everY
ทดลองอ่าน รัชทายาทบัญชา เล่มที่ 1 บทที่ 1 #นิยายวาย
ฮ่องเต้นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนคลี่ยิ้มราบเรียบ “ยังเร็วเกินไปหน่อยกระมัง กำลังอยู่ในช่วงให้เขาเรียนรู้การปฏิบัติราชกิจหาความก้าวหน้า แต่งพระชายาออดอ้อนรักใคร่ทุกวัน มิใช่เป็นการละเลยเรื่องสำคัญไปหรือ”
องค์หญิงใหญ่ตุนซู่อดหัวเราะไม่ได้ “ฝ่าบาทใส่พระทัยรัชทายาทเกินไป ไฉนจึงลืมไปว่าฝ่าบาทเองไม่ทันครบยี่สิบก็อภิเษกสมรสแล้ว จะว่าไปยังเร็วยิ่งกว่าเซียวเอ๋อร์เสียอีก ตอนนั้นฝ่าบาทเพิ่งอายุครบสิบห้าเท่านั้น ยังจำได้หรือไม่เพคะ ก่อนงานอภิเษกสมรสฝ่าบาทยังวิ่งมาที่จวนองค์หญิง ถามข้าว่าหลังงานอภิเษกสมรสจะยังกลับมาอยู่กับเสด็จแม่ได้อีกหรือไม่…”
เนื่องจากมารดาผู้ให้กำเนิดของฮ่องเต้จากไปเร็ว ตอนยังอยู่ในผ้าอ้อมก็โดนอุ้มมาที่ตำหนักเฟิ่งหวาได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากฮองเฮา องค์หญิงใหญ่ตุนซู่อายุมากกว่าฮ่องเต้เกือบสิบปี ก่อนแต่งงานออกไปก็พักในตำหนักเฟิ่งหวาตลอด คราวนั้นนางก็ปฏิบัติต่อฮ่องเต้อย่างดีเยี่ยม หากกล่าวว่าพี่สาวคนโตเปรียบดั่งมารดาก็ไม่นับว่าเกินไป ครั้นเอ่ยถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาฮ่องเต้ก็คลี่ยิ้ม “เสด็จพี่ยังจำได้?”
องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ระบายยิ้มบาง “หม่อมฉันที่เห็นฝ่าบาทกับอู่ตี้มาตั้งแต่เล็กจนโตมีหรือจะจำไม่ได้” เมื่อกล่าวถึงอู่ตี้ องค์หญิงใหญ่ตุนซู่พลันขอบตาแดงระเรื่อ ก่อนคลี่ยิ้มเอ่ยอีก “ช่างเถิด พูดเรื่องเหล่านี้เพื่ออันใด กลับมาพูดเรื่องของเซียวเอ๋อร์เถิด ฝ่าบาทมีแผนการในใจหรือไม่เพคะ”
ในใจฮ่องเต้ย่อมไม่ปรารถนาที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างที่สุด ทว่าเมื่อฟังองค์หญิงใหญ่ตุนซู่พูดคุยเรื่อยเปื่อยไปด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานรื่นหู กระตุ้นให้นึกถึงความทรงจำครั้งเยาว์วัยเหล่านั้น จึงยากเกินไปที่จะทำลายอารมณ์ดีของนางในช่วงเวลาพิเศษนี้ จึงฝืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า “จริงๆ ก็เคยคิดไว้ เพียงไม่มีผู้ที่เหมาะสม ภายหน้าพระชายาของรัชทายาทต้องเป็นมารดาของแผ่นดิน มิอาจผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เสด็จพี่คงเข้าใจกระมัง”
องค์หญิงใหญ่ตุนซู่พยักหน้า “เป็นความจริง…ช่างเถิด หม่อมฉันเพียงนึกขึ้นได้จึงทูลต่อฝ่าบาทเท่านั้น จะก้าวก่ายเรื่องผู้ถูกรับเลือกเป็นพระชายารัชทายาทได้อย่างไรกัน ทว่าเพราะตั้งแต่เล็กรัชทายาทก็…เฮ้อ ฝ่าบาทก็ทราบ หม่อมฉันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรักและเอ็นดูเขามากหน่อย ฝ่าบาทตรัสได้มีเหตุผล จะกำหนดพระชายารัชทายาทนั้นไม่ง่าย…กระนั้นเลือกชายารองสองคนให้รัชทายาท ได้หรือไม่เพคะ”
ฮ่องเต้ยิ้มถาม “เสด็จพี่ต้องใจคุณหนูสกุลใดเข้าแล้วหรือ”
องค์หญิงใหญ่ตุนซู่มีบุตรธิดาหญิงสามชายสอง ธิดาคนโตแต่งงานไปเมื่อปีก่อน ธิดาคนรองอยู่ในวัยกำดัดอายุสิบสี่ ทั้งยังใกล้ถึงอายุที่ต้องพูดคุยเรื่องการแต่งงาน ฮ่องเต้คาดการณ์ว่าองค์หญิงใหญ่ตุนซู่คิดจะกระชับความสัมพันธ์ฉันครอบครัวให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นจึงกังวลเรื่องนี้มากที่สุด ขณะจะเอ่ยคำบอกปัด กลับเห็นเพียงองค์หญิงใหญ่ตุนซู่เม้มริมฝีปากยิ้ม “นับแต่ข้ากับฟู่หม่าไปราชการด้วยกัน ที่เจอก็มีแค่บรรดาหญิงสาวชาวบ้านเท่านั้น ไหนเลยจะรู้จักคุณหนูผู้ใด เรื่องนี้ให้ฮองเฮาหนักพระทัยแทนเถิดเพคะ”
ไม่รอให้ฮ่องเต้โล่งอกแม้แต่อึดใจ ดวงตาขององค์หญิงใหญ่ตุนซู่พลันวาววับขึ้นและยิ้มเอ่ย “จริงสิ! ผู้ใดบอกว่าหม่อมฉันไม่รู้จักคุณหนู หลิ่งหนานซื่อจื่อที่เอ่ยถึงเมื่อครู่หม่อมฉันได้ยินว่า…มีพี่สาวน้องสาวอายุถึงวัยทว่ายังไม่ออกเรือนอยู่สองคน”
รอยยิ้มน้อยๆ ของฮ่องเต้ชะงักค้างที่มุมปาก ขณะจะเอ่ยคำก็ได้ยินข้ารับใช้ด้านนอกผู้หนึ่งค้อมกายเดินเข้ามา ก้มหน้าสำรวมพลางเอ่ย “ถวายบังคมฝ่าบาท องค์หญิงใหญ่ องค์รัชทายาทเสด็จมาถวายพระพรเพคะ”
ฮ่องเต้พยักหน้า ข้ารับใช้ค้อมกายถอยออกไป ไม่นานนักฉีเซียวก็เข้ามาถวายพระพรคนทั้งสอง องค์หญิงใหญ่ตุนซู่เอ่ยเรียกซ้ำๆ ให้ฉีเซียวเข้าไปใกล้พร้อมดึงมือฉีเซียวมามองดูอย่างพิจารณา รูปโฉมส่วนใหญ่ของเชื้อพระวงศ์ล้วนงดงาม ฉีเซียวยิ่งได้รูปลักษณ์ของมารดาผู้ล่วงลับ หล่อเหลาเหนือสามัญ มีเพียงดวงตารูปหงส์คู่นั้นที่คล้ายอู่ตี้ นัยน์ตาแวววาวเฉียบคม มิต้องมีโทสะก็น่าเกรงขาม ซ้ำยังเพิ่มความสง่างามขึ้นอีกหลายส่วน องค์หญิงใหญ่ตุนซู่เห็นฉีเซียวหน้าตาคล้ายคลึงกับบิดามารดาที่เสียไปหัวใจก็พลันแปลบปลาบ นางคลี่ยิ้มอำพรางเล็กน้อยก่อนเอ่ยอย่างพึงพอใจ “ไม่พบกันครึ่งปี เซียวเอ๋อร์สูงขึ้นอีกนิดหน่อยแล้ว”
ฉีเซียวแย้มยิ้ม “เสด็จป้ากลับไม่เปลี่ยนไปสักนิด ทั้งยังมีราศียิ่งขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงใหญ่ตุนซู่หันหน้าไปยิ้มให้ฮ่องเต้ “ได้ยินหรือไม่ รู้จักพูดยิ่งนัก…”
ไม่รอฮ่องเต้ตอบคำ องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ยิ้มแล้วเอ่ยอีก “เป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ เมื่อครู่ข้ายังทูลกับเสด็จพ่อของเจ้าอยู่เลยว่าให้เลือกชายารองให้เจ้า หลิ่งหนานอ๋องจวิ้นจู่ เจ้าชอบหรือไม่”
ฮ่องเต้หมุนแหวนมรกตที่สวมบนนิ้วโป้ง เขารู้สึกไม่พอใจทว่าใบหน้ายังคงอ่อนโยนยิ่ง เพียงแย้มยิ้มน้อยๆ “เสด็จพี่ช่างใจร้อนโดยแท้…”
แม้ในใจฉีเซียวจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็ได้ ทว่าองค์หญิงใหญ่ตุนซู่วางแผนเพื่อเขานานหลายวัน เบื้องหน้าตนเองจะทำเสียการไม่ได้เด็ดขาด จึงคลี่ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ย่อมต้องทำตามคำกล่าวของพ่อแม่คำชักนำของแม่สื่อ หลานมิกล้าเอ่ยมากความ”
องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน เบี่ยงกายไประบายยิ้มให้ฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ยินยอมให้หม่อมฉันเป็นแม่สื่อได้หรือไม่เพคะ”
องค์หญิงใหญ่ตุนซู่มีฐานะพิเศษ ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ต้องเกรงใจสามส่วน มิกล้าหักหน้านางเกินไป ซ้ำเรื่องวันนี้องค์หญิงใหญ่ตุนซู่ย่อมเตรียมตัวมาก่อน หากยิ่งดึงดันห้ามปรามเกรงว่าจะแตกกิ่งก้านเป็นปัญหาที่คาดไม่ถึง ฮ่องเต้ข่มไฟในใจ มองไปทางฉีเซียวพลางหัวเราะอย่างรักใคร่เมตตา “ยังไม่ขอบพระทัยเสด็จป้าที่ลำบากจัดการเพื่อเจ้าอีก”
โปรดติดตามตอนต่อไป…