ทดลองอ่าน เลิกเรียนแล้วเจอกัน เล่ม 1 บทที่ 5-6 #นิยายวาย – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน เลิกเรียนแล้วเจอกัน เล่ม 1 บทที่ 5-6 #นิยายวาย

หน้าที่แล้ว1 of 2

ทดลองอ่าน เลิกเรียนแล้วเจอกัน เล่ม 1 

ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)

แปลโดย : Lucky Luna

ผลงานเรื่อง : 放学等我

ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน

จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว

หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

– – – – – – – – – – – – – – – – –

 

Trigger Warning

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน

ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ

เนื้อหามีประเด็นอ่อนไหวเกี่ยวกับความรุนแรง ปัญหาครอบครัว

การทำร้ายทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางจิตใจ

 

สำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

** หมายเหตุยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

– – – – – – – – – – – – – – – – –

บทที่ 5

 

“ไม่ได้” สองคำที่เรียบเฉยลอยเข้ามาจากนอกหน้าต่าง

“นายดูสิ ฉันว่าแล้ว!” หวังลู่อันพูดอย่างได้ใจ

อวี้ฝานไม่สนใจเขา ลากเก้าอี้มาใหม่ กอดอกแล้วนั่งพิงไปข้างหลัง

จางเสียนจิ้งเบะปากอย่างเสียดาย “นายมีแฟนแล้ว?”

“เปล่า”

“งั้นทำไมไม่ได้ล่ะ นายไม่อยากมีแฟน หรือว่ามีคนที่ชอบแล้ว?” จางเสียนจิ้งมองชุดเครื่องแบบของเขาพลางคาดเดา “หรือว่านายไม่ชอบคนที่ผลการเรียนแย่?”

“เปล่า” เฉินจิ่งเซินว่า “ก็แค่ไม่ชอบเธอ”

จางเสียนจิ้ง “…”

หวังลู่อัน “…”

เขามองใบหน้าด้านข้างอันเย็นชาของอันดับหนึ่งของสายชั้น ความคิดที่จะให้อีกฝ่ายช่วยโกงดับมอดไปโดยสิ้นเชิง “เชี่ย เด็กท็อปคนนี้พูดจาตรงเกินไปแล้วมั้ง”

อวี้ฝานเล่นไฟเช็ก ไม่ได้แปลกใจเลยสักนิด

ใบหน้ากวนโอ๊ยพูดคำพูดกวนโอ๊ยก็เหมาะทีเดียว

ความเศร้าสร้อยของจางเสียนจิ้งอยู่แค่สองวินาที “ฉันรู้ ไม่เป็นไร ก็แค่ไม่ชอบตอนนี้นี่นา พวกเรายังต้องอยู่ร่วมห้องกันอีกหนึ่งปี ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ฉันมีความอดทนมาก อันที่จริงตอนฉันอยู่ ม.ปลายปีหนึ่ง ก็เริ่มสนใจนายแล้ว ตอนงานกีฬาฉันยังเคยไปดูรายการแข่งของนายเลย ไม่คิดว่าเทอมนี้นายจะย้ายมาที่ห้องฉัน…”

ในที่สุดสีหน้าท่าทางของเฉินจิ่งเซินก็มีการเปลี่ยนแปลงเสี้ยวหนึ่ง เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย จ้องมองเธอสองวินาทีคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง

ผ่านไปสักพักเขาก็ถามว่า “พวกเราอยู่ห้องเดียวกัน?”

จางเสียนจิ้ง “…”

รอยยิ้มของจางเสียนจิ้งแข็งค้าง อธิบายว่า “ฉันนั่งอยู่ข้างหน้านายมาวันหนึ่งแล้วนะ”

เฉินจิ่งเซินคิดครู่หนึ่ง “ขอโทษด้วย จำไม่ได้”

นายเป็นโรคจำหน้าคนไม่ได้หรือไง ฉันหันไปจนหัวแทบขาดอยู่แล้ว นายบอกว่านายจำไม่ได้?

