ทดลองอ่าน รัชทายาทบัญชา เล่มที่ 1 บทที่ 14 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน รัชทายาทบัญชา เล่มที่ 1 บทที่ 14 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

ไป่เริ่นไม่ต้องการพูดมากกับฉีหวาอีก จึงโค้งตัวเล็กน้อยทำท่าจะออกไป ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดวันนี้ฉีหวาคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะสั่งสอนไป่เริ่นให้จงได้ เขารั้งตัวไป่เริ่นไว้แล้วยิ้มเอ่ย “นี่ซื่อจื่อต้องการไปที่ใด ไปฟ้องรัชทายาทหรือ หึๆ…ข้ายังต้องการเอ่ยประโยคหนึ่ง สายตาซื่อจื่ออย่าได้ตื้นเขินนัก พวกเจ้าเห็นแต่เสด็จพ่อทรงชมเชยรัชทายาทอย่างมาก โปรดปรานรักใคร่เป็นที่สุด ทว่าเบื้องหลังหาได้เป็นเช่นนั้น”

“องค์ชายรองเข้าใจผิดแล้ว” ไป่เริ่นเหลือบมองมือของฉีหวาที่กุมท่อนแขนของตนอย่างชิงชัง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องของเชื้อพระวงศ์ ข้าไม่อาจแสดงความเห็นได้ ไม่ว่ารัชทายาทหรือองค์ชายรองต่อหน้าไป่เริ่นล้วนสูงศักดิ์ไม่ต่างกัน”

ฉีหวาแค่นหัวเราะ “ไม่ต่างกัน? หากไม่ต่างกันไยเจ้ารีบเร่งส่งพี่สาวตนเข้าจวนรัชทายาทเล่า! หึๆ…คิดว่าข้าไม่รู้หรือ ไป่เริ่น ก่อนหน้านี้เป็นข้าที่ดูเบาเจ้า ยามปกติเจ้าสงบเสงี่ยมไม่พูดไม่จา ในที่ลับกลับเริ่มหาที่พึ่งพิงให้ตนเอง เจ้ายังไม่เบิกตาให้กว้างๆ อีก! ที่พึ่งพิงของเจ้านี้พึ่งได้จริงหรือไม่ หืม!”

ความอดทนของไป่เริ่นถึงขีดสุด แต่ก่อนเขายังเคยฉงนสงสัยว่าเหตุใดผู้มีสถานะอ่อนไหวเช่นฉีเซียวจึงเป็นรัชทายาทได้อย่างสงบมั่นคงมาเกือบยี่สิบปี ยามนี้ดูแล้ว…ไม่เพียงเพราะฉีเซียวเอาการเอางาน คู่ต่อสู้อ่อนแอเกินไปก็มีส่วนอย่างมาก ไป่เริ่นมองฉีหวาที่ยังมีสีหน้าฉุนเฉียวในใจก็ถอนใจอย่างเย็นชา น่าเสียดายโอรสที่วังกลางเป็นผู้ให้กำเนิดกลับไม่มีความอดทนตามแบบฮ่องเต้ ที่การแสดงออกเป็นอย่างหนึ่งลับหลังเป็นอีกอย่างหนึ่งสักกระผีกริ้น ถึงขนาดจะแตกหักกับตนเองด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้

ไป่เริ่นยิ้มเย้ยหยันตนเอง บางทีฉีหวาอาจมิได้ไม่รู้จักอดทนอดกลั้นขนาดนั้น เพียงเห็นตนเป็นตัวประกันคนหนึ่งที่บีบคลายได้ตามใจชอบ ไป่เริ่นสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ระยะนี้เขารับการหยามเหยียดบีบคั้นมาไม่น้อย ครานี้ไป่เริ่นไม่อยากอดทนอีกแล้ว

“คำพูดขององค์ชายรอง ไยข้าจึงฟังไม่เข้าใจสักประโยคเล่า” ไป่เริ่นคลี่ยิ้มเสียดสี “อาศัยรัชทายาทเป็นที่พึ่ง? ช่วงสองวันนี้ข้าไปจวนรัชทายาทหลายครา ทว่าไปลิ้มรสชาเดินหมาก ปรึกษาโต้ตอบวิชาความรู้กันเท่านั้น จริงด้วย…ภูมิความรู้ของรัชทายาทยอดเยี่ยมโดยแท้ หากต่อไปองค์ชายรองมีอันใดไม่เข้าใจอีกไปสอบถามรัชทายาทโดยตรงก็พอ จะว่าไป…ช่างน่าเสียดาย บัดนี้รัชทายาทไม่ไปสำนักฮุ่ยซิ่นแล้ว หากได้มีวาสนาเป็นสหายร่วมสำนักกับรัชทายาทคงเป็นเรื่องน่าปีติยินดีในชีวิตอย่างแท้จริง”

ไป่เริ่นเอ่ยถึงฉีเซียวไม่ขาดปาก เหลือก็แต่เยินยอเขาขึ้นเทียมฟ้า ฉีหวาเดือดดาลตาแทบถลน เช่นนี้แหละ! ไม่ว่าฮ่องเต้หรือบรรดาขุนนางในราชสำนัก เมื่อกล่าวถึงฉีเซียวทุกคนล้วนสรรเสริญไม่หยุดปาก กลับหลงลืมตนที่เป็นโอรสถูกต้องตามทำนองคลองธรรมผู้นี้เสียสนิท!

ภายใต้ความโกรธจัดกำลังมือของฉีหวายิ่งไม่มีขอบเขต เขาแทบอยากจะบีบแขนไป่เริ่นให้แหลกละเอียด ไป่เริ่นขมวดคิ้วแน่นคิดดิ้นหนี ฉีหวาเลือดขึ้นหน้ามีหรือจะยอมปล่อยเขาไป หลังจากยื้อกันไปมา ทั้งสองแทบจะลงไม้ลงมือกัน ไป่เริ่นจับตามั่นเหมาะตอนที่ฉีหวาไม่ทันระวังชักท่อนแขนออกอย่างแรง ฉีหวาคว้าตัวไป่เริ่นอีกครั้งด้วยสัญชาตญาณ ตอนฉีหวายกแขนขึ้น ในดวงตาไป่เริ่นมีประกายวูบผ่านร่างพลันขยับถอยหลัง มือฉีหวาที่คิดคว้าจวนเจียนจะข่วนโดนใบหน้าไป่เริ่น ไป่เริ่นเอียงศีรษะหลบเล็กน้อย ทำให้บนลำคอเกิดเป็นรอยนิ้วสี่สายแทน หยดเลือดค่อยๆ ซึมออกมา…

“เจ้า…” ฉีหวาเพียงคิดจะให้บทเรียนไป่เริ่น คิดไม่ถึงว่าจะเลือดตกยางออกจึงตะลึงอึ้งไปชั่วขณะ เขาเอ่ยตะกุกตะกัก “เจ้า…เจ้า…ไม่เกี่ยวกับข้า!”

ไป่เริ่นรับฝ่ามือเข้าอย่างจัง มุมปากกลับผุดรอยยิ้มจางๆ เขาลูบลำคอทีหนึ่งพลางยิ้มถากถาง “องค์ชายรองทรงอานุภาพโดยแท้…”

ฉีหวาเห็นไป่เริ่นเป็นเช่นนี้ยิ่งหวาดกลัว เท้าพลันถอยหลังก้าวหนึ่ง ปากเอ่ยร้อนรน “เจ้า…เจ้าจะทำอันใด ขะ…ข้าเรียกหมอหลวงให้เจ้าก็พอแล้ว…ข้ามิได้มีเจตนา!”

“ไม่รีบร้อน อีกสักครู่…ย่อมมีคนเรียกหมอหลวงให้ข้า” อย่างไรก็แตกหักกันไปแล้ว ไป่เริ่นไม่คิดอดกลั้นอีก เขาแสยะยิ้ม “นับแต่ข้ามาเมืองหลวง แม้แต่ฝ่าบาทยังทรงปฏิบัติต่อข้าอย่างสุภาพให้เกียรติ เกรงกลัวว่าข้าเป็นอันใดไปจะไม่อาจรายงานต่อหลิ่งหนาน องค์ชายรองกลับไม่หลบเลี่ยง ดียิ่งนัก…”

“นี่…นี่หมายความว่าอันใด”

ในที่สุดฮ่องเต้ก็มีเวลาว่าง ฝูไห่ลวี่รีบร้อนมาเชิญไป่เริ่นกับฉีหวา ทว่าพอเดินถึงตำหนักข้างเห็นเหล่าข้ารับใช้อยู่ด้านนอกกันหมด สืบถามค่อยรู้ว่าฉีหวาสั่งให้ออกมา ฝูไห่ลวี่พลันรู้สึกว่าท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว กลับมองเห็นเหตุการณ์นี้ เขาเสียขวัญจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ร้องเรียกคนซ้ำๆ “เชิญหมอหลวงเดี๋ยวนี้! โถ ซื่อจื่อของกระหม่อม…”

ไป่เริ่นระบายยิ้มบาง “ไม่รีบ ไป่เริ่นยังต้องไปถวายบังคมฝ่าบาทก่อน”

ในใจฝูไห่ลวี่คาดเดาได้เลาๆ จึงตั้งใจช่วยฉีหวาปกปิดสักเล็กน้อย แต่รอยที่คอไป่เริ่นปรากฏชัดเจนอยู่ตรงนั้นมีหรือจะปกปิดได้ ฝูไห่ลวี่หันหน้ามองฉีหวาที่มีใบหน้าหวั่นกลัวแวบหนึ่งพลางถอนใจอยู่ข้างใน ครั้งนี้องค์ชายรองเตะแผ่นเหล็ก เข้าแล้ว เขาหัวเราะขื่นเสียงหนึ่งและเอ่ย “พ่ะย่ะค่ะ ซื่อจื่อตามกระหม่อมมา”

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com