everY
ทดลองอ่าน กระบี่คู่หานซาน เล่มที่ 3 บทที่ 10 #นิยายวาย
อสูรอยู่ในธุลีแดง
“ไยข้าต้องหนี” เชวี่ยเซียนหมิงกุมมือโฉมสะคราญทั้งสอง สีหน้าจริงจังจริงใจ
ปลดตรวน เรียกพลังอสูรกลับคืน ทุกอย่างห่างจากแผนการที่เขาวางไว้แค่ก้าว
ชุนสุ่ยเอ่ยปากเตือน “ต่อให้หนี เจ้าจะหนีไปที่ใดได้ ต่อให้ประมุขแดนสรวงคำนวณผิดพลาด ปล่อยเจ้าหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว อย่างไรเจ้าก็หนีไม่พ้นอุ้งมือเขา! หากให้ข้าพูด ถ้าครั้งนี้พวกเราปฏิบัติภารกิจที่ท่านประมุขมอบหมายสำเร็จ หลังกลับไปเจ้ายอมสำนึก พูดจาดีๆ กับเขาสักหน่อย ประมุขแดนสรวงมิใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น ทันทีที่เขาอารมณ์ดี เขาย่อมปล่อยเจ้าไป”
ชิวกวงก็พูดขึ้นเช่นกัน “ปากเจ้านี้สร้างความเบิกบานใจให้พวกเราพี่น้องตลอดทาง แล้วเหตุใดกับประมุขแดนสรวงถึงมีแต่ถ้อยคำบริภาษ”
เพราะไม่รู้ถึงข้อพิพาทในอดีตระหว่างหูซื่อกับเชวี่ยเซียนหมิงมาก่อน พวกนางจึงได้แต่คาดเดาว่าเชวี่ยเซียนหมิงต้องเคยล่วงเกินประมุขแดนสรวงอะไรบางอย่างแน่ ถึงได้ก่อเกิดผลลัพธ์เช่นนี้
ภายนอกเชวี่ยเซียนหมิงพยักหน้าตอบรับคลุมเครือ ทว่าในใจกลับวนเวียนอยู่กับแผนการของตนเอง ข้าจะไปเอาคันฉ่องจิ่งหงก่อน จากนั้นค่อยแปลงกายปะปนเข้าไปร่ายรำ ใช้ศัสตราวุธวิเศษสังหารงูยักษ์หลิงซาน ล้างแค้นให้เมิ่งเสวี่ยหลี่ ทันทีที่งูยักษ์ตาย หมื่นอสูรไร้หัว ข้าขึ้นเป็นจอมอสูร ชีวิตไหนเลยจะไม่เป็นสุข?
หลังจากขึ้นเป็นจอมอสูร ถึงตอนนั้นข้าค่อยไปอธิบายกับหูเสี่ยวหยวน อย่างไรเขาก็ต้องฟังที่ข้าพูดแน่ ไม่คิดพันธนาการข้าอีก!
ชุนสุ่ยกับชิวกวงเห็นเชวี่ยเซียนหมิงตอบตกลงเช่นนั้น พวกนางก็โบกพัด ป้อนของว่างให้อีกฝ่ายกินอีกครั้ง
“ไม่ต้องรีบร้อน ไว้กลับถึงเรือนพำนักของพวกเราก่อน ข้าค่อยเอากุญแจมาปลดตรวนให้เจ้า”
“ยังจะดื่มน้ำอีกหรือไม่ ดื่มอีกสักคำก็แล้วกัน เมื่อครู่เจ้าเสียเหงื่อมาก คืนนี้ยังอยากกินอะไรหรือไม่”
พวกนางไม่กลัวนกยูงจะฉวยโอกาสหลบหนีเลยแม้แต่น้อย ทั้งนี้ก็เพราะพวกนางเชื่อในอภินิหารของหูซื่อ กลัวก็แต่หากนกยูงถูกจับได้อีกครั้ง มันไม่แคล้วต้องลำบากมากแน่ๆ
ปกติโฉมสะคราญของประมุขมหรรณพแดนสรวงได้รับการดูแลจากท่านประมุข มีเพียรบำเพ็ญอยู่ในระดับสภาวะยานต่ำ ครั้งนี้รับคำสั่งจากประมุขแดนสรวงพานกยูงเดินทางมาแดนอสูร นำคันฉ่องจิ่งหงมามอบให้กับจอมอสูรตนใหม่ สร้างความสำราญให้กับงานชุมนุมหมื่นอสูร
เรื่องนี้ไม่ว่าจะคิดเช่นไรเชวี่ยเซียนหมิงก็ไม่อาจเข้าใจ
หูซื่อปล่อยให้เขาออกมาจากกรงทอง ตอนเชิญมากินข้าวครั้งแรก อีกฝ่ายเคยบอกว่าจะส่งเขาไปเข้าร่วมชุมนุมหมื่นอสูร อาหารเพียบพร้อมบริบูรณ์มื้อนั้นเป็นจุดเริ่มของเรื่องชั่วร้ายทั้งปวง ดังนั้นเชวี่ยเซียนหมิงจึงจำมันได้ชัดแจ้ง
