ทดลองอ่าน เลิกเรียนแล้วเจอกัน เล่ม 1 บทที่ 5-6 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน เลิกเรียนแล้วเจอกัน เล่ม 1 บทที่ 5-6 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 6

 

“…”

ความเงียบอันแสนอ้างว้าง

ลมเย็นๆ พัดผ่านม่านหน้าต่างจนเลิกขึ้น โทรศัพท์มือถือที่โยนไว้บนโต๊ะดังติ๊งๆ ขึ้นมาสองที ถึงได้กระชากอวี้ฝานออกมาจากความตื่นตะลึง

เขาจ้องเฉินจิ่งเซินอยู่นานมาก

สีหน้าของเฉินจิ่งเซินไม่กระเพื่อมไหวเลยแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะจดหมายรักงี่เง่าฉบับนั้นยังคงถูกทับไว้ใต้นิ้วมือเขา อวี้ฝานคงยังนึกสงสัยว่าเมื่อกี้ตัวเองหูฝาด

อวี้ฝานแข็งค้างอย่างไร้ซึ่งคำพูดอยู่พักหนึ่ง เขากำหมัดแน่นแล้วคลายออก หลังจากทำซ้ำไปซ้ำมาหลายทีเขาก็กลับลงไปนั่งอีกครั้ง

เสียงมือถือดังหนวกหูจนรู้สึกปวดหัว เขายกมือถือในมือขึ้นมาตั้งค่าเป็นโหมดเงียบ กว่าจะหาเสียงเจอ “…นายบ้าหรือเปล่า ฉันเป็นผู้ชายนะ”

เฉินจิ่งเซินทิ้งจดหมายไว้บนโต๊ะแล้วยืนตัวตรง “ฉันรู้”

“รู้แล้วนายยัง…” อวี้ฝานชะงัก “นายเป็นเกย์?”

เฉินจิ่งเซินหลุบตาลงแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงอันเย็นเยียบก็เปล่งออกมาจากลำคอ “อืม”

“…”

เฉินจิ่งเซินถาม “นายเกลียดเกย์?”

“…ก็ไม่เชิง” เนิ่นนานกว่าอวี้ฝานจะส่งเสียง เขามองออกไปนอกหน้าต่างและกล่าวอย่างรวดเร็ว “แต่ฉันไม่ใช่ ฉันชอบผู้หญิง”

“นายมีผู้หญิงที่ชอบ?”

เป็นครั้งแรกที่อวี้ฝานถูกผู้ชายสารภาพรัก สมองจึงมึนงงเล็กน้อย เมื่อได้ยินแบบนั้นก็หลุดปากตอบไปว่า “เปล่า”

พูดจบเขาก็พลันได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง กำลังจะบอกว่าเกี่ยวอะไรกับนายด้วย…

“งั้นนายรู้ได้ยังไงว่านายชอบผู้หญิง”

“…?”

นี่มันตรรกะบ้าอะไรของนายเนี่ย

“สรุปว่าฉันไม่ใช่เกย์ และก็ไม่มีทางคบกับนาย…” สองคำสุดท้ายอวี้ฝานไม่ได้พูดออกไป มันออกจะประหลาดไปหน่อย

เขาหยิบจดหมายรักที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วยื่นไปตรงหน้าเฉินจิ่งเซินเหมือนหิ้วลูกระเบิด “อันนี้ รีบเอาไปซะ”

เฉินจิ่งเซินไม่รับ

อวี้ฝานถือจดหมายที่แสลงมือฉบับนั้นไว้สิบกว่าวินาที รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับคนโง่ “นายจะเอาไม่เอา ถ้าไม่เอาฉันจะฉีกแล้ว”

เฉินจิ่งเซินจ้องใบหูเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยว่า “ฉีกสิ”

อย่างไรเสียฉบับนี้เขาก็ลบๆ แก้ๆ เขียนออกมาไม่ได้พอใจเท่าไหร่อยู่แล้ว

อวี้ฝานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อดทนไว้ไม่ให้วู่วามต่อยคน ก้มหน้าหากระเป๋ากางเกงของเฉินจิ่งเซิน คิดจะยัดกลับไป…