สีหน้าของจางเสียนจิ้งแทบจะดึงไว้ไม่อยู่ เธออ้าปากกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ถูกเสียงกริ่งเลิกเรียนที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันขัดจังหวะเสียก่อน

เฉินจิ่งเซินเองก็ได้ยินแล้ว เขามองไปทางสนามหญ้าแวบหนึ่งแล้วหันหน้ากลับมา “ยังมีธุระอีกไหม”

“มี” จางเสียนจิ้งบอกตัวเองว่าต้องใจเย็นๆ “งั้นพวกเราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม แอดวีแชตได้หรือเปล่า”

“ไม่มี”

“…อะไรนะ”

“ฉันไม่มีวีแชต”

เฉินจิ่งเซินเดินจากไปแล้ว จางเสียนจิ้งยืนนิ่งอยู่ที่เดิมนานสองนาน

หวังลู่อันดูจนพอใจแล้วหมายจะออกไปจากตรงนี้ ก็เห็นว่าจู่ๆ จางเสียนจิ้งหันหน้ามาแล้ววิ่งตรงมาทางพวกเขา

“หวังลู่อัน! นายพูดมาซิ!” จางเสียนจิ้งยืนอยู่นอกหน้าต่าง ยื่นมือเข้ามาคว้าเสื้อของหวังลู่อัน “ฉันสวยไหม”

“สวยสิสวย สวย!” หวังลู่อันยกไหล่ขึ้นมา

“งั้นทำไมเฉินจิ่งเซินถึงมีท่าทีอย่างนี้ล่ะ”

“นั่นสิ!” หวังลู่อันถาม “เธอรู้ได้ยังไงว่าพวกฉันอยู่ตรงนี้”

“เห็นตั้งนานแล้ว พวกนายสูบไปเท่าไหร่แล้ว เหม็นชะมัด” จางเสียนจิ้งปล่อยเขาแล้วมองไปยังอีกคนที่ไม่เปิดปากพูดมาโดยตลอด “อวี้ฝาน นายว่าฉันสวยไหม”

อวี้ฝานว่า “ช่างเถอะ”

จางเสียนจิ้งหัวเราะ มือข้างหนึ่งของเธอค้ำบนขอบหน้าต่าง “วันนี้ไม่ได้ดูให้ดีๆ บนหน้านายนี่ดูไม่จืดจริงๆ”

หวังลู่อันกล่าว “เธอไม่เข้าใจหรอก นี่เป็นเหรียญเกียรติยศของเพื่อนฉัน”

“เกียรติยศนี้ให้นายเอาไหม” อวี้ฝานถาม

“ไม่เอาๆ” หวังลู่อันหัวเราะแหะๆ ก่อนจะถามจางเสียนจิ้ง “เฮ้อ เธอชอบเฉินจิ่งเซินมาตั้งแต่ ม.ปลายปีหนึ่ง จริงๆ เหรอ”

“จะเป็นไปได้ยังไง ถ้าชอบตั้งแต่ ม.ปลายปีหนึ่ง ฉันยังจะอดกลั้นจนถึงตอนนี้ได้เหรอ” จางเสียนจิ้งกล่าว “ก็พูดไปงั้น”

“…” หวังลู่อันงุนงง “งั้นนี่เป็นรักแรกพบของเธอ?”

“ก็ไม่เชิง”

จางเสียนจิ้งทึ้งผมครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาอยู่ในท่าทางสวยสง่าอย่างเคย

“ฉันรู้สึกว่าเขาหน้าตาหล่อไม่ใช่หรือไง เรียนก็ดี ถ้าคบกับคนแบบนี้ได้จริงๆ ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการบ้านเรื่องสอบแล้ว” จางเสียนจิ้งคิดอย่างนี้ก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย “พวกนายว่าฉันยังมีโอกาสหรือเปล่า”

อวี้ฝานไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ไม่มี”