เขาครุ่นคิดมาตลอดทาง หูซื่อไปได้คันฉ่องจิ่งหงมาจากที่ใด แล้วเหตุใดหลิงซานถึงส่งเทียบเชิญให้หูซื่อ หนึ่งคนหนึ่งอสูรมีสัมพันธ์อันใดกัน เหตุใดหูซื่อไม่มาแดนอสูรด้วยตัวเอง หากกลับส่งข้ามาแทน
หูซื่อน่าจะรู้ว่าหลิงซานเป็นศัตรูเก่าของข้า หรือเขาคิดจะยืมมือข้าลอบสังหารหลิงซาน? ให้แดนอสูรปั่นป่วน หากเป็นเช่นนั้นจริง ไยไม่บอกข้ามาตรงๆ ให้ความช่วยเหลือข้ามากกว่านี้
คำถามมากมายวิ่งวุ่นอยู่ในสมองของเชวี่ยเซียนหมิง เกิดเป็นตาข่ายหนาแน่นแม้แต่ลมก็ไม่อาจพัดผ่าน ตัดไม่ขาด จิตใจว้าวุ่น ถามโฉมสะคราญทั้งสองก็ไม่ได้คำตอบอันใด
ชิวกวงบอก “ประมุขแดนสรวงเป็นปรมัตถ์ผู้สูงส่ง ความเคลื่อนไหวอันใดล้วนส่งผลต่อแดนมนุษย์ ไหนเลยจะเดินทางมาแดนอสูรด้วยตนเองได้ ดังนั้นจึงให้พวกเราเดินทางมาแทนเขา อา…อาจเป็นการสร้างสันติภาพระหว่างแดนมนุษย์กับแดนอสูรกระมัง!”
ชุนสุ่ย “ประมุขแดนสรวงสั่งมาเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลของเขา พวกเราแค่ทำตามก็พอ เสี่ยวหยวน เจ้าก็อย่าคิดมาก ระวังขนร่วง”
ใจคนซับซ้อนยิ่งนัก เชวี่ยเซียนหมิงรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยว หากเมิ่งเสวี่ยหลี่อยู่ที่นี่ก็ดี อสูรเพียงพอนเป็นมนุษย์แล้ว หัวสมองย่อมใช้การได้ดียิ่งขึ้น ครุ่นคิดอันใดย่อมมากกว่าเก่าก่อน ตนก็ยังสามารถปรึกษาเขาได้ เชวี่ยเซียนหมิงนึกเสียใจที่ตอนอยู่แดนสนธยาพวกเขาสองคนทะเลาะกันรุนแรง เมิ่งเสวี่ยหลี่ต้องเสียใจมากแน่ๆ
พวกเขาสนิทกันเหมือนพี่น้อง มรสุมอันใดล้วนเคยผ่านมาด้วยกัน แล้วยังมีอุปสรรคอันใดที่จะข้ามผ่านไปไม่ได้
ทว่าในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ไร้ข่าวคราวของเมิ่งเสวี่ยหลี่ หูซื่อคิดอ่านยากคาดเดา มิสู้เดินไปตามแผนของตนเองก่อน หากเกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายอันใด ค่อยเปลี่ยนแปลงพลิกแพลงตามสถานการณ์
ไว้ข้าสังหารหลิงซานกลายเป็นจอมอสูรก่อน ถึงตอนนั้นค่อยไปอธิบายกับหูเสี่ยวหยวนให้กระจ่าง จากนั้นค่อยไปคืนดีกับเมิ่งเสวี่ยหลี่ ดีกันทั้งสองฝ่าย! เชวี่ยเซียนหมิงคิด
เขาเอ่ยปากขอบคุณชุนสุ่ยกับชิวกวง ปากพร่ำเรียกพี่สาวดีน้องสาวดีให้วุ่น ทำเอาสองโฉมสะคราญปิดปากยิ้ม นกยูงอวบอ้วนลุกขึ้นยืน เดิมคิดอยากร่ายรำต่ออีกสักพัก แต่กลับหาเงาอสูรปักษาสวรรค์ไม่พบ
ตอนนกยูงคิดจะพัก อสูรปักษาสวรรค์ก็ถูกพ่อบ้านหอคณิกาตามตัว พ่อบ้านใหญ่วาจานอบน้อมเกรงอกเกรงใจ แต่ท่าทางกลับแข็งกร้าวยิ่ง
“…หากเป็นแขกธรรมดาย่อมไม่กล้ารบกวนท่าน ทว่าจอมอสูรเขาคุนซานเป็นแขกคนสำคัญในหมู่แขกคนสำคัญ เมื่อครู่เขาเข้ามาในหอ มองดูท่านแต่ไกลก็ระบุชื่อเสียงเรียงนามใคร่เชิญท่านร่ายรำ ท่านเองก็อย่าให้ข้าต้องลำบากใจ และอย่าให้เถ้าแก่ต้องตกที่นั่งลำบากไปด้วย!”
