ฉีเซียวพลันแย้มยิ้มบาง “เจ้าดู ที่เจ้าพูดเองก็ยังไม่มั่นใจ เงินหรือคู่รัก…หึๆ แม้ช่วงเวลาที่เจ้ามาเมืองหลวงจะสั้น ก็ควรรู้ว่าสิ่งของเหล่านี้แต่ไรมาฝ่าบาทก็มิเคยทำให้ข้ารู้สึกไม่เป็นธรรม ส่วนจะให้เจ้าช่วยเรื่องอันใดนั้น…” ฉีเซียวอดไม่ได้หัวเราะออกมา “ซื่อจื่อคนดีของข้า เจ้าช่วยข้าทำสิ่งใดได้หรือ”
ในใจไป่เริ่นเคียดแค้นสุดขีด กระนั้นก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าที่ฉีเซียวพูดเป็นความจริง ตนมีอันใดจะไปช่วยฉีเซียวได้
ฉีเซียวคลี่ยิ้มเรียบๆ “ไป่เริ่น ข้าไม่รังแกเจ้า แต่เส้นทางนั้นเจ้าเป็นคนเลือกเอง หากเจ้าปกป้องตัวเองเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ก็อย่าพูดถึงอีก ข้ารับโหรวจยามาเป็นชายาแน่ ชื่อเสียงและฐานะของข้าไม่มีทางปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เป็นธรรม บรรดาศักดิ์ชายารองนั้นไม่มีทางขาดตก แม้ข้าหาใช่สุภาพบุรุษแต่ก็ไม่มีวันสร้างความลำบากให้สตรีคนหนึ่ง ทว่า…วันข้างหน้าข้าอภิเษกสมรสชายาเอกแต่งชายารองรับอนุ ในเรือนหลังของพี่สาวเจ้าจะมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือนางแล้ว ข้าคร้านจะดูแล เจ้าก็ควบคุมไม่ได้”
ไป่เริ่นเดือดจัด “พระองค์กล้าหรือ!”
“เจ้าว่าข้ากล้าหรือไม่เล่า” ฉีเซียวหัวเราะหยัน “ยังมีอีกทางหนึ่ง เจ้าปกป้องโหรวจยา มอบตนเองให้ข้าเป็นการทดแทน…การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ข้าจะจัดการให้ ไม่ว่าผลเป็นอย่างไรข้ายืนยันว่าจะคุ้มครองไม่ให้นางแต่งกับเชื้อพระวงศ์คนอื่น”
ไป่เริ่นกัดฟันกรอดอย่างเคียดแค้น ทว่าฟังวาจานี้ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ ฉีเซียวมองออกในแวบเดียว เขาก้าวเข้าไปผลักกระบี่ยาวที่ไป่เริ่นชูไว้เบื้องหน้าตน เอ่ยกลั้วหัวเราะเบาๆ “หากเจ้าเชื่อฟังมากพอ ทำให้ข้ามีความสุข…ต่อไปเจ้าอยากให้พี่สาวแต่งกับผู้ใด ข้าก็ทำให้นางแต่งกับผู้นั้น หากสกุลฝ่ายสามีกล้าปฏิบัติกับนางไม่ดีข้าจะออกหน้าแทนเจ้า เป็นอย่างไร”
ฉีเซียวเดินมาตรงหน้าไป่เริ่นอย่างเชื่องช้า ไป่เริ่นสะกดความคิดที่จะหนีสุดความสามารถ มิใช่เพื่ออื่นใดแต่เพราะประโยคที่ฉีเซียวเอ่ยเมื่อครู่นั้นมีแรงดึงดูดใจมากเกินไปอย่างแท้จริง โหรวจยาโตขึ้นทุกวัน เรื่องการแต่งงานของนางเป็นปมในใจของไป่เริ่นกับชายาหลิ่งหนานอ๋องมาตลอด โหรวจยาไม่เป็นที่โปรดปรานของหลิ่งหนานอ๋อง ยิ่งมีซย่าซื่อคอยเป่าลมข้างหมอน หลิ่งหนานอ๋องทุกวัน วันข้างหน้าคิดแต่งกับผู้ที่ถูกตาต้องใจแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่หากมีปราการอย่างฉีเซียวนี้ชั้นหนึ่งล่ะก็…
ฉีเซียวอ่านออกว่าไป่เริ่นกำลังลังเลก็ยิ้มหยันในใจ เขาคิดไว้แล้ว เพื่อโหรวจยาจวิ้นจู่ไม่ว่าอย่างไรไป่เริ่นก็ล้วนยินยอม ฉีเซียวแย้มยิ้มอ่อนโยน “หากเจ้าไม่สมัครใจ เพียงเดินออกจากประตูนี้ไปแล้วข้าจะไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก เมื่อครู่ต้องขออภัย เป็นข้าที่บุ่มบ่าม ขอเพียงเจ้าพูดว่าไม่ ต่อไปข้าจะไม่มีวันล่วงเกินเจ้าอีกเด็ดขาด ไป่เริ่น…เส้นทางทั้งสอง เจ้าเลือกเองเถิด”
ไป่เริ่นหลับตา เขามีทางเลือกหรือ
ไป่เริ่นพลันตัดสินใจ กลัวอันใด! เพื่อท่านแม่กับพี่สาวกระทั่งตัวประกันก็เป็นแล้ว จะมีชีวิตต่อไปได้อีกกี่ปีก็สุดจะรู้ มีอันใดต้องกังวล ตนติดอยู่ในโคลนตั้งนานแล้วยังกลัวแย่ลงกว่านี้หรือ ยังแย่ไปกว่านี้ได้อีกหรือ!
โหรวจยาไม่เหมือนกับตน ขอแค่ตนอดทนได้บางทีอาจช่วงชิงสกุลสามีที่ดีกับโหรวจยาได้ เพื่อครึ่งชีวิตที่เหลือของโหรวจยาเพื่อให้ท่านแม่ได้วางใจ ไป่เริ่นสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เวลานี้เขากลับรู้สึกโชคดีอยู่บ้างที่เมื่อวานได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับเฉาเกอ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงมีภาระเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง…
เฉาเกอ…ในสมองไป่เริ่นคล้ายมีบางอย่างวาบผ่าน พลันเงยหน้าขวับมองไปทางฉีเซียว ฉีเซียวอ่านความคิดไป่เริ่นทะลุปรุโปร่งตั้งแต่แรก จึงเอ่ยยิ้มๆ “ข้ารู้เจ้ามิได้ชมชอบทางนี้ ลำบากเจ้าแล้ว…”
ในใจไป่เริ่นพลันยิ้มอย่างห่อเหี่ยว คิดเพ้อเจ้ออันใดน่ะ ฉีเซียวจะไปรู้เรื่องตนกับเฉาเกอได้อย่างไรกัน อีกอย่างตนเป็นคนดีมีฝีมือมาจากไหนถึงพาให้ฉีเซียวเหนื่อยยากลำบากลำบนเพียงนั้น เป็นเฉาเกอเองที่ตั้งใจจะไป…ไป่เริ่นโคลงศีรษะ เวลาเพียงหนึ่งราตรีกลับพลิกฟ้าคว่ำดิน คนที่เติบโตเป็นสหายมาด้วยกันตั้งแต่เยาว์ก็มาจากไป ขณะที่ตนต้อง…
ไป่เริ่นชายตามองฉีเซียว สูดหายใจลึกๆ เอ่ยเสียงเครือ “รัชทายาท…ได้โปรดเอ่ยคำไหนคำนั้น คุ้มครองโหรวจยาให้อยู่รอดปลอดภัยด้วย”
ฉีเซียวประชิดเข้าไปก้าวหนึ่ง ไป่เริ่นกำหมัดแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ ฉีเซียวกลับมิได้ล่วงเกินอีกฝ่ายแบบเมื่อครู่อีก เพียงโอบอีกฝ่ายมากอดอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงเจือแววรักใคร่โดยไม่รู้ตัว “เจ้าวางใจ”
โปรดติดตามตอนต่อไป…