“ฉันเองก็คิดว่า…” หวังลู่อันพูดไปได้ครึ่งเดียว เมื่อสบเข้ากับสายตาเชิงข่มขู่ของจางเสียนจิ้งก็เปลี่ยนเรื่องทันที “ที่สำคัญน่ะ เทสต์ของเด็กท็อปพวกนี้ต่างก็พิเศษ แล้วถ้าเกิดเฉินจิ่งเซินไม่ชอบคนแบบเธอล่ะ”

“งั้นเขาชอบคนแบบไหนล่ะ”

หวังลู่อันยิ่งพูดยิ่งคึก วาดไม้วาดมือ “ก็ประเภทที่รวบผมทั้งหมดไว้ข้างหลัง ตาเล็กๆ ริมฝีปากอวบอิ่ม ใส่แว่นหนาเตอะ ค่าสายตาแปดร้อย วันๆ เอาแต่เรียน บนหน้าเล็กๆ ซูบผอมยังมีสิวอีกหลายเม็ด…”

“เหลวไหล” จางเสียนจิ้งชะงักครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “งั้นตอนนี้ฉันไปตัดแว่นมาสักอันยังทันไหม”

อวี้ฝานฟังจนรำคาญแล้ว จึงลุกขึ้นพรวดแล้วเดินออกไปข้างนอก

แขนเสื้อของหวังลู่อันยังอยู่ในมือจางเสียนจิ้ง เห็นดังนั้นแล้วจึงรีบเอ่ยถาม “นายจะไปไหน”

“กลับบ้าน” อวี้ฝานตอบ “พวกนายก็ค่อยๆ เล่นกันนะ”

“ใครแม่งกำลังเล่นกับเธอกัน รอฉันด้วย เราไปด้วยกันเถอะ ถ้านายถูกดักอีกล่ะก็…เฮ้ยๆๆ สาวน้อย เสื้อฉันถูกเธอดึงขาดหมดแล้ว…”

จางเสียนจิ้งไม่ปล่อยมือ เธอนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดกับแผ่นหลังนั้น “อวี้ฝาน เรื่องเมื่อกี้อย่าเอาไปพูดข้างนอกล่ะ! ไม่งั้นฉันจะเอาเรื่องที่นายตีกับโรงเรียนข้างๆ ไปบอกฝ่างฉิน…”

“แล้วแต่เธอ” อวี้ฝานซุกสองมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เดินเลี้ยวขึ้นอาคารไป ประโยคหนึ่งดังก้องอยู่ในโถงทางเดิน “อย่าลืมบอกว่าฉันตีชนะด้วยล่ะ เธอจะได้ไม่ขายหน้า”

“…”

 

“เด็กท็อป นายเอามือถือมาโรงเรียนด้วยใช่ไหม” อู๋ซือเห็นคนที่เพิ่งกลับเข้ามาในห้องเรียนก็เอ่ยถาม

เพราะจวงฝ่างฉินติดนิสัยแปลกๆ คือหนึ่งเทอมจะปรับเปลี่ยนที่นั่งสองครั้ง ตอนนี้ที่นั่งในห้องจึงเป็นพวกนักเรียนเลือกนั่งกันเองมั่วๆ

อู๋ซือในฐานะนักเรียนที่ย้ายห้องมาย่อมนั่งด้วยกันกับนักเรียนที่ย้ายห้องมาอีกคนหนึ่ง

ตอนพวกเขาอยู่ห้องหนึ่งล้วนนั่งเรียงตามผลการเรียน ก่อนย้ายห้องอู๋ซือไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะมีวันที่ได้นั่งร่วมโต๊ะกับเฉินจิ่งเซิน

เฉินจิ่งเซินนั่งลง ก้มหน้าเก็บข้าวของ “อืม”

“เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงสั่นตั้งหลายที” อู๋ซือว่า “ในกระเป๋าเป้ของนาย”

เฉินจิ่งเซินหยิบมือถือออกมา หน้าจอแสดงข้อความที่ยังไม่ได้อ่านห้าข้อความ

เขาจ้องชื่อผู้ส่งสักพักถึงได้กดนิ้วลงบนหน้าจอ

อู๋ซือไม่ได้มีความคิดที่จะแอบดู แต่ที่นั่งใกล้กันมาก พอเขากลอกตาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นหน้าจอมือถือของเฉินจิ่งเซินพอดี