อสูรปักษาสวรรค์ขมวดคิ้วน้อยๆ “ก็ได้ ข้าไปก็ได้”
พ่อบ้านใหญ่ยิ้ม “ไม่ทราบว่าการร่ายรำเปิดชุมนุมฝึกซ้อมไปถึงไหนแล้ว”
อสูรปักษาสวรรค์กล่าว “เถ้าแก่เองก็เพิ่งดูจบไปมิใช่หรือ”
“เช่นนั้นก็ลำบากท่านแล้ว” พ่อบ้านใหญ่ยิ้มสอพลอพลางกล่าวลา
อสูรปักษาสวรรค์รู้สึกเอือมระอา รีบเดินกลับไปที่ข้างเวทีการแสดง
เชวี่ยเซียนหมิงเดินขึ้นมารับหน้า ยิ้มพูดอย่างเบิกบาน “อาจารย์ ท่านไปที่ใดมา ข้าคิดว่าท่านถูกข้าทำโมโหจนหนีไปแล้วเสียอีก! พวกเราร่ายรำต่อหรือไม่”
อสูรปักษาสวรรค์ร้องด่า “สมัยก่อนข้าฝึกร่ายรำต้องทุ่มเทเหนื่อยยากเท่าใด เจ้าเล่า มีคนโบกพัด ป้อนน้ำ เช็ดเหงื่อ บ่นเหนื่อยแทน เจ้ามันไม่เอาไหนเช่นนี้จะให้ข้าไม่โกรธได้หรือ!”
เชวี่ยเซียนหมิงยังคงปั้นหน้าทะเล้น “ใช่แล้วๆ ข้ามันนกยูงไม่เอาไหน อาจารย์อย่าได้โมโห โกรธมากตีนกาจะถามหา”
อสูรปักษาสวรรค์ถูกนกยูงทำหัวเราะ “คืนพรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องมาแล้ว”
เชวี่ยเซียนหมิงประหลาดใจ “เพราะเหตุใด ท่านไม่สอนข้าแล้วจริงหรือ”
“เย็นพรุ่งนี้เถ้าแก่หอคณิกาจัดงานเลี้ยงต้อนรับจอมอสูรเขาคุนซาน ต้องการให้ข้าไปร่ายรำให้พวกเขาดู วันมะรืนเจ้าค่อยมาใหม่”
เมื่อเห็นริ้วรอยกลัดกลุ้มปรากฏขึ้นกลางหว่างคิ้วนางเช่นนั้น เชวี่ยเซียนหมิงก็เอ่ยออกมาตรงๆ “อาจารย์ไม่ต้องการไปกระนั้นหรือ เช่นนั้นข้าจะช่วยท่านปฏิเสธเอง ดูซิว่าผู้ใดจะกล้าบังคับท่าน!”
อสูรปักษาสวรรค์รีบขวางเขาไว้ ส่ายหน้าบอก “อย่าพูดด้วยอารมณ์ เหล่าอสูรล้วนอยู่ในธุลีแดง หาเป็นตัวของตัวเองไม่ หากข้าไม่ไป ไม่เพียงล่วงเกินเถ้าแก่หอคณิกา หากยังล่วงเกินจอมอสูรเขาคุนซานตนนั้น”
นางแอบนึกตระหนก นกยูงตัวนี้มีที่มาที่ไปเช่นไรกัน ปกติเห็นก็แต่หัวเราะสนุกสนานไม่มีท่าทีจริงจัง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นพวกหุนหันพลันแล่นเช่นนี้
เชวี่ยเซียนหมิงยิ้มเย็นชา “ ‘จอมอสูรเขาคุนซาน’ แค่ฟังก็รู้แล้วว่าไม่ใช่พวกดีเด่อะไร! หากข้าพบเจอล่ะก็…”
อสูรปักษาสวรรค์ตกใจหน้าซีด นางรีบปิดปากอีกฝ่าย “หุบปาก!”
เชวี่ยเซียนหมิงจนปัญญา “ท่านไม่ต้องตกใจไป ข้าไม่พูดแล้ว”
อสูรปักษาสวรรค์กลัวนกยูงทำเรื่องยุ่งยาก จึงตัดสินใจเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมหลอกล่อ “ก็แค่ไปร่ายรำเท่านั้น ข้าเคยร่ายรำน้อยเสียเมื่อไร เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง! รีบตามพี่สาวน้องสาวของเจ้ากลับไป ข้าต้องการพักผ่อน!”
“ก็ได้ วันมะรืนข้าค่อยมาใหม่”
เรือนจู๋หลี่ ด้านหลังหอหงเฉินจุ้ยเมิ่ง
เมิ่งเสวี่ยหลี่จาม เขาพูดกับตนเองอย่างกลัดกลุ้ม “มีคนแอบนินทาข้า?”
เสียงตะโกนของชื่อชูดังขึ้น “โห ที่นี่มีตู้สุราด้วย! พวกเรา คืนนี้มีสุราดื่มแล้ว!”
ติดตามบทที่ 11 ได้ในวันที่ 9 ธ.ค. 63