everY
ทดลองอ่าน ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 3 บทที่ 114-115 #นิยายวาย
ทดลองอ่านเรื่อง ราชครูนักต้มตุ๋น เล่ม 3
ผู้เขียน : สิงซั่งเซียง (刑上香)
แปลโดย : ศีตกาล
ผลงานเรื่อง : 大国师,大骗子
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
Trigger Warning
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ
เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง
การฆาตกรรม การทารุณกรรมเด็ก การสังหารหมู่
การบังคับหรือโน้มน้าวให้ผู้อื่นทำบางอย่างโดยไม่เต็มใจ
และมีการกล่าวถึงการข่มขืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ
สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
บทที่ 114
อู๋ฉยง
นายท่านของฮวาอู๋ฉยงเป็นคนฉลาดมาก น้อยนักที่เขาจะพูดความจริงกับผู้อื่น แต่บางครั้งเขาก็จะพูดกับฮวาอู๋ฉยง
เช่นว่ามีครั้งหนึ่งเขาเพิ่งกลับมาถึงห้องก็จัดการเขวี้ยงขวดปาเหยือกทั้งหมดในห้องจนแตกกระจาย ‘สวีวั่ง ตาเฒ่าชั้นต่ำ วันนี้ก็มาสั่งสอนข้าอีกแล้ว หากมิใช่ว่าข้าหวังพึ่งพาเขาช่วงชิงเสบียงและเงินทุนทางการทหารล่ะก็ เขาไหนเลยจะได้มาจองหองพองขนอยู่เช่นนี้’
ผ่านไปไม่กี่วันเขาก็อดไม่ไหวต้องพูดกับนางอีก ‘ข้าคิดว่าที่สวีวั่งพูดก็คล้ายจะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่น้ำเสียงของเขานั้นน่ารังเกียจเสียจริง’
ผ่านไปอีกสองสามวันหลังจากสวีวั่งมาพูดคุยกับเขายาวนานข้ามคืน นายท่านก็ค่อยๆ พูดกับนางว่า ‘ที่จริงสวีวั่งก็นับเป็นอาจารย์ของข้าแล้ว’
กระทั่งผ่านไปสองเดือนเขาก็กลับมาด่าอาจารย์สวีอีก
นางไม่ได้รังเกียจที่นายท่านจะโมโห ซ้ำยังรู้สึกว่ายามนายท่านโมโหนั้นค่อยดูเป็นมนุษย์มากขึ้น ความรำคาญใจเพียงหนึ่งเดียวของนางก็คือทุกคราที่นายท่านทำลายข้าวของจะต้องเอานางมาเป็นข้ออ้างอยู่เสมอ
‘อู๋ฉยงไม่ระมัดระวัง ทำของในห้องข้าพังเสียหายหมด’
หลายครั้งหลายคราเข้าทุกคนก็ล้วนคิดว่าฮวาอู๋ฉยงควบคุมเรี่ยวแรงตนไม่อยู่ สตรีในเรือนล้วนหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้นาง ด้วยกลัวว่านางจะไปชนคนอื่นๆ จนบาดเจ็บ
ในใจฮวาอู๋ฉยงอยากก่นด่าอย่างรุนแรง นางสามารถจับมดตัวหนึ่งได้โดยที่มันยังคงปลอดภัยไร้จุดบอบช้ำเสียหายตั้งแต่อายุสิบสองแล้วด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างไรส่วนใหญ่นายท่านก็ยังพอจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้
ยามเขาไม่มีอะไรทำส่วนมากก็จะอ่านหนังสือ ดื่มชา นั่งเหม่อลอย หรือไม่ก็พูดคุยกับนาง
เขาบอกว่าตนเป็นบุตรของหญิงรับใช้ เนื่องจากเวลานั้นบิดาของเขาไม่มีบุตรสืบสกุล จึงได้มีบุตรชายคนโตเช่นเขาขึ้นมา
ใช่แล้ว ยามนั้นบิดาของเขาเป็นรัชทายาท
ภายหลังมารดาตายจากไป บิดากลายเป็นฮ่องเต้ กลับมีภิกษุเฒ่าที่ไร้คุณธรรมอย่างมากรูปหนึ่งมาบอกว่าเขามีชะตาของฮ่องเต้
เรื่องนี้มีเพียงเขากับบิดาเท่านั้นที่รู้
บิดาของเขามีทายาทยากยิ่ง ด้วยลุ่มหลงในการปรุงยาอายุวัฒนะ บุตรสามคนในวังนั้นคนรองเป็นคนกเฬวราก คนที่สามเป็นคนปวกเปียก
เขาเองก็ได้แต่แสร้งทำโง่เง่า ร่วมมือกับน้องรองรังแกน้องสาม
ผู้ใดให้น้องรองมีมารดาสนับสนุนกันเล่า ซ้ำเจ้าตัวนั้นยังเป็นถึงรัชทายาททีเดียว
ภายหลังเขาอายุมากขึ้น ออกมาอยู่จวนของตนเองแล้ว ทั้งยังมีความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ น้องรองจึงมิค่อยกล้ารังแกเขาอีก
มีเพียงน้องสามที่โชคร้ายที่สุดที่ถูกพบว่าเป็นเมล็ดพันธุ์มังกรของปลอม ถูกคนรังแกมาหลายปี สุดท้ายแม้แต่ชีวิตน้อยๆ ก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้
จนถึงบัดนี้ยามที่ฉลองปีใหม่ นายท่านก็ยังคอยเผากระดาษเงินกระดาษทองให้น้องสามผู้ไม่มีนามของตนเองนั้นอยู่ทุกครา
เรื่องเหล่านี้ทำให้ฮวาอู๋ฉยงรู้สึกว่าการเป็นโอรสของฮ่องเต้นั้นไม่ได้มีชีวิตดีดังที่นึกภาพเอาไว้
ทว่าเรื่องที่นายท่านเป็นคนดียิ่งใหญ่เทียมฟ้า เรื่องนี้ไม่มีทางผิดแน่
บางครั้งนายท่านก็จะนั่งพิงหัวเตียง มองนางพลางทำหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ‘อู๋ฉยงเอ๋ย เจ้าก็รู้ คนแสนดีโง่เง่าอย่างเจ้านี้ในหนังสือล้วนไม่มีจุดจบที่ดีแม้แต่คนเดียว’
ฮวาอู๋ฉยงนั่งข้างเตียงเขาพลางถามว่า ‘พวกเขาตายกันหมดเลยหรือ’
นายท่านยิ้มตาหยี ‘ใช่แล้ว ถูกตัดคอ ถูกศรแทงทะลุหัวใจ ถูกคมดาบเฉือนเนื้อเถือหนัง ทั้งยังมีพวกที่ถูกตัดมือตัดเท้าแล้วยัดใส่ไห…’
ฮวาอู๋ฉยงย่นคอ ‘เพียงฟังก็เจ็บปวดแล้ว’
นายท่านแย้มยิ้มพลางลูบศีรษะนางราวกับลูบหัวสุนัข ‘ดังนั้นเจ้าต้องเชื่อฟัง เพียงเจ้าว่าง่าย ข้าก็จะให้เจ้าได้มีชีวิตสงบสุขจนแก่เฒ่า’
อันที่จริงฮวาอู๋ฉยงคิดว่านายท่านกำลังกังวลใจไปโดยเปล่าประโยชน์ ผู้ที่จะถูกแทงตายอยู่ทุกสามวันห้าวันที่จริงไม่ใช่นาง แต่เป็นตัวนายท่านเองต่างหาก
ฮวาอู๋ฉยงนอนห้องเดียวกับนายท่าน เนื่องจากมีคนมาลอบสังหารนายท่านอยู่เนืองๆ มีครั้งหนึ่งนายท่านเพิ่งนำทัพกลับมา ซ้ำยังนอนหลับลึกนัก ถึงกับถูกดาบแทงเข้าไปถึงในท้อง กว่านางจะพุ่งเข้าห้องมานายท่านก็เจ็บปวดจนพูดไม่ออกแล้ว
โชคดีที่นายท่านบุญบารมีหนักหนาชะตากว้างใหญ่ ไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังมีเรื่องเล่าว่ามีมังกรขาวตัวหนึ่งลงจากสวรรค์มาช่วยชีวิตนายท่านอีกด้วย
มังกรขาวจากที่ใดกัน วันนั้นผู้ที่ตัดศีรษะมือสังหารจนขาดสะบั้นคือนางชัดๆ
ทว่าภายหลังนายท่านก็ให้ป้ายหยกขาวแก่นางป้ายหนึ่ง บนนั้นสลักรูปมังกรขาวสี่กรงเล็บเอาไว้ ทั้งยังกำชับไม่ให้นางเผยสิ่งนี้ให้ผู้ใดเห็น
ภายหลังฮวาอู๋ฉยงเพิ่งกระจ่างว่าโอรสสวรรค์มังกรห้ากรงเล็บ อยู่ใต้คนหนึ่งแต่อยู่เหนือคนนับหมื่นนั้นยังไม่อาจเทียบมังกรขาวสี่กรงเล็บ* ที่อยู่บนหยกประดับของนาง
ไม่รู้ว่าเขายกตำแหน่งของตนเองให้กับนางแล้ว หรือเขาให้คำมั่นว่าภายหน้าจะมอบตำแหน่งให้นางกันแน่
เรื่องราวเหล่านี้ยามมีสติดีเสี่ยงหรงจะไม่มีทางพูดกับซ่งเสวียนเป็นอันขาด มีเพียงปีใหม่ครั้งหนึ่งที่นางเมามายเกินไป ยามอยู่ต่อหน้าซ่งเสวียนก็ยิ่งไม่ได้ระวังตัวจึงได้พลั้งปากไป