เป็นหน้าต่างข้อความ เห็นแวบๆ ไม่กี่คำ เช่น ‘แม่’ ‘ช่วยลูกย้ายห้อง’ ‘กลับบ้านเร็วหน่อย’

แม้จะเห็นไม่ชัดทั้งหมด แต่เมื่อจับมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันก็เข้าใจได้ง่ายมาก…ผู้ปกครองของนักเรียนตัวท็อปไม่ค่อยพอใจการแบ่งห้องในครั้งนี้และอยากให้เฉินจิ่งเซินย้ายห้อง

นี่เป็นเรื่องปกติมาก พ่อแม่เขาเองก็อยากให้เขาย้ายห้องเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ครอบครัวเขาไม่ได้เลิศเลอเท่าครอบครัวเฉินจิ่งเซิน ไม่สามารถบอกว่าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้

อู๋ซือกำลังทอดถอนใจว่าตนเองยังได้ประโยชน์จากเด็กท็อปไม่เท่าไหร่ก็จะย้ายไปแล้ว เขาเห็นเฉินจิ่งเซินโยนโทรศัพท์มือถือกลับเข้าไปในกระเป๋าเป้อีกครั้ง แล้วฉวยดึงหนังสือตะลุยโจทย์ออกมาเล่มหนึ่ง ก่อนก้มหน้าก้มตาทำโจทย์เงียบๆ

เขาตะลึงงัน “เด็กท็อป เลิกเรียนแล้วนายยังไม่กลับบ้านเหรอ”

“อืม”

เนิ่นนานจนเฉินจิ่งเซินรู้สึกได้ถึงสายตาที่แผดเผาจากข้างกาย จึงหันหน้าไป “มีธุระ?”

อู๋ซือหัวเราะ รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย “ไม่มีอะไร ก็แค่มีโจทย์…ที่ฉันแก้ไม่ได้ ฉันเพิ่งไปที่ออฟฟิศมา ครูก็ไม่อยู่ เลยอยากถามนายว่าช่วยดูให้ฉันหน่อยได้ไหม แน่นอนว่าถ้านายยุ่งก็ถือซะว่าฉันไม่ได้พูด…”

“เอามาสิ”

“ฮะ?” อู๋ซือนิ่งงันก่อนจะได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว สองมือยื่นหนังสือตะลุยโจทย์ของตัวเอง “อ้อๆๆ เชิญนายเลย”

อู๋ซือถามจนกระจ่างแล้ว

เขาหอบกระเป๋าเป้จากไปด้วยความพอใจ ห้องเรียนจึงเหลือเพียงเฉินจิ่งเซินคนเดียว

มือถือในกระเป๋าเป้สั่นอีกครั้ง

เฉินจิ่งเซินแกว่งปากกาทำโจทย์ต่อคล้ายกับว่าไม่ได้ยิน

แสงสายัณห์ยามตะวันตกดินฉาบทั่วทั้งโรงเรียนเป็นประกายสีทอง

เฉินจิ่งเซินทำโจทย์เสร็จหน้าหนึ่งก็หมุนข้อมือ มองหมึกที่เปื้อนอยู่ข้างฝ่ามือก่อนจะลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำ

เมื่อล้างมือเสร็จแล้วกลับมา สายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่อยู่ชั้นล่างของอาคารฝั่งตรงข้าม เฉินจิ่งเซินชะงักฝีเท้า หยุดอยู่ตรงที่เดิม

ที่หน้าประตูออฟฟิศของหัวหน้าครู เป็นอวี้ฝานที่ยืนพิงผนัง มือข้างหนึ่งซุกกระเป๋าเสื้อด้วยสีหน้าหงุดหงิด

ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเขาถูกหัวหน้าครูหิ้วไว้ในมือแล้วส่งมาอังที่จมูกของตน

“ครูไม่รู้สึกเหรอครับว่าตัวเองเหมือนโรคจิต” อวี้ฝานถาม

“พูดเหลวไหลอะไร!” หูผางจับมือของเขาแล้วสอบสวน “เธอบอกว่าเธอไม่ได้สูบบุหรี่ งั้นกลิ่นบุหรี่ที่อยู่บนมือนี่ได้มายังไง!”

อวี้ฝานโคลงศีรษะไปอีกด้าน ไม่ปริปาก

ต้องขอบคุณคำสาปแช่งก่อนลากันของหวังลู่อันนั่น อวี้ฝานยังไม่ทันออกจากโรงเรียนก็ถูกดักไว้แล้ว

เขาเจอกับเสืออ้วนที่เพิ่งกลับมาจากประชุมพอดี อีกฝ่ายอยู่ห่างไปสิบเมตรก็ยืนกรานว่าบนตัวเขามีกลิ่นบุหรี่

จมูกสุนัขยังไม่ไวขนาดนี้เลย

“ไม่แถแล้ว?” หูผางปล่อยเขา “พรุ่งนี้เรียกผู้ปกครองของเธอมาด้วย!”

ชั่วพริบตาเดียวอวี้ฝานก็เผยท่าทางหงุดหงิดและรังเกียจที่ยากจะปกปิดออกมา

และด้วยความรวดเร็วสีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง “เรียกไม่ได้หรอกครับ”

“ทำไม ต้องให้ฉันบอกครูจวงโทรแจ้งผู้ปกครองที่บ้านเธอหรือไง”

“โทรไปก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน”

“หมายความว่าอะไร”

“ที่บ้านไม่มีใครหรอกครับ”

“…”

“ผมไม่มีแม่” อวี้ฝานหันกลับมาแล้วส่งยิ้มให้เขา “ส่วนอีกคนก็ตายไปนานแล้ว”

“…”

หูผางมองรอยยิ้มของเขา แล้วยืนอยู่ที่เดิมอย่างตะลึงงัน เนิ่นนานกว่าจะได้สติกลับมา

“เธอ…” เขายังคงอยู่ในอาการตกตะลึง “ทำไมฉันไม่เคยได้ยินครูจวงพูดถึง…”

อวี้ฝานกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “อาจเพราะอยากช่วยผมเก็บเป็นความลับมั้งครับ”

หูผางนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะลูบศีรษะโล้นๆ ของตนอย่างทำตัวไม่ถูก “นี่ ฉันไม่รู้จริงๆ…งั้นตอนนี้เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียว?”

“ประมาณนั้นครับ” อวี้ฝานมองท้องฟ้าที่ค่อยๆ มืดลง “ผมไม่ต้องเรียกผู้ปกครองแล้วสินะ”

ใครยังจะกล้าเรียกล่ะ

หูผางกระแอมทีหนึ่ง “ไม่ต้องแล้ว”

อวี้ฝานยืนตัวตรง กำลังจะบอกลาเสืออ้วนก็ถูกเขาบีบบ่าเอาไว้

“แต่เธอทำผิดกฎระเบียบของโรงเรียน ต้องถูกลงโทษอยู่ดี” หูผางตบบ่าเขาคล้ายเป็นการปลอบ “เอาอย่างนี้ เธอขึ้นไปเขียนคำสำนึกผิดสองพันคำมาสองฉบับตอนนี้เลย ทำพอเป็นพิธี ส่งแล้วค่อยกลับบ้าน”

“…”

“ฉันจะเดินหมากที่หน้าประตูโรงเรียน เขียนเสร็จก็เอามาส่งฉันด้วย”

อวี้ฝานเดินไปถึงระเบียงทางเดินของห้องเรียนอย่างเชื่องช้า ก้มหน้ามองไปทางหน้าประตูโรงเรียน

จากนั้นก็สบตากับหูผางที่จับจ้องเขาเดินขึ้นอาคารอยู่ตลอด

หูผางจัดวางโต๊ะหมากล้อมกับ รปภ. เฒ่าของโรงเรียนตรงป้อม รