ทดลองอ่าน ทรราชหวนคืน บทที่ 3-4 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน ทรราชหวนคืน บทที่ 3-4 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

บทที่ 3

นางกำนัลแหวกม่านผ้าไหมปักดิ้นทองก่อนเดินเข้าไปในห้องช้าๆ นางเปิดเตากำยานอย่างเบามือเพื่อใช้ช้อนเงินเติมเครื่องหอมเข้าไป ก่อนถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ

กลิ่นหอมบางเบาแต่อบอวลลอยกรุ่นออกมาจากเตากำยานทองคำแกะลายบุปผาเนิ่นนานไม่จางหาย ฉู่เซ่าหลิงอยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น สมองคิดเลือนๆ ว่านี่คือไม้กฤษณาที่เขาไม่ได้กลิ่นมานานหลายปี

กลิ่นไม้กฤษณามีสรรพคุณบำรุงร่างกาย ปรับสมดุลม้ามและกระเพาะ ขับไล่สิ่งไม่เป็นมงคล ทั้งยังรักษาโรคเรื้อรัง หากจุดไว้ภายในห้องจะส่งผลดีต่อร่างกายอย่างที่สุด นับเป็นของล้ำค่าในวังหลวงนอกเหนือจากอำพันทะเล ที่ใช้กัน เป็นสิ่งที่ฮองเฮาโปรดปรานเป็นพิเศษ

ฉู่เซ่าหลิงได้กลิ่นนี้แล้วรู้สึกคิดถึงเรื่องในอดีต สมัยที่เสด็จแม่ของเขายังอยู่ รู้ว่าเขาชอบเครื่องหอมชนิดนี้จึงแบ่งมาให้ที่อุทยานปี้เทาใช้เกินครึ่ง

ต่อมาเมื่อฮองเฮาสวรรคตย่อมไม่มีส่วนแบ่งนี้อีกต่อไป หลังใช้ของที่เหลืออยู่ไม่กี่หีบหมดก็หมดกัน ภายหลังเมื่อฮ่องเต้แต่งตั้งลี่เฟยเป็นฮองเฮา เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องสุดแต่ฮองเฮาองค์ใหม่…

ฉู่เซ่าหลิงจมอยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น ภาพเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนทยอยฉายอยู่ในสมองของเขา…

สมัยเด็กฮองเฮาอุ้มฉู่เซ่าหยางและจูงมือเขาไปชมดอกไม้ เล่นน้ำที่สวนดอกไม้ของวังเฟิ่งหวาด้วยกันสามคน ฉู่เซ่าหลิงที่ยังเป็นเด็กไม่เข้าใจว่าเหตุใดเวลาที่ไม่มีใครเสด็จแม่ถึงร้องไห้เป็นประจำ เขารู้เพียงว่าเสด็จพ่อไม่ได้มาที่วังเฟิ่งหวานานแล้ว แต่ชอบไปอยู่กับลี่เฟยที่วังหลินจื่อมากกว่า และการที่ลี่เฟยเป็นที่โปรดปรานก็ทำให้มีคนทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจทำให้ฮองเฮาวางตัวลำบาก

ต่อมาเมื่อท่านตาจื่อจวินโหวไม่เป็นที่โปรดปรานแล้ว ฮองเฮากลับไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากกล่อมให้ท่านตาอย่าทำสิ่งใดออกนอกหน้า ยามนั้นสุขภาพของฮองเฮาทรุดโทรมลงทุกวัน แต่เวลาอยู่ต่อหน้าผู้อื่นนางจะยังคงวางตัวสุขุมเหมือนเก่า จวบจนมรณกาลมาเยือน นางจึงขอร้องฮ่องเต้ให้เห็นแก่ที่นางกับเขาเป็นสามีภรรยากันมาสิบกว่าปี ประทานความใจกว้างให้แก่สกุลของนาง ตลอดชีวิตของฮองเฮานางไม่เคยวอนขอสิ่งใด ฮ่องเต้ย่อมต้องตอบรับคำขอสุดท้ายนี้…

สกุลเดิมของเหล่าสนมหลายคนในวังล้วนมีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ในราชสำนัก จำนวนองค์ชายที่เกิดจากอนุภรรยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สถานภาพของฉู่เซ่าหลิงกับฉู่เซ่าหยางสั่นคลอน แรกๆ พวกเขาไม่ได้รับการยกย่องเชิดชูเหมือนในอดีต ต่อมาถึงขั้นมีคนทำร้ายฉู่เซ่าหลิงและวางยาพิษฉู่เซ่าหยาง…

ฉู่เซ่าหลิงจึงเริ่มต้นคบค้ากับขุนนางใหญ่เพื่อสร้างฐานอำนาจของตน ไม่ว่าจะเป็นขุนนางสายในหรือสายนอก ขอเพียงมีความสามารถช่วยเหลือเขาได้ฉู่เซ่าหลิงล้วนยินดีผูกมิตรด้วย เป็นเหตุให้เขาค่อยๆ มีสมัครพรรคพวกของตนอยู่ในราชสำนัก…