ครานั้นซ่งเสวียนจึงเพิ่งรู้ว่าที่แท้นายท่านคนเก่าของเสี่ยงหรงก็คือองค์ชายใหญ่จีอวิ๋นฉี
หากว่ากันอย่างจริงจังแล้ว ไม่ว่านางจะมีนามว่าเสี่ยงหรงหรือฮวาอู๋ฉยงก็ล้วนพูดมากทั้งสิ้น
ตอนอยู่ในหมู่บ้านก่อนนี้นางก็มีอัธยาศัยไม่เลว เนื่องจากนางมีเรี่ยวแรงมาก เพียงคนเดียวก็สามารถทำงานได้เท่ากับสิบคน ทั้งยังไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอีกด้วย
ดังนั้นเวลาที่ผู้อาวุโสหรือสตรีทำงานไม่ไหว นางก็จะอาสาไปช่วยเหลือทั้งสิ้น
เนิ่นนานเข้าไม่ว่าผู้ใดนางก็ล้วนเจรจาพาทีกับเขาได้
บางครั้งยามนายท่านของนางไม่พอใจก็จะให้ฮวาอู๋ฉยงเล่าเรื่องสมัยที่อยู่ในหมู่บ้านให้ฟัง
ยามพูดขึ้นมาฮวาอู๋ฉยงก็จะพูดอย่างไร้ขอบเขต
‘ข้าเก่งกาจนัก เคยแบกป้าอู๋วิ่งข้ามเขาเพื่อไปหาหมอช่วยชีวิตนางได้ด้วย ตอนเด็กข้าก็ต่อยวัวคลั่งตัวหนึ่งจนตายมาแล้ว ทั้งยังเคยตีเสือโคร่งบนเขาตัวหนึ่งตายด้วยนา’
‘ไม่ผิด เป็นเสือโคร่งจริงๆ เลยเชียว’
‘เวลานั้นลุงจางที่เป็นนายพรานเกือบถูกเสือโคร่งนั่นกินแล้ว ข้าร้อนรนจนตาแดง แย่งมีดผ่าฟืนของท่านลุงมา แล้วก็ขึ้นไปฟันเจ้าเสือโคร่งนั้นจนตาย ตอนนี้ที่หลังข้ายังมีรอยแผลเป็นจากการถูกเสือตะปบอยู่เลย’
‘เป็นอย่างไร เก่งใช่หรือไม่’
แรกเริ่มเดิมทีนายท่านก็ชอบฟัง ต่อมาภายหลังกลับไม่ชอบฟังแล้ว
บางครั้งเขาก็ถามว่าการพานางออกมาจากป่าเขานั้น เขาทำผิดพลาดหรือไม่
นางไม่เข้าใจ
นางพูดกับเขาว่า ‘นอกป่ามีของอร่อยของน่าเล่นมากมาย นายท่านดีกับข้ายิ่งนัก ทั้งยังหาคนมาสอนหนังสือสอนวรยุทธ์แก่ข้า ข้าอยู่กับนายท่านก็ได้สังหารคนเลว ได้เป็นวีรชนด้วย’
ใช่แล้ว เป็นวีรชน
ตอนเด็กความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นหนานถูกับต้าเหยายังไม่ได้ตึงเครียดเช่นนี้ เมื่อครั้งหมู่บ้านยังคึกคักมักมีเด็กจากแคว้นหนานถูมาที่หมู่บ้าน มาดูคนปั้นน้ำตาลปั้นดูงิ้วกับพวกนาง
เวลานั้นในหมู่บ้านมักแสดงงิ้วเกี่ยวกับแม่ทัพใหญ่ยอดวีรชนแห่งรัชสมัยก่อน เด็กๆ แต่ละคนที่ได้ดูล้วนร้องบอกว่าจะเป็นวีรชนให้ได้
ฮวาอู๋ฉยงเองก็เช่นกัน นางไม่เพียงต้องการเป็นวีรชน หากยังต้องการเป็นวีรชนใหญ่ผู้เก่งกาจอาจหาญที่สุดอีกด้วย
ดังนั้นตอนที่นางออกมาจากหมู่บ้าน นายท่านถามนางว่า ‘เจ้าอยากได้สิ่งใด’
ฮวาอู๋ฉยงกล่าวโดยไม่ต้องคิดว่า ‘ข้าอยากเป็นวีรชน’
นายท่านเอ่ย ‘ได้ เจ้าติดตามข้า หากงานข้าสำเร็จลุล่วงเจ้าก็จะเป็นวีรชนอย่างแท้จริง’
เวลานั้นฮวาอู๋ฉยงดีใจเหลือเกิน
นายท่านของนางแตกต่างดังคาด ไม่เหมือนกับเหล่าผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่ทำเพียงสาดน้ำเย็น* ใส่นาง บอกว่านางเป็นแม่นางน้อย ไม่อาจเป็นวีรชนยิ่งใหญ่ได้
ผู้ใดกล่าวว่าสตรีไม่อาจเป็นวีรชนยิ่งใหญ่ นางสังหารคนเลวได้มากมายเหลือเกิน ช่วยเหลือชาวบ้านได้มากมายยิ่งนัก
นางจะเป็นวีรชนยิ่งใหญ่ให้จงได้
* มังกรห้ากรงเล็บ คือสัญลักษณ์ของโอรสสวรรค์ ส่วนมังกรสี่กรงเล็บอาจหมายถึงองค์ชาย
* สาดน้ำเย็น หมายถึงการพูดจาให้เสียกำลังใจ
Comments