“อวี้ฝาน!” เสียงอันคุ้นเคยดังก้องไปทั่วทั้งทางเดินชั้นสาม

อวี้ฝานยังไม่ทันได้แตะต้องเสื้อผ้าของเฉินจิ่งเซิน แค่ได้ยินเสียงก็มือสั่นแล้ว เขาชะงักค้างอยู่กลางอากาศชั่วขณะ

ตาเห็นเงาร่างที่อยู่ข้างนอกกำลังจะเข้าประตูมา อวี้ฝานก็เก็บจดหมายกลับมาทันที เขายัดมันเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองอย่างลนลาน

ขณะเดียวกันหวังลู่อันก็เข้ามาจากนอกประตู “อวี้ฝาน ฉันส่งข้อความให้นายทำไมนายไม่ตอบ…”

เมื่อเห็นสถานการณ์ด้านในชัดเจน หวังลู่อันก็ตะลึงงัน “ทำอะไรกันน่ะ”

“ทำไมนายกลับมาอีก” อวี้ฝานหันหน้าไปแล้วถามอย่างร้อนรน

“ทำการบ้านตกที่ห้องเรียน ตอนกลับมาเห็นเสืออ้วนไปเข้าห้องน้ำพอดี ก็เลยอยากให้นายช่วยฉันหยิบมาแล้ววิ่ง…” หวังลู่อันจ้องเขาพักหนึ่ง ถามอย่างตกตะลึง “ทำไมนายหูแดงขนาดนี้”

“…?” อวี้ฝานกุมใบหูพลางขมวดคิ้ว “นายดูผิดแล้ว”

“จริงๆ นะ!” จู่ๆ หวังลู่อันก็นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ตนเองเห็นตอนเข้าประตูมา ท่าทางของทั้งสองคนแปลกๆ และก็อยู่ใกล้กันมาก มองแล้วเหมือนกับว่ากำลังจะต่อยกัน…

เขามองไปทางเฉินจิ่งเซิน ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นายบิดหูเพื่อนฉัน?”

อวี้ฝานอยากจะควักเอาของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาอุดปากหวังลู่อันเสียจริง

เฉินจิ่งเซินกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรออกไป

ในสายตาของหวังลู่อัน นี่เป็นการยอมรับไปโดยปริยาย เขากำลังจะถามต่อก็ถูกอวี้ฝานคว้าเสื้อแล้วดึงไปข้างหลัง

มือถือในกระเป๋าเป้เริ่มสั่นต่อเรื่อยๆ หนแล้วหนเล่า ครั้งนี้เป็นสายโทรเข้า

เฉินจิ่งเซินไม่สนใจ เขาใช้นิ้วชั่งน้ำหนักกระเป๋าเป้ครู่หนึ่งและกล่าวต่อด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ฉันเริ่มสนใจนายมาตั้งแต่ตอน ม.ปลายปีหนึ่ง แล้ว”

อวี้ฝาน “…”

หวังลู่อัน “…?”

“ตอนงานกีฬา ฉันเคยดูการแข่งขันของนาย”

อวี้ฝาน “…?”

หวังลู่อัน “…???”

“ฉันจริงจังนะ” เฉินจิ่งเซินปล่อยมือไว้ข้างลำตัว “หวังว่านายจะคิดให้ดี”

 

รอบนี้เสืออ้วนไปเข้าห้องน้ำนานมาก สุดท้ายอวี้ฝานจึงได้ออกทางประตูหลักของโรงเรียนอย่างโจ่งแจ้ง

เขาอารมณ์ไม่ดี นักเรียนที่อยู่รอบๆ เห็นแล้วต่างก็หลีกไปด้านข้างสองก้าวโดยสัญชาตญาณ

หวังลู่อันมองเขาไม่รู้กี่ที ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก “นายรู้สึกไหมว่าคำพูดที่เฉินจิ่งเซินพูดเมื่อกี้มันคุ้นหูอยู่หน่อยๆ…”

“ไม่รู้สึก”

“เหรอ” หวังลู่อันเกาศีรษะ “เขามาหานายทำไมน่ะ”

สีหน้าของอวี้ฝานยิ่งบูดบึ้ง เขาเม้มปาก นานสองนานกว่าจะพูดออกมาประโยคหนึ่ง “…นัดต่อย”

“…?”

