ผู้ติดตามคนนั้นตะลึงงัน พลันรีบร้อนคุกเข่าขออภัย “ซื่อจื่อโปรดไว้ชีวิต ตั้งแต่พวกเรามาถึงที่นี่ชุดชานั้นก็ถูกเก็บอยู่ในห้องไม่เคยแตะต้องมาตลอด ผู้น้อยนำออกมาไม่ได้ ซ้ำเมื่อคืนตอนไปบอกพ่อบ้านเขาก็นอนหลับพอดี เดิมผู้น้อยคิดว่าเช้าตรู่วันนี้จะรับป้ายคำสั่งไปหยิบของ ทว่า…ผู้น้อยสมควรตาย เช้าตื่นมาเลอะเลือนกลับลืมสนิท”
ไป่เริ่นขมวดคิ้ว “เรื่องเล็กแค่นี้ยังทำไม่ได้อีกรึ!”
เจียงเต๋อชิงคลี่ยิ้มในใจ รีบร้อนเอ่ยคลี่คลายสถานการณ์ “ซื่อจื่ออย่าได้โมโห ระวังสุขภาพ”
“ทำให้ต้องขบขันแล้ว…” ไป่เริ่นหัวเราะเจื่อน “เพียงแต่น่าเสียดาย ชานี้แตกต่างจากชาอื่น ใช้เครื่องกระเบื้องชงได้แค่รสธรรมดา ต้องใช้เครื่องหยกชงเท่านั้นจึงจะมีสีออกมา อีกทั้งใช้หยกพันวารีของหลิ่งหนานจะดีที่สุด ช่างเถิด…ส่งพระส่งถึงตะวันตก วันพรุ่งนี้ข้ามาอีกครั้งเป็นใช้ได้”
เจียงเต๋อชิงเอ่ยรับคำระรัว “เช่นนั้นดีที่สุด แต่ต้องลำบากซื่อจื่อเกินไปแล้ว”
ไป่เริ่นระบายยิ้มบาง “ไม่เป็นไร”
ไป่เริ่นพาคนจากไป เจียงเต๋อชิงร้องเรียกคนมาเก็บชาและขนมหวานต่างๆ ส่วนตนเองหอบกล่องเดินอ้อมไปหลังฉากกั้นลม ค้อมกายเอ่ย “องค์รัชทายาท ซื่อจื่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฉีเซียวที่อยู่หลังฉากกั้นลมมองกล่องที่เจียงเต๋อชิงหอบไว้ในมือพลางยิ้มอย่างนึกสนุก “สมองเขาว่องไวนัก แต่งคำพูดชุดนี้ออกมาได้”
“คนที่พระองค์ต้องตาย่อมมิใช่พวกโง่เขลาเบาปัญญา” เจียงเต๋อชิงเปิดกล่องออกให้ฉีเซียวดูพลางยิ้มประจบ “ซื่อจื่อมีใจมุ่งมั่นต้องการพบพระองค์ พรุ่งนี้คาดว่าคงมาตั้งแต่หัววันอีก”
ในกล่องใส่โถชาเล็กๆ สี่โถ ทั้งหมดล้วนใช้ไหมสีแดงมัดไว้แน่นหนา ฉีเซียวหยิบโถหนึ่งขึ้นมาดมกลิ่นดู “พรุ่งนี้เขามาอีก ข้าก็ไม่พบ”
เจียงเต๋อชิงหลุดหัวเราะ “นี่หมายความว่าอันใด พระองค์…”
ฉีเซียววางโถชากลับลงกล่องและเอ่ยราบเรียบ “หนึ่งเพื่อขัดเกลาความอดทนของเขา สอง…รอฝ่ายสี่เสียงมีข่าวแล้วค่อยว่ากันเถิด”
สี่เสียงไม่ทำให้ฉีเซียวรอนาน ข่าวคราวมาอย่างรวดเร็วยิ่ง หลังจากนั้นสองวันรายชื่อผู้ติดตามการคุมเสบียงกลับหลิ่งหนานก็ออกมา ฉีเซียวใช้ลูกไม้เล็กน้อยดึงหน้าที่การออกรายงานมาไว้ที่ตน เดิมเรื่องการส่งเสบียงครั้งนี้ฉีเซียวก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ผู้อื่นจึงไม่สงสัยในตัวเขา แค่ออกรายงานเท่านั้นจะออกจากกรมปกครองหรือจวนองค์รัชทายาทล้วนมีค่าเท่ากัน
เจียงเต๋อชิงมองรายงานบนโต๊ะของฉีเซียวพลางยิ้มประจบ “องค์รัชทายาทหนนี้วางใจได้แล้วกระมัง จริงด้วย สี่เสียงยังให้กระหม่อมมอบสิ่งนี้แก่พระองค์…” เจียงเต๋อชิงหยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อยื่นให้ฉีเซียว “ทั้งหมดนี้คือที่เฉินเฉาเกอมอบให้สี่เสียงไม่กี่วันนี้ สี่เสียงกล่าวว่าทำงานให้องค์รัชทายาท แม้รู้ว่าพระองค์ไม่เห็นเงินเล็กน้อยนี้ในสายตา ทว่าเขามิกล้ารับไว้ส่วนตัวจึงให้กระหม่อมนำมาถวายให้พระองค์ กำชับให้พระองค์ทรงรับไว้ให้ได้”
ฉีเซียวยิ้มหยัน “เขาช่างเคารพนบนอบยิ่งนัก…นี่ทั้งหมดมี…”
“หนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงพ่ะย่ะค่ะ” เจียงเต๋อชิงเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนเสริมอีก “ในนี้มีสามพันตำลึงที่ให้เพื่อสืบข่าวการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ ยังมีหนึ่งหมื่นสองพันตำลึงที่ให้ภายหลังเพื่อจะได้ตามขบวนทหารคุ้มกันเสบียงกลับหลิ่งหนาน”
ฉีเซียวแสยะยิ้มเสียดสี “ไป่เริ่นมีเงินเท่าไรกัน ถึงให้เขาสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้”
เจียงเต๋อชิงส่ายหน้า “ซื่อจื่อคล้ายยังไม่รู้กระมัง คงนึกไปว่าใช้เพื่อจัดการเรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ เฮ้อ…”
ขณะทั้งสองพูดคุยกันสาวใช้ด้านนอกก็เข้ามาย่อกายเอ่ย “องค์รัชทายาท หลิ่งหนานซื่อจื่อมาแล้วเพคะ”
เจียงเต๋อชิงหันมองฉีเซียว นับรวมหนนี้ไป่เริ่นก็มาเป็นครั้งที่สามแล้ว ทุกครั้งฉีเซียวล้วนสั่งให้เขาขัดขวาง เจียงเต๋อชิงมองดูสีหน้าฉีเซียว “รัชทายาทครั้งนี้…”
“ครั้งนี้ข้าพบ” ฉีเซียวมองรายงานบนโต๊ะหนังสือพลางระบายยิ้มเรียบๆ “สองสามวันนี้ซื่อจื่อมอบของให้ข้าไม่น้อย อย่างไรข้าก็ต้องตอบแทนเสียบ้าง…”
โปรดติดตามตอนต่อไป…