดเขาฉางชุนเสียหน้า แขกเพียงเล่นสนุกให้อาวุโสเมิ่งเบิกบานใจก็เท่านั้น แต่ตัวเองกลับตื่นตระหนกเกินพอดี ท่าทางเหมือนไม่เคยผ่านโลกมาก่อน อาวุโสเมิ่งมิใช่คนเจ้าอารมณ์ ไม่เพียงไม่ตำหนิว่าเขาไร้มารยาท แต่ยังปลอบขวัญเขาอีก
เชวี่ยเซียนหมิงขมวดคิ้ว เพ่งมองเมิ่งเสวี่ยหลี่ เช่นนี้ก็ได้ด้วยหรือ
ไม่ต้องสังหารคน ไม่ต้องหนีเอาชีวิตรอด ไม่ต้องรบกวนค่ายกระบี่หานซาน เพียงลมปากพูดอย่างไร ชาวบ้านก็เชื่ออย่างนั้น? สามารถอยู่ร่วมกับสำนักกระบี่หานซานที่ได้ชื่อว่าเย็นชาแล้งน้ำใจง่ายดายเช่นนี้?
เมิ่งเสวี่ยหลี่ไม่ได้มองดูอีกฝ่าย เขาตบศีรษะนักพรตน้อยเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ไปเถอะ”
หลังคิดดูอีกที เชวี่ยเซียนหมิงก็รู้ว่าตนพลาดไปแล้ว ผู้คนทั่วหล้าต่างรู้ดีว่าเมิ่งเสวี่ยหลี่โชคดีที่ได้แต่งกับจี้เซียวโดยมิต้องพยายามอะไร นอกเสียจากจี้เซียวไร้ประโยชน์ จะมีผู้ใดนึกเคลือบแคลงสงสัยคำพูดของเขา
ครั้นแล้วเชวี่ยเซียนหมิงก็เดินตามนักพรตน้อยข้ามสะพานแขวน ย่างเท้าเข้าสู่ยอดเขาฉางชุน สูดอากาศเย็นสดชื่นชุ่มชื้นเต็มเปี่ยมไปด้วยไอทิพย์เข้าปอด ป่าเขาเขียวชอุ่มปรากฏขึ้นต่อสายตา สิ่งปลูกสร้างงดงามแต่งแต้มอยู่ใจกลาง ทัศนียภาพวิจิตรตระการตาอย่างหาที่สุดมิได้
เชวี่ยเซียนหมิงถาม “ปกติอาวุโสเมิ่งของเจ้าวันๆ เขาทำอะไรบ้าง”
นักพรตน้อยตอบอย่างรอบคอบนอบน้อม “อาวุโสเมิ่งอุปนิสัยไม่ยินดียินร้าย ชอบอยู่ใกล้พุ่มพฤกษ์บุปผา ต้นจินซือเถา บนยอดเขาล้วนเป็นอาวุโสเมิ่งปลูกเองกับมือ ปกตินอกจากนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ดอกไม้จิบสุราอ่านบทละครพื้นเมือง เอ่อ…อ่านคัมภีร์เต๋าแล้ว ยังเลี้ยงปลาไนไว้สามตัว หนูผีเก็บทรัพย์อีกฝูงหนึ่ง…”
เชวี่ยเซียนหมิงคิด มิน่าเสวี่ยหลี่ถึงไม่ยอมกลับ จี้เซียวมือเติบ สร้างแดนสรวงกลางภูเขาหิมะ เลิศล้ำยิ่งกว่าแดนสวรรค์ไว้ถึงเพียงนี้
ไม่ว่าใครถูกเลี้ยงไว้ในดินแดนงดงามเช่นนี้ เกรงว่าต่อให้ยกตำแหน่งราชันอสูรให้ เขาก็ไม่ปรารถนาแล้ว!