หวังลู่อันงุนงง “งั้นที่เขาบอกว่าสนใจนายตั้งแต่ ม.ปลายปีหนึ่ง…”

“ก็ไม่ถูกชะตาฉันตั้งแต่ ม.ปลายปีหนึ่ง ไง”

“เขายังเคยไปดูการแข่งขันของนายตอนงานกีฬา…”

“อยากดูว่าฉันเจ๋งแค่ไหนไงล่ะ”

“สุดท้ายเขาบอกให้นายคิดดีๆ…”

“คิดเรื่องที่จะตีกับเขาสักยก”

หวังลู่อัน “…”

แปลกๆ แต่ก็มีเหตุผล ถึงอย่างไรเขาเองก็ไม่คิดว่าระหว่างสองคนนี้จะยังมีเรื่องอะไรอย่างอื่นได้อีก

หวังลู่อันถามไปส่งๆ “งั้นสุดท้ายพวกนายคุยกันได้เรื่องหรือเปล่า”

“คุยกับผีน่ะสิ!”

“…”

พวกเขาผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต หวังลู่อันนึกขึ้นได้ว่าขนมที่ซ่อนไว้ในบ้านใกล้จะกินหมดแล้ว จึงอยากซื้อของเข้าบ้านไปสักหน่อย

อวี้ฝานยืนรออยู่ข้างนอก

ตอนเย็นอากาศเย็นมาก คู่รักคู่หนึ่งเดินผ่านหน้าเขาไป มือของผู้หญิงซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อของผู้ชาย

อวี้ฝานขยำจดหมายที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง จู่ๆ ก็อยากสูบบุหรี่ขึ้นมาอีก

อันที่จริงเขาตั้งใจจะเลิกบุหรี่ ช่วงนี้รักษาระยะสูบเป็นสามวันสูบมวนหนึ่งก็ได้ผลนิดหน่อย

ซึ่งจะถูกทำลายในเงื้อมมือของเฉินจิ่งเซินไม่ได้

คิดๆ อยู่อวี้ฝานก็หันหน้าไปพ่นลมหายใจ สายตาเหลือบไปเห็นถังขยะตรงมุม

เขาลังเลครู่หนึ่งแล้วเดินไปข้างถังขยะ นิ้วมือสองนิ้วหนีบจดหมายฉบับนั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง ห้อยอยู่เหนือถังขยะ

ลมพัดมา ซองจดหมายก็ไหวตามไปด้วย

หลังจากนั้นสองวินาทีเขาก็ ‘จิ๊’ เบาๆ ทีหนึ่ง แล้วเก็บมือกลับมา…

“เชี่ย! จดหมายรัก?”

อวี้ฝานเคลื่อนไหวเร็วมาก ตอนหวังลู่อันพุ่งเข้ามา ของสิ่งนั้นก็กลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาอีกครั้งแล้ว

หวังลู่อันหิ้วถุงพลาสติก “ใครให้นายน่ะ เมื่อกี้? ทำไมฉันไม่เห็น”

อวี้ฝานเดินไปข้างหน้า “นายดูผิดแล้ว”

“ไม่มีทาง ฉันค่าสายตา 5.2!” หวังลู่อันเข้าใจในทันที “ฉันรู้แล้ว ต้องเป็นตอนนั้นที่นายกลับไปเขียนคำสำนึกผิดแน่เลย…มิน่าล่ะนายถึงได้หูแดงขนาดนี้”