ทางฝ่ายในลี่เฟยก็ครองความเป็นใหญ่ องค์ชายรองฉู่เซ่าหร่วนบุตรชายของลี่เฟยเจินปี้เหอจึงกลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจของฉู่เซ่าหลิง ในช่วงวิกฤตฉู่เซ่าหยางเกิดพลาดพลั้งตกไปอยู่ในมือของสกุลเจิน ฉู่เซ่าหลิงอับจนหนทาง จำต้องช่วยให้ลี่เฟยได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาเพื่อแลกกับชีวิตของน้องชาย องค์ชายสามฉู่เซ่าโม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเฉินอ๋องและร่วมมือกับฉู่เซ่าหร่วน แต่ฉู่เซ่าหลิงวางแผนล้มฉู่เซ่าโม่จนสำเร็จ

หลังเฉินอ๋องต้องโทษ ฉู่เซ่าหลิงก็เริ่มหันไปเล่นงานสกุลเจินกับฉู่เซ่าหร่วน เขาลงมือเล่นงานพวกนั้นอย่างหนักแน่นจริงจังทีละก้าวๆ ไม่ถึงสองปีเขาก็สามารถทำให้ฮ่องเต้ชิงชังและทอดทิ้งฉู่เซ่าหร่วน เป็นเหตุให้สกุลเจินค่อยๆ ตกต่ำลง…

ในที่สุดฉู่เซ่าหลิงก็กำจัดอุปสรรคที่ขวางหน้าได้หมด แต่ตอนที่เขาตั้งใจจะหยุดพักหายใจสักเฮือก ฉู่เซ่าหยางผู้เป็นน้องชายแท้ๆ ของตนกลับใช้ดาบแทงข้างหลังเขาอย่างแรง ทำลายความสัมพันธ์ของสองพี่น้องลงจนสิ้น…

โชคดีที่สุดท้ายมีใครคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา แม้เขาจะเป็นเพียงผู้คุ้มกัน แต่กลับทำให้ฉู่เซ่าหลิงสามารถจากโลกนี้ไปได้อย่างมีความสุข เสียดายอย่างมากที่…ฉู่เซ่าหลิงคิดอย่างสะลึมสะลือ เสียดายอย่างมากที่เขาไม่ได้รู้จักกับเว่ยจี่มาตั้งแต่ต้น…ไม่สิ!

ฉู่เซ่าหลิงเปิดเปลือกตาพรึบ เขาไม่ได้ร่วงลงหน้าผาไปแล้วหรือ เวลานี้…มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ฉู่เซ่าหลิงลุกขึ้นมานั่งและกวาดตามองไปรอบๆ ภาพเบื้องหน้าล้วนเป็นภาพที่เขาคุ้นเคยดี เพราะที่นี่…คืออุทยานปี้เทา!

อุทยานปี้เทาคือสถานที่ที่ฮ่องเต้มอบให้เขาหลังจากที่เขาย้ายออกจากวังเฟิ่งหวาของหลิงฮองเฮาตอนอายุหกขวบ ของตกแต่งทั้งหมดในวังหลิงฮองเฮาเป็นผู้เลือกเฟ้นด้วยตัวเอง จวบจนเขาเข้าพิธีสวมหมวก ออกจากวังหลวงไปสร้างวังของตัวเอง ฉู่เซ่าหลิงก็ไม่เคยได้กลับมาที่นี่อีกเลย

ฉู่เซ่าหลิงก้าวลงจากเตียง เดินเท้าเปล่าอ้อมฉากบังลมปักลวดลายอย่างชาวสู่ เห็นตัวเองในคันฉ่องก็นิ่งอึ้ง ภาพหนุ่มน้อยที่ปรากฏในนั้นอายุไม่เกินสิบหกสิบเจ็ดปี ทว่าอึดใจต่อมาฉู่เซ่าหลิงกลับยิ้ม…สวรรค์ไม่ได้ทอดทิ้งเขาทำให้เขาได้ย้อนกลับมาในอดีต

ฉู่เซ่าหลิงเดินกลับไปที่ห้องชั้นใน เขาเดินไปรื้อค้นโต๊ะหนังสือ ด้านล่างหนังสือเมิ่งจื่อ มีกระดาษหนึ่งแผ่น เขียนด้วยลายมือของฉู่เซ่าหลิงเอง ทั้งหน้ากระดาษเขียนถ้อยคำสดุดีหลิงฮองเฮา ลงท้ายไว้ว่าฤดูเหมันต์ปีที่สิบสามแห่งรัชสมัยเทียนฉี่

