ทดลองอ่าน ทรราชหวนคืน บทที่ 1-2 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ทรราชหวนคืน บทที่ 1-2 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 2

เลือดที่คอของฉู่เซ่าหยางยังไหลไม่หยุด พวกองครักษ์จึงไม่กล้าชักช้า รีบจัดเตรียมรถม้าให้พร้อมสรรพทันที ผู้คุ้มกันคนนั้นรัดคอของฉู่เซ่าหยางแน่น ดวงตาวาวโรจน์กวาดมองไปทั้งซ้ายและขวาขณะพูดเสียงหนัก “ท่านอ๋อง โปรดอย่าอยู่ห่างจากผู้น้อย”

เขาพูดพลางคุ้มกันฉู่เซ่าหลิงเดินออกไปข้างนอก ดวงตาทั้งสองข้างจดจ้องรอบตัว และคอยตวาดให้องครักษ์ถอยห่างออกไปเป็นระยะ ฉู่เซ่าหลิงรู้สึกมึนๆ การที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้มิใช่ว่าเขาจะไร้ความสามารถในการปกป้องตัวเอง เพียงแต่ไม่อยากทำอะไรอีกต่อไปแล้ว ทว่าการปรากฏตัวของผู้คุ้มกันคนนี้ทำให้ฉู่เซ่าหลิงไม่สามารถทำตามความต้องการของตัวเองได้ ได้แต่เดินตามฝ่ายตรงข้ามออกจากวังฉินอ๋องไปช้าๆ

ผู้คุ้มกันคนนั้นยึดตัวฉู่เซ่าหยางไว้พลางสำรวจดูรถม้าเร็วๆ โชคดีที่หัวหน้าองครักษ์ไม่กล้าทำอะไร ผู้คุ้มกันคนนั้นจึงให้ฉู่เซ่าหลิงขึ้นรถไปก่อน ส่วนตัวเองกวาดตามององครักษ์ที่รายล้อมอยู่รอบตัวแวบหนึ่ง พูดเสียงดัง “ต้องขอล่วงเกินพี่ชายทุกท่าน ข้าไม่มีเจตนาทำร้ายหมิงอ๋อง รับรองได้ว่าพอท่านอ๋องปลอดภัย ข้าจะปล่อยหมิงอ๋องเอง แต่ถ้ามีผู้ใดคิดว่าตัวเองฉลาด ก็อย่าตำหนิที่ข้าจะทำตัวเป็นปลาตายแหขาด!”

กล่าวจบเขาก็ฟาดสันมือลงที่ท้ายทอยของฉู่เซ่าหยาง ทำให้อีกฝ่ายสลบก่อนยัดเข้าไปในรถ ส่วนตัวเองพลิกตัวขึ้นรถ เผ่นหนีด้วยความเร็วราวกับเหาะ

 

ขณะนี้เป็นยามโหย่ว บนท้องถนนไม่มีผู้คน ผู้คุ้มกันคนนั้นอาศัยตอนที่องครักษ์วังฉินอ๋องทำอะไรไม่ถูกห้อตะบึงผ่านสุสานไร้ญาติออกจากตัวเมือง ผู้คนโดยรอบจึงลดน้อยลงกว่าเดิม ฉู่เซ่าหลิงแง้มผ้าม่านรถมองออกไป เห็นสีหน้าของผู้คุ้มกันคนนั้นขาวซีดลงเรื่อยๆ เนื่องจากไม่สามารถใช้ถนนใหญ่ รถจึงกระเด้งกระดอนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เชื่อว่าเลือดที่แผลคงไม่มีทางหยุดได้ ฉู่เซ่าหลิงอดรนทนไม่ไหวจึงถามเสียงเบา “เจ้า…เหตุใดจึงทำเช่นนี้”

ผู้คุ้มกันคนนั้นชะงัก แต่มือยังคงเร่งม้าให้เร็วขึ้นอีก เวลาผ่านไปพักใหญ่กว่าที่เขาจะตอบ “ผู้น้อย…ได้รับมอบหมายให้มาทำงานอยู่ข้างกายท่านอ๋องตั้งแต่แปดปีก่อน แต่ผู้น้อยโง่เขลา ไม่คู่ควรอยู่ถวายการอารักขาข้างกายท่านอ๋อง เมื่อสามปีก่อนจึงถูกปลดเนื่องจากกระทำความผิด ตอนนั้น…ท่านอ๋องออกปากขอให้ผู้บังคับบัญชาละเว้นโทษให้ผู้น้อย พระคุณนี้ผู้น้อยไม่เคยลืม มาวันนี้เมื่อท่านอ๋องมีภัย ผู้น้อยจึงพร้อมยอมถวายชีวิตเพื่อปกป้องท่านอ๋อง…”

แค่เรื่องพวกนี้ เขาถึงกับพาตัวเองมาตายเชียวหรือ ฉู่เซ่าหลิงนึกถึงสีหน้าท่าทางเมื่อครู่ของเขาแล้วหัวใจพลันกระตุก ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนเอ่ยถาม “ดูท่าทางเจ้าคงผ่านพิธีสวมหมวก มาได้สองสามปี ได้…แต่งงานแล้วหรือยัง”

เว่ยจี่ผินหน้ามามองแต่ไม่ตอบ ดวงตาฉายแววขมขื่นบางเบา แต่กลับทำให้ฉู่เซ่าหลิงเข้าใจได้ในทันที

อันที่จริงฉู่เซ่าหลิงไม่เคยลืมเรื่องในวันวานที่เขาเล่า

ฉู่เซ่าหลิงมีนิสัยเย็นชามาตั้งแต่เกิด จึงไม่มีทางล่วงรู้ว่ามีคนคนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้างเขาด้วยความจงรักภักดีอย่างเงียบๆ มาเป็นระยะเวลาหลายปีเช่นนี้

ฉู่เซ่าหลิงนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนเอ่ยถามเสียงเบาว่า “เจ้าชื่ออะไร”

ผู้คุ้มกันคนนั้นยิ้มน้อยๆ ใบหน้าหล่อเหลาแลดูอ่อนวัยอยู่บ้าง เขาเองก็ตอบกลับมาเสียงเบา “เว่ยจี่ เว่ยที่แปลว่าพิทักษ์รักษา จี่ที่แปลว่าง้าวขอรับ”

ฉู่เซ่าหลิงทวนคำสองคำนี้เบาๆ พลางผงกศีรษะ “เว่ยจี่ เป็นชื่อที่ดี”

 

ในเมืองหลวงมีราชองครักษ์อยู่นับไม่ถ้วน มีหรือจะยอมปล่อยให้พวกเขาสามคนหนีรอดไปได้ง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดว่านี่เป็นแค่แผนหลบหนีที่มีจุดอ่อนมากมายของผู้คุ้มกันคนหนึ่ง ไม่ถึงยามไฮ่ รถม้าก็ถูกไล่ล่ามาถึงหน้าผาด้านตะวันตกของเมืองหลวงแล้ว ทหารหลายพันนายที่ไล่ตามมาได้ล้อมเอาไว้ ทางเดียวที่ไม่มีทหารคือตรงหน้าผาสูงชัน

ฉู่เซ่าหลิงก้าวลงจากรถอย่างไม่กลัวเกรง ในขณะที่เว่ยจี่ร้อนใจจนเหงื่อแตกเต็มศีรษะ มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแตกตื่น ฉู่เซ่าหลิงยิ้มบางๆ นิ้วเรียวแตะไหล่เว่ยจี่เบาๆ พูดเสียงค่อย “ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ต้องขอบใจเจ้าเสียอีกที่ช่วยให้ข้ามีชีวิตอยู่ได้อีกหลายชั่วยาม”

และทำให้เขาได้รับรู้ถึงความอบอุ่นอันน้อยนิดในโลกมนุษย์ก่อนที่จะตายจากไป

ฉู่เซ่าหลิงมองทหารที่ล้อมรอบพวกเขาชนิดไม่ยอมให้มีน้ำรั่วซึมแล้วระบายลมหายใจเบาๆ อย่างเสียดาย ฉู่เซ่าหลิงหันกลับไปมองเว่ยจี่อย่างรู้สึกทนไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายยังเป็นผู้คุ้มกันหนุ่มน้อยเยาว์วัยคนหนึ่งที่ไม่สมควรมาตาย

แต่ตอนนี้พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เหล่าราชองครักษ์รุกคืบเข้ามา ดาบวาววับเปล่งประกาย ฉู่เซ่าหลิงหัวเราะเบาๆ ดวงตาคู่งามฉายแววเย่อหยิ่งบางเบา เป็นเช่นนี้ก็ไม่เลว เทียบกับการฆ่าตัวตาย การได้ตายด้วยน้ำมือของเหล่าราชองครักษ์พร้อมกับเว่ยจี่เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกเป็นสุขมากกว่า ฉู่เซ่าหลิงชักดาบออกมา พวกเขาสองคนมีดาบสองเล่ม การเผชิญกับยอดทหารจำนวนสามพันตรงหน้าช่างเป็นเรื่องน่าขันและน่าเวทนายิ่ง

ฉู่เซ่าหลิงกับเว่ยจี่พุ่งเข้าหากลุ่มราชองครักษ์พร้อมกัน เปิดฉากการประหัตประหาร

เหล่าราชองครักษ์หวาดกลัวฉู่เซ่าหลิงแต่ไม่กลัวเว่ยจี่ ไม่ถึงครึ่งชั่วยามเว่ยจี่ก็ถูกทำร้ายบาดเจ็บทั้งที่เดิมทีก็มีบาดแผลจากคมดาบอยู่บนตัวหลายแห่งอยู่แล้ว เวลานี้เขาไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีก ท่ามกลางสติอันรางเลือน เว่ยจี่หันไปมองฉู่เซ่าหลิง อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกันและกำลังจะถูกราชองครักษ์คนหนึ่งฟัน ร่างกายที่เดิมกลายเป็นตะเกียงพร่องน้ำมัน ไปแล้วของเว่ยจี่เกิดมีโลหิตพลุ่งพล่านขึ้นมากะทันหัน เขากระโจนเข้าไปขวางหน้าฉู่เซ่าหลิงเพื่อรับดาบสุดท้ายแทน

มาถึงขั้นนี้บรรดาราชองครักษ์เลิกไล่ตามพวกเขาแล้ว เพียงยืนล้อมกรอบทั้งสองคนห่างออกไปราวหนึ่งจั้ง

เว่ยจี่ที่เลือดโซมกายเพียรพยายามฮึดสู้สุดชีวิตเพื่อยื้อลมหายใจไว้จนถึงตอนนี้ ทว่าบัดนี้เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เว่ยจี่ยกมือดึงดาบที่แทงทะลุอกออกช้าๆ เลือดสดๆ พุ่งพรวดออกมา น้ำเสียงของฉู่เซ่าหลิงที่เรียกชื่อเขาแหบพร่า “เว่ยจี่…”

เว่ยจี่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฉู่เซ่าหลิง เมื่อได้ยินเสียงเรียกเขาจึงหันไปมองฉู่เซ่าหลิงและส่งยิ้มให้อย่างอ่อนแรง บัดนี้เขามองภาพไม่ชัด สติค่อยๆ รางเลือน น้ำเสียงแหบพร่าพูดตะกุกตะกัก “ท่านอ๋อง…เมื่อสิบปีก่อนข้าติดตามท่านพ่อเข้าวัง ได้พบท่านที่อุทยานปี้เทา…”

 

ปีนั้นฮองเฮายังไม่จากโลกนี้ไป จวนจื่อจวินโหว ยังเรืองอำนาจ ฉู่เซ่าหลิงคือโอรสที่เกิดจากภรรยาเอกซึ่งได้รับการยกย่องเชิดชูอย่างที่สุด ทุกอากัปกิริยาของเขาล้วนสูงส่งงามสง่า

ณ อุทยานปี้เทา ใต้ต้นท้อที่ดอกร่วงโรยโปรยปราย ฉู่เซ่าหลิงสวมอาภรณ์หรูหรา เลิกคิ้วแย้มยิ้มงดงามล่มบ้านล่มเมือง

เพียงได้เห็นแวบเดียวก็ติดตาตรึงใจ ภาพนั้นได้ฝังอยู่ในความทรงจำของเว่ยจี่ไปตลอดกาลไม่อาจลืมเลือน

เพื่อฉู่เซ่าหลิง เว่ยจี่มุมานะบากบั่นฝึกฝน เพื่อฉู่เซ่าหลิง เว่ยจี่ยอมเหนื่อยยอมลำบากเพื่อให้ได้เข้าไปอยู่ในวังฉินอ๋อง แปดปีที่ผ่านมาเขาคอยดูแลความปลอดภัยของฉู่เซ่าหลิงด้วยความระมัดระวัง ความผิดพลาดครั้งเดียวเกิดขึ้นในวันวิวาห์ของฉู่เซ่าหลิง เนื่องจากเว่ยจี่ดื่มสุราเมามายตลอดคืน

เว่ยจี่หลับตาลงช้าๆ การเฝ้าดูแลคนผู้นี้อย่างเงียบๆ เป็นระยะเวลาสิบปีบัดนี้ได้สิ้นสุดลง ถือว่าเขาได้ทำในสิ่งที่ตนปรารถนาแล้ว

แม้เว่ยจี่จะไม่ได้พูดอะไรกระทั่งสิ้นใจ แต่ฉู่เซ่าหลิงกลับเข้าใจดี

ฉู่เซ่าหลิงนิ่งเงียบไปพักใหญ่ หัวใจที่ด้านชามาเป็นเวลานานพลันรู้สึกถึงความเจ็บปวด ทุกก้าวย่างที่เขาเดินมาจนถึงวันนี้ฉู่เซ่าหลิงไม่เคยนึกเสียใจ มีแต่เสียดายว่าเหตุใดเขาถึงเพิ่งมารู้เรื่องพวกนี้ในวันนี้ เหตุใดเขาถึงเพิ่งมารู้ว่าข้างตัวมีคนอย่างเว่ยจี่อยู่ หากได้รู้ก่อน หากได้ย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง เขาจะต้อง…

ใบหน้าของฉู่เซ่าหลิงนิ่งสนิท เขาหยิบดาบยาวในมือของเว่ยจี่ขึ้นมา ลุกขึ้นยืนด้วยอาการซวนเซ ชายหนุ่มกวัดแกว่งดาบทำให้ราชองครักษ์พากันถอยกรูด ฉู่เซ่าหลิงยิ้มเยาะ หมุนตัวอุ้มร่างไร้วิญญาณของเว่ยจี่ที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ก่อนก้าวไปที่หน้าผาและกระโดดลงไปทันที!

หน้าผาสูงชันลึกเกินกว่าสามพันฉื่อ ร่างไร้วิญญาณของทั้งคู่จะอยู่เคียงข้างกัน

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทที่ 3-4 ได้ในวันที่ 5 .. 64

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com