หวังลู่อันเล่นด้วยกันกับเขามาตั้งแต่ตอนมัธยมต้นปีสอง

คนอย่างอวี้ฝาน สู้หนึ่งต่อห้าไม่สะทกสะท้าน ยืนอ่านคำสำนึกผิดต่อหน้าคนหลายพันคนก็ไม่ตื่นสนามเลยแม้แต่น้อย แต่ไหนแต่ไรเขาก็มีท่าทางห้าวๆ ตลอด ทำให้คนคิดว่าเขาไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน…

กระทั่งขึ้นมัธยมปลาย มีนักเรียนหญิงมาสารภาพรักกับอวี้ฝาน

นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอวี้ฝานหน้าแดง

เขาก้มหน้าแม้ปกติจะต่อยตีตาไม่กะพริบ ใบหูแดงก่ำ กล่าวขอโทษผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่สูงร้อยห้าสิบนิดๆ ถึงขั้นไม่กล้ามองอีกฝ่าย

ตั้งแต่วันนั้นเขาก็รู้ว่าเพื่อนยากที่ดูท่าทางหยิ่งของเขาคนนี้ เบื้องหลังก็แค่นักเรียนมัธยมที่ไร้เดียงสาสุดๆ

“จะจบไม่จบ?” มาถึงทางแยกพอดีอวี้ฝานหมุนตัวหนีไปอีกทางโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา “ไปแล้วนะ”

 

อวี้ฝานกลับบ้านแล้วพุ่งไปอาบน้ำทันที ตอนออกมาชั้นบนยังคงส่งเสียงดังตึงๆ ตังๆ ไม่หยุด

การที่ห้องพักราคาถูกไม่เก็บเสียงนี้เขาคุ้นชินจนเป็นปกติ ก่อนจะไปส่องที่หน้ากระจก

แผลบนใบหน้าจางลงนิดหน่อย คิดว่าอีกไม่กี่วันก็คงหายดีแล้ว

ก็แค่น่าเกลียด

อวี้ฝานใช้ผ้าขนหนูออกแรงขยี้หน้า กระทั่งรู้สึกเจ็บที่แผลถึงได้หยุด

เขาเดินลากรองเท้าสลิปเปอร์ออกมาจากห้องน้ำ ฉวยหยิบเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาด้วย เพิ่งจะแกะห่อ จู่ๆ ก็มีเสียง ‘ก๊อกๆ’ ดังที่ประตูสองที

เสียงนี้ราวกับเคาะที่ขมับของเขา

การเคลื่อนไหวของอวี้ฝานหยุดชะงัก ขณะเงยหน้า ท่าทางเอื่อยเฉื่อยบนใบหน้าก็หายไปหมดสิ้น ในก้นบึ้งดวงตาปรากฏความเย็นชาและระแวดระวังออกมาหลายส่วน

เขาจ้องที่รอยแยกของประตู

อวี้ฝานปล่อยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วหมุนตัวไปเปิดประตู

เขาจับลูกบิดประตู หมุนเปิดอย่างไม่ค่อยนุ่มนวลเท่าไรนัก ขึงตามองไปนอกประตูก็ไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง

อวี้ฝานขมวดคิ้ว ขณะกำลังจะปิดประตู สายตาก็เหลือบไปเห็นศีรษะเล็กๆ ที่ดำสนิท

เขาค่อยๆ ก้มหน้า สบตากับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้า

เธอเป็นเด็กน้อยของครอบครัวที่เพิ่งย้ายเข้ามาครอบครัวนั้น เคยเจอกันเมื่อวานที่ชั้นล่าง อีกฝ่ายถักเปียสองข้าง ใบหน้าจ้ำม่ำ

ท่าทางของอวี้ฝานดุดันเกินไป เด็กหญิงจึงหางลู่หูตก หวาดกลัวอยู่บ้าง

คนตัวโตกับคนตัวเล็กประจันหน้ากันครู่หนึ่ง

“ทำอะไรน่ะ” อวี้ฝานเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน เขายังไม่ได้ขจัดอารมณ์เมื่อครู่ออกไปทั้งหมด น้ำเสียงยังคงตึงๆ