วันที่สิบสอง เดือนสิบ ปีที่สิบสามแห่งรัชสมัยเทียนฉี่ คือวันครบรอบวันสวรรคตของหลิงฮองเฮา และปีนี้ฉู่เซ่าหลิงเพิ่งจะมีอายุได้สิบเจ็ดปี

ฉู่เซ่าหลิงหลับตาลงเพื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนี้อย่างละเอียด ใช่แล้ว ปีที่หลิงฮองเฮาจากไปคือช่วงที่ลี่เฟยสกุลเจินและน้องสามฉู่เซ่าโม่คอยจับจ้องตนราวพยัคฆ์จ้องเหยื่อ เขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อคุ้มครองฉู่เซ่าหยางหลายครั้ง ฉู่เซ่าหลิงหัวเราะเสียงเย็น ในเมื่อสวรรค์ให้เขาได้ย้อนเวลากลับมาอีกหน เช่นนั้นเขาต้องไม่ยอมลำบากเหมือนชาติก่อน เขาจะต้องค่อยๆ คิดบัญชีกับคนที่ทำร้ายเขาพวกนั้นทีละคนและแย่งชิงของที่เป็นของเขากลับมาทีละชิ้นๆ รวมถึง…เว่ยจี่

เมื่อชาติก่อน ก่อนตายเว่ยจี่บอกว่าเคยพบเขาเมื่อสิบปีที่แล้ว ฉู่เซ่าหลิงลองคำนวณคร่าวๆ พบว่าเวลานี้เว่ยจี่น่าจะเจอเขามาสองปีแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเว่ยจี่ตอนนี้ได้เข้าวังมาอยู่ข้างกายตนหรือยัง ฉู่เซ่าหลิงแอบนึกเสียใจที่ตนไม่ได้รู้เรื่องของเว่ยจี่มากกว่านี้ รู้เพียงชื่อแซ่ของอีกฝ่าย หากเวลานี้เว่ยจี่ยังไม่ได้เข้าวัง การหาตัวเขาย่อมเป็นเรื่องยาก ทว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องพูด เพราะถึงตอนนั้นต่อให้ต้องพลิกวังค้นหา ฉู่เซ่าหลิงก็จะหาตัวคนคนนี้จนเจอให้จงได้

ฉู่เซ่าหลิงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกเพื่อจัดระเบียบความคิดก่อนหมุนตัวไปเรียกคน บรรดานางกำนัลไม่คิดว่าฉู่เซ่าหลิงจะตื่นแล้ว พอได้ยินเสียงจึงรีบเข้ามาดูแล หวั่นชุ่ยซึ่งเป็นนางกำนัลประจำตัวสวมเสื้อตัวนอกให้ฉู่เซ่าหลิง นางติดกระดุมโมราให้เขาทีละเม็ดๆ พูดเสียงเบาด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดวันนี้องค์ชายจึงตื่นเช้าถึงเพียงนี้ เมื่อคืนกว่าพระองค์จะกลับจากตำหนักเจาหยางก็ดึกแล้ว บ่าวยังนึกว่าวันนี้องค์ชายจะลุกไม่ขึ้นเสียอีก”

ตำหนักเจาหยาง ตำหนักนอนของฉู่เซ่าหยาง

ฉู่เซ่าหลิงหัวเราะเสียงเย็นเล็กน้อย เขาจัดแขนเสื้อโดยไม่เอ่ยตอบ หวั่นชุ่ยคุกเข่าเพื่อมัดสายรัดเอวให้ฉู่เซ่าหลิง พูดเสียงค่อย “เมื่อคืนเป็นวันครบรอบของฮองเฮา…บ่าวรู้ว่าองค์ชายอารมณ์ไม่ดี แต่องค์ชายอย่าเอาแต่โศกเศร้าไปเลย บ่าวได้ยินมาว่าหลายวันมานี้สุขภาพของไทเฮาไม่สู้ดีนัก คาดว่าคงเป็นเพราะคิดถึงฮองเฮา ถ้าอย่างไรหลังเลิกเรียนแล้วองค์ชายไปคารวะไทเฮา…”

“เจ้าว่าอะไรนะ!” ฉู่เซ่าหลิงชะงักเพราะความคาดไม่ถึง ไปคารวะไทเฮา? เห็นอยู่ว่าไทเฮาสิ้นไปตอนปีที่สิบแห่งรัชสมัยเทียนฉี่ แล้วตอนนี้จะให้เขาไปคารวะไทเฮาที่ใด

หวั่นชุ่ยเงยหน้าขึ้นมองฉู่เซ่าหลิงอย่างงงๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงลังเล “บ่าวบอกว่า…ถ้าอย่างไรหลังเลิกเรียนองค์ชายไปคารวะไทเฮาหน่อยดีหรือไม่ ตอนฮองเฮายังมีพระชนม์ชีพ ไทเฮาโปรดปรานพระนางอย่างที่สุด เชื่อว่าหลายวันมานี้ไทเฮาเองก็คงกำลังเสียพระทัยเช่นเดียวกัน…”

ฮองเฮามิได้เป็นแค่สะใภ้ของไทเฮา แต่ยังเป็นหลานสาวที่ไทเฮารักและเอ็นดูเป็นที่สุดด้วย เรื่องการแต่งงานระหว่างฮ่องเต้กับฮองเฮาพระนางก็เป็นผู้สนับสนุน ไทเฮาย่อมต้องพึงใจสะใภ้คนนี้อย่างมาก ทว่า…ฉู่เซ่าหลิงไม่แน่ใจ เนื่องจากชาติที่แล้วไทเฮาจากโลกนี้ไปก่อนฮองเฮาสองปี เหตุใดตอนนี้พระนางจึงยังมีพระชนม์ชีพอยู่

หวั่นชุ่ยไหนเลยจะล่วงรู้ถึงความสับสนในสมองของฉู่เซ่าหลิง พอเห็นฉู่เซ่าหลิงทำหน้าแปลกๆ ก็เข้าใจว่าเมื่อวานเขาคิดถึงหลิงฮองเฮามากเกินไปจนตัวเองปวดใจ หญิงสาวดูแลรับใช้อยู่ข้างกายฉู่เซ่าหลิงมานานหลายปี รู้ว่าเจ้านายเป็นคนคิดมาก นางจึงไม่พูดอะไรยืดยาว

ตอนแรกฉู่เซ่าหลิงเข้าใจว่าตนแค่ต้องเดินไปตามเส้นทางในอดีตชาติอีกครั้ง ผู้ใดจะล่วงรู้ว่าเวลานี้ เหตุการณ์บางอย่างจะแตกต่างจากชาติก่อนอย่างสิ้นเชิง เช่นนั้นเว่ยจี่เล่า…เขายังอยู่หรือไม่

ฉู่เซ่าหลิงหลับตา เขาให้คนไปเรียกหวังกงกง ขันทีผู้ดูแลอุทยานปี้เทามาหา หวังกงกงมาคอยรับใช้อยู่ด้านนอกนานแล้ว พอได้ยินเสียงจึงรีบเข้ามา ก้มหน้ารอรับคำสั่ง

ฉู่เซ่าหลิงหยุดคิดก่อน “เมื่อวานข้าสั่งงานผู้คุ้มกันคนหนึ่งไว้ จำได้ว่าเขาชื่อเว่ยจี่ ไปเรียกเขามาที ข้ามีเรื่องจะสอบถามเขา” สีหน้าของฉู่เซ่าหลิงนิ่งสนิท แต่ในใจกลับกระวนกระวาย เพราะหากเว่ยจี่ยังไม่ได้เข้าวังหรือถูกส่งตัวไปที่อื่น ยิ่งไปกว่านั้นถ้าชาตินี้เว่ยจี่ไม่เคยได้เจอเขา…

“ทูลองค์ชาย ช่างบังเอิญเหลือเกินขอรับ” หวังกงกงก้มหน้า “ผู้คุ้มกันมีการผลัดเปลี่ยนเวรยาม วันนี้เป็นวันออกจากวังของเว่ยจี่ เมื่อคืนเด็กคนนี้มาขอป้ายห้อยเอวจากบ่าว คิดว่าเช้านี้คงออกจากวังไปแล้ว”

หวังกงกงช้อนตาขึ้นมองสีหน้าของฉู่เซ่าหลิง แม้เขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ ฉู่เซ่าหลิงจึงนึกถึงผู้คุ้มกันชั้นผู้น้อยที่ไม่มีตำแหน่งคนหนึ่งขึ้นมา แต่สีหน้าท่าทางของฉู่เซ่าหลิงดูผิดไปจากปกติ เขาจึงพูดอีกว่า “หากองค์ชายมีธุระกับเขา บ่าวจะให้คน…”

“ไม่ต้องหรอก” หัวใจที่แขวนห้อยอยู่กลางอากาศของฉู่เซ่าหลิงค่อยวางลงมาได้ เขาสั่นศีรษะ “ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ในเมื่อได้เปลี่ยนเวรออกไปนอกวัง เช่นนั้นตอนเย็นก็น่าจะกลับเข้ามา ไว้เขากลับมาเมื่อไรให้มาหาข้าทันที”

หวังกงกงก้มศีรษะ “ขอรับ”

ฉู่เซ่าหลิงเล่นป้ายหยกห้อยเอวเงียบๆ พักใหญ่ “ไปบอกสำนักศึกษาหลวงว่าวันนี้ข้าจะไม่ไปเรียน และเปลี่ยนชุดให้ข้า ข้าจะไปตำหนักฉืออันเพื่อคารวะไทเฮา”

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com