everY
ทดลองอ่าน คดีลับใต้หมู่ดาว เล่ม 3 บทที่ 126-127 #นิยายวาย
Trigger Warning
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่
การทารุณกรรม ทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ การกักขังหน่วงเหนี่ยว
การบังคับหรือโน้มน้าวให้
การฆ่าตัวตาย และการกินเนื้อเผ่าพันธุ์เดี
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 126
ข้างนอกนั้นยังคงทะเลาะกันอยู่เป็นระยะ
เสียงของสองสามีภรรยาบางครั้งก็เบา บางครั้งก็ดัง
หลิงเหยาไม่ได้สนใจแล้วว่าจะมีคนนอกอยู่ในบ้านหรือไม่ คนที่ปกติจะใจดีใจเย็นอย่างโจวซ่าก็คล้ายจะหมดความอดทน หลังจากเสียงแก้วน้ำตกพื้น โจวซ่าก็เหวี่ยงประตูเปิดออกไป จากนั้นทุกอย่างพลันหยุดนิ่ง
หลิงซูถูกเยวี่ยติ้งถังดันให้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
ส่วนเยวี่ยติ้งถังผลักประตูห้องออกไป
หลิงเหยานั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ดวงตาแดงเรื่อ ที่ข้างเท้ามีเศษแก้วแตก
“ขอโทษนะที่ต้องให้เธอมาเห็นเรื่องน่าขัน” เธอเอ่ยเสียงพร่า
“ผมสนิทกับหลิงซูมาก พี่ไม่ต้องเห็นผมเป็นคนนอกหรอกครับ เขาเป็นห่วงพวกพี่สองคนมากนะ”
“พี่รู้ พี่ก็ไม่อยากจะทะเลาะกับเขาต่อหน้าพวกเธอหรอก แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ…จนถึงตอนนี้โจวซ่าก็ยังไม่ยอมพูดเลยว่าตกลงผู้หญิงที่เขาเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกนั่นเป็นใคร ความจริงแล้วในใจเขา…พี่มีสถานะต่ำขนาดนั้นเลยเหรอ”
หลิงเหยาสะอื้นเบาๆ เยวี่ยติ้งถังยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้
“มันอาจจะเป็นความเข้าใจผิดกันหรือเปล่าครับ”
หลิงเหยาส่ายหน้า “เขาเองก็ยอมรับแล้ว บอกว่าอีกฝ่ายเป็นแม่ม่าย”
เยวี่ยติ้งถังเอ่ยอย่างใจเย็น “เป็นแม่ม่ายก็ไม่ได้จะเป็นคนมีมลทินเสมอไปนะครับ ตามที่ผมได้ยินมาจากปากหลิงซู พี่กับพี่เขยก็ความสัมพันธ์กระท่อนกระแท่นกันมาแต่แรก นั่นถือว่าไม่ปกติอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นพี่ควรจะเชื่อใจเขามากกว่านี้หน่อย เขาประพฤติตัวอยู่กับร่องกับรอยขนาดนั้น อาจจะเกิดการเข้าใจผิดอะไรขึ้นจริงๆ ก็ได้”
หลิงเหยาไม่ทันสังเกตว่าคำเรียกที่เขาเรียกเธอนั้นเปลี่ยนไป เธอเอ่ยตอบไปตามปกติ “เมื่อกี้เขาโกรธขนาดนั้น ยังจะบอกว่าประพฤติตัวอยู่กับร่องกับรอยได้อีกเหรอ”
“สุนัขจนตรอกก็กระโดดข้ามกำแพงได้ คนประพฤติตัวอยู่กับร่องกับรอยก็โดนบีบคั้นจนร้อนใจแล้วโมโหได้เหมือนกัน แน่นอน ผมไม่ได้บอกว่าพี่เขยเป็นสุนัขหรอกนะครับ ทั้งสองกรณีคงจะเทียบกันไม่ได้” เยวี่ยติ้งถังวิเคราะห์อย่างใจเย็น “แต่ไม่ว่ายังไงหลิงซูก็เป็นคนในครอบครัวของพี่ เขาก็ต้องยืนอยู่ข้างพี่อยู่แล้ว ถ้าเกิดผลร้ายแรงที่สุดขึ้นมา พี่อาจคิดไม่ออกว่าควรจะทำอย่างไรดี หรือถึงแม้พวกเราจะช่วยพี่สืบหาความจริงได้ แต่มันก็อาจจะไม่ใช่ความจริงที่พี่ต้องการเสมอไป”
หลิงเหยานิ่งงันเหม่อลอย ไม่ได้ตอบอะไร
เยวี่ยติ้งถังเห็นท่าทีเช่นนี้ของเธอก็รู้แล้วว่าเธอยังรักโจวซ่ามากแค่ไหน เธอไม่ได้คิดเสียด้วยซ้ำว่าหากโจวซ่าไปมีบ้านเล็กจริงๆ เธอควรจะทำอย่างไร อาจจะคิดแค่อาละวาดสักรอบเพื่อให้สามีเห็นความสำคัญและรู้สึกผิดเท่านั้น
ตัวเยวี่ยติ้งถังเองก็เป็นผู้ชาย เขารู้ดีว่าความรู้สึกผิดของผู้ชายนั้นเป็นเหมือนของฟุ่มเฟือย ยิ่งผลาญไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเหลือน้อย จะต้องมีสักวันที่ความรักความผูกพันระหว่างสองคนนี้หายไปจนหมด การกระทำที่ไร้เป้าหมายของหลิงเหยากลับจะยิ่งทำให้โจวซ่ารู้สึกว่าไร้เหตุผล และอาจจะถึงกับรังเกียจเธอเสียด้วยซ้ำ
ในสายตาคนนอก หลิงเหยากับโจวซ่าคือเรื่องราวของคุณหนูตกอับที่มาแต่งงานกับคนต้อยต่ำจนๆ คนหนึ่ง
ทุกคนรู้สึกเสียดายและสงสารคุณหนูคนนี้ แล้วก็แอบรำพึงรำพันว่าเจ้าคนต้อยต่ำช่างโชคดีนัก แต่ก็ยากจะคาดเดาได้ว่าระหว่างพวกเขามีความรักอยู่บ้างหรือไม่
เยวี่ยชุนเสี่ยว พี่สามของเยวี่ยติ้งถัง เคยพูดเล่นๆ กับเขาเป็นการส่วนตัวไว้ว่าอารมณ์รุนแรงของหลิงเหยานั้นคงยากที่โจวซ่าจะทนไปได้ชั่วชีวิต ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งหากปีกกล้าขาแข็งก็อาจถีบหัวส่งภรรยาผู้ต้องมาทนยากลำบากเพราะความจนของสามีก็ได้
ตอนนี้โจวซ่ายังไม่ไปถึงขั้นนั้น แต่หัวหน้าแผนกของสำนักงานเทศบาลนครคนหนึ่ง สำหรับชาวเมืองทั่วไปแล้วก็นับว่าพอจะมีอภิสิทธิ์เล็กน้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่อาศัยเส้นสายเอาหลิงซูไปฝากเข้าทำงานในสถานีตำรวจได้หรอก
ถ้าเขาอยากจะมีบ้านเล็ก หลิงเหยาก็คงทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ เว้นเสียแต่จะหย่า
แต่หลิงเหยายอมหย่างั้นเหรอ
หลิงเหยาไม่มีลูก อีกทั้งอายุก็เท่านี้แล้ว การศึกษาก็จบแค่ชั้นมัธยมศึกษา หากหย่าร้างไปชีวิตที่เหลือก็คงต้องพึ่งพาให้น้องชายเลี้ยงดูจริงๆ
หลิงซูคงจะยินดีเลี้ยงพี่สาวนั่นล่ะ แต่หลิงเหยาเป็นคนทะนงในศักดิ์ศรีมากขนาดนั้น เธอจะรับความจริงนี้ได้ไหม
เยวี่ยติ้งถังปล่อยให้หลิงเหยาอยู่ในห้องรับแขกตามลำพัง ส่วนตัวเขาก็กลับเข้ามาในห้องหลิงซู
ห้องอาบน้ำไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวใด เพราะหลิงซูมานอนแผ่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียงแล้ว
เหล้าที่ฟลอเรนซ์ออกฤทธิ์ เวลานี้เขารู้สึกว่าท้องฟ้าผืนดินมืดมิดไปหมด ไม่รับรู้เรื่องราวใดในโลกทั้งสิ้นทั้งปวง เยวี่ยติ้งถังเรียกกี่ครั้งก็ไม่ตื่น ทั้งยังยึดพื้นที่เตียงไปกว่าครึ่งค่อน นอนแผ่เกะกะ ท่านอนแย่มาก
เยวี่ยติ้งถังไม่ง่วง เขาดึงหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากชั้นวางหนังสือ แต่สายตากลับหยุดลง ณ ที่หนึ่ง
โรมิโอกับจูเลียตฉบับภาษาอังกฤษ
หน้าปกดูเก่ามาก เมื่อเปิดออก ข้างในก็มีคำแปลเขียนอยู่ใต้คำศัพท์ภาษาอังกฤษแต่ละคำ
ลายมือดูเป็นเด็กน้อย ลายเส้นปากกาขยุกขยุย มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นลายมือของหลิงซูเมื่อหลายปีก่อน
สองสามหน้าแรกยังหาความหมายศัพท์ในพจนานุกรมอย่างตั้งอกตั้งใจ เขียนความหมายภาษาจีนลงไปอย่างดี
แต่หลังๆ ดูเหมือนจะทนไม่ไหว บางหน้าลายมือก็เละเทะ มีวาดหมั่นโถวซาลาเปา วาดหมาวาดนก บ้างก็เติมคำภาษาอังกฤษเล่น วาดหนวดบนหน้าผู้หญิงบ้าง เติมลิปสติกบนปากผู้ชายบ้าง อาจารย์ภาษาอังกฤษมาเห็นคงต้องทั้งอึ้งทั้งโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงทีเดียว
บางหน้ายังมีร่องรอยน่าสงสัยบางอย่างอยู่ด้วย เยวี่ยติ้งถังสงสัยว่ามันอาจจะเป็นคราบน้ำลายตอนที่อีกฝ่ายอ่านแล้วสัปหงก
มุมปากของเขายกขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาพลิกเปิดหน้าหนังสือช้าๆ
เยวี่ยติ้งถังพอจะรู้ว่าร่องรอยพวกนี้ถูกทิ้งเอาไว้ตอนไหน
ตอนนั้นหลิงซูเห็นเขาอ่านโรมิโอกับจูเลียตฉบับภาษาอังกฤษ ปากก็ประชดประชันดูแคลน ทว่าในใจคงจะแอบขยัน จนกลับไปศึกษาเอง
ทุกหน้ากระดาษล้วนเป็นร่องรอยของวัยรุ่นที่แสนล้ำค่า
มันบันทึกตัวตนของหลิงซูผู้ปากแข็งเอาไว้ ทั้งที่ไม่ชอบอ่านหนังสือต้นฉบับ แต่หลิงซูก็ยอมลำบากหวังจะรักษาหน้าเอาไว้สุดชีวิตเพื่อจะได้ไม่ด้อยกว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา อีกทั้งในใจยังเก็บซ่อนโลกอันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยสีสันอย่างไร้ขอบเขตเอาไว้ เป็นเด็กหนุ่มที่มีความกระตือรือร้นจะเดินทางบุกตะลุยไปทุกที่
แม้ว่าภายหลังทุกคนจะถูกความเป็นจริงพุ่งเข้าชนจนศีรษะแตกเลือดอาบ อุดมคติของวัยรุ่นจะแตกสลายจนเหมือนไม่มีอยู่จริง ก่อนเคยชิดใกล้ทว่าต้องห่างไกลคนละฟากฟ้าจนถึงขั้นจากลาคนละโลก ความงดงามทั้งหมดล้วนหยุดนิ่งอยู่ในฤดูใบไม้ผลิใต้ต้นไม้ที่มีเงาแดดพาดเป็นลายทับซ้อนไปมานั้น
โลกหลังจากนี้ช่างโหดร้ายเย็นชา โลหิตรินไหล หัวใจหาญกล้าพบเจออุปสรรคร้อยพันครั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนเต็มไปด้วยรอยแตกรอยรั่ว บาดเจ็บสะบักสะบอม
โชคดีนัก พวกเขาสองคนยังไม่คลาดจากกัน
คนที่ถูกจ้องไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ยังคงหลับปุ๋ย ริมฝีปากเผยอออกน้อยๆ ส่งเสียงกรนเบาๆ แทบไม่ได้ยิน
เยวี่ยติ้งถังยื่นมือออกไปปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาไร้เสียง
ภายใต้ชุดนอนบางเบาเป็นร่างผอมบางทว่าเปี่ยมพลัง
พลังแบบนี้ปกติอาจจะมองไม่ออก มีเพียงเวลาคับขันอันตรายถึงชีวิตเท่านั้นจึงจะระเบิดออกมาถึงที่สุด แต่เยวี่ยติ้งถังไม่ได้มองสิ่งเหล่านี้
สายตาของเขาทอดต่ำลงไปจากไหล่ของอีกฝ่าย ทั้งรอยเก่ารอยใหม่ รอยลึกรอยตื้น แผลจากมีด แผลโดนยิง ทั้งยังมีบาดแผลอีกมากมายที่เยวี่ยติ้งถังไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร
นั่นคือความลับที่หลิงซูไม่เคยเผยต่อหน้าใคร
ตั้งแต่เยวี่ยติ้งถังรู้อดีตของอีกฝ่าย เขาก็อยากจะหาโอกาสมองดูบาดแผลที่อยู่บนร่างกายเหล่านี้เสมอมา แต่ตอนนี้เขากลับตระหนักว่าตนอาจจะนับไม่หมดเสียด้วยซ้ำ
บางทีแผลเหล่านี้อาจจะจางลงไปมากแล้ว หากไม่มองให้ถี่ถ้วนก็จะมองไม่ออก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่ ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ทำอันตรายต่อร่างกายของหลิงซู
“เศษกระสุนอยู่ตรงไหน” เยวี่ยติ้งถังถามเบาๆ
หลิงซูไม่รู้สึกตัวสักนิด เขางึมงำสองสามคำเหมือนรู้สึกหนาวเล็กน้อย หลังจากเยวี่ยติ้งถังติดกระดุมให้ใหม่เขาก็กลับไปหลับลึกอีกครั้ง
หลับรวดเดียวโดยไม่ฝันทำให้หลิงซูสดชื่นมาก
ทว่าเมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็กลับพบปัญหาเล็กๆ อย่างหนึ่ง
เขาพบว่าเยวี่ยติ้งถังถูกทับอยู่ใต้ร่างตน
พูดให้ถูกคือขาข้างหนึ่งกับแขนข้างหนึ่งของเขาพาดอยู่บนตัวอีกฝ่าย ชายเสื้อของเยวี่ยติ้งถังเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นแผ่นอกใต้เสื้อนั้น
หลิงซูอึ้งไปเล็กน้อย เขากุมขมับ พยายามนึกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพอดี เขาบอกให้อีกฝ่ายเข้ามาโดยไม่ทันได้คิดอะไร
คนที่ผลักประตูเข้ามาคือหลิงเหยาพี่สาวของเขา เมื่อเห็นฉากตรงหน้าเธอก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ทำท่าคิดหนัก
“เธอทำอะไรติ้งถัง”
หลิงซู ‘…ผมจะทำอะไรเขาได้ ผมเมานะ!’