เด็กหญิงตัวสั่นพักหนึ่ง

สั่นจริงๆ

อวี้ฝาน “…”

อวี้ฝานถอนหายใจ ก่อนนั่งยองๆ ลงให้ระดับสายตาเท่ากับเธอ “พูดสิ”

ในมือเด็กหญิงถือถุงหิ้วที่ขนาดใหญ่กว่าหน้าของเธอ เด็กหญิงรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ย “หม่าม้าบอกว่าเมื่อวานหม่าม้าเก็บกวาดห้อง เสียงดังมาก คืนนี้จะไม่ทำแล้ว เลยให้หนูเอาเกี๊ยวมาให้พี่…พี่ชายอย่าโกรธเลยนะ”

“รู้แล้ว” อวี้ฝานมองถุงแวบหนึ่ง “เธอเอากลับไปเถอะ ฉันไม่เอา”

เด็กหญิงยืนนิ่งไม่ขยับ มองเขาตาปริบๆ

อวี้ฝานย่นคิ้ว “ฟังไม่เข้าใจ?”

เด็กหญิงกอดเกี๊ยวเอาไว้แล้วตัวสั่นอีกครั้ง

“…”

สักพักอวี้ฝานก็หิ้วถุงพลาสติกกลับเข้าไปในห้อง เอาเกี๊ยวทั้งหมดยัดใส่ตู้เย็นแล้วกลับไปต้มบะหมี่

คนที่อยู่ชั้นบนพูดคำไหนคำนั้น ตอนกลางคืนไม่ได้ส่งเสียงอีกเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่จนถึงตีสองอวี้ฝานก็ยังนอนไม่หลับ หลายวันมานี้การนอนของเขาแย่มาก ไม่รู้ว่าเป็นผลพวงมาจากการเปิดภาคเรียนหรือเปล่า

เขาขยุ้มผมตัวเอง ตัดสินใจเลิกดิ้นแล้วลุกขึ้นจากเตียงไปดื่มน้ำที่ห้องรับแขก

ขณะกำลังรินน้ำ อวี้ฝานก็เห็นของที่อยู่ข้างเหยือกน้ำ จึงชะงักไปเล็กน้อย

ก่อนอาบน้ำเขามักจะโยนของที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงทั้งหมดไว้ที่โต๊ะกินข้าวตามความเคยชิน ตอนนี้มีกุญแจพวงหนึ่ง บัตรซื้ออาหารของโรงเรียน เศษเงินจำนวนหนึ่ง และซองจดหมายสีชมพูฉบับหนึ่งวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ

อวี้ฝานจ้องของเหล่านั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบแก้วน้ำแล้วเดินจากไป

สักพักเขาก็เอี้ยวตัวกลับมาหน้าตาเฉย แล้วดึงซองจดหมายออกมาจากข้าวของในกองนั้นและหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง

ก่อนหน้านี้อวี้ฝานก็เคยได้รับจดหมายรักของผู้หญิงหน้าบาง หลังจากเขาปฏิเสธก็ล่าถอยกลับไปทันที นี่เป็นครั้งแรกที่รับไว้แล้วเอากลับบ้านมาด้วย

เขานอนจ้องซองจดหมายในมืออยู่บนเตียง ทันใดนั้นก็นึกถึงเครื่องแบบที่ถูกระเบียบเกินไปของเฉินจิ่งเซิน และท่าทางไม่ไว้ไมตรีของอีกฝ่ายขณะปฏิเสธจางเสียนจิ้ง

เขาอยากดูสักหน่อยว่าคนแบบนี้จะเขียนอะไรออกมาได้

มือข้างหนึ่งของอวี้ฝานวางไว้ที่ท้ายทอย เขานอนหงายอย่างเกียจคร้าน พลิกนิ้วไปตามอารมณ์แล้วแกะปากซองจดหมาย

ซองและผนึกของจดหมายรักฉบับนี้ล้วนเป็นสีสันสดใส แต่ข้างในกลับเป็นเพียงกระดาษจดหมายธรรมดาๆ แผ่นหนึ่ง…เป็นกระดาษที่เฉินจิ่งเซินเขียนในห้องเรียนหลังเลิกเรียนแผ่นนั้น

“…”

ถ้ารู้แต่แรกตอนนั้นก็คงหนีไปแล้ว

ลายมือของเฉินจิ่งเซินเล็กบาง ในความบรรจงก็มีความหวัดอยู่หลายส่วน ราวกับเคยฝึกมาก่อน

อวี้ฝานหนีบกระดาษจดหมายแผ่นนั้น เริ่มอ่านตั้งแต่ต้น…

 

นักเรียนอวี้มัธยมปลายปีสองห้องเจ็ด :

สวัสดี

ฉันคือเฉินจิ่งเซินมัธยมปลายปีสองห้องเจ็ด

 

ในจดหมายมีลายมือสองแบบทั้งเข้มและอ่อน สีเข้มน่าจะเขียนเพิ่มตอนเลิกเรียน

เลข ‘เจ็ด’ ใน ‘มัธยมปลายปีสองห้องเจ็ด’ ที่อยู่ข้างหลังเดิมทีน่าจะเป็น ‘หนึ่ง’ รอยหมึกสีเข้มเติมขีดไว้ด้านบนขีดหนึ่ง กลายเป็น ‘เจ็ด’

 

ไม่รู้ว่านายจำฉันได้หรือเปล่า พวกเราเคยเจอกันหลายครั้งตรงแถวเคารพธงชาติ

มัธยมปลายปีหนึ่งตอนเคารพธงชาติครั้งแรก นายพูดจาฉะฉานอยู่บนโพเดียม ร่างที่อ่านคำสำนึกผิดอย่างไหลลื่นสลักลึกอยู่ในห้วงสมองของฉัน

และก็เป็นตั้งแต่ตอนนั้นแหละที่ฉันเริ่มสนใจนาย

ฉันเริ่มจับตาดูส่วนท้ายตารางอันดับผลคะแนนของชั้นปี เดินผ่านห้องเจ็ดเป็นครั้งคราวก็จะมองท้ายทอยตอนนายหลับแวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ตอนเข้าเรียนก็อดไม่ได้ที่จะมองออกไปนอกหน้าต่างตอนที่นายถูกครูลงโทษให้วิ่งที่สนามกีฬา

เอาแต่จับตาดูนายมาตลอดหนึ่งปีโดยไม่รู้ตัว

สอบใหญ่ครั้งหนึ่งฉันพบว่าอันดับผลคะแนนของนายขยับขึ้นมาหนึ่งอันดับ ฉันรู้สึกมีความสุขและยินดีกับนายจากใจจริง และก็ตระหนักได้ถึงความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อนาย

ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อแสดงความจริงใจของฉันที่มีต่อนาย

 

หลังจากนี้ล้วนเป็นหมึกสีเข้ม

 

แม้ตอนสอบปลายภาคเทอมที่แล้วนายจะกลับไปอยู่อันดับท้ายสุดอีกแล้ว แต่ฉันเชื่อว่านายมีพรสวรรค์ในการเรียน โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ ถึงยังไงผลสอบเก้าคะแนนนี้คนปกติก็ใช่ว่าจะสอบได้มา

เพราะฉะนั้นขอแค่นายยอมขยัน จะต้องได้ผลคะแนนที่ดีขึ้นแน่นอน

ข้างล่างเป็นหนังสือติวกับตะลุยโจทย์ที่ฉันจะแนะนำให้นาย

วิถีมือใหม่เรียนคณิตศาสตร์, นกโง่บินก่อน 2017, สรุปหน่วยความรู้คณิตศาสตร์ ม.ต้น

ขอให้การสอบราบรื่น การเรียนก้าวหน้า

เฉินจิ่งเซิน

 

อวี้ฝาน “…?”

อวี้ฝาน “…”

เชี่ยอะไรเนี่ย

สมควรแล้วที่ภาษาจีนของนายได้ 110 คะแนน

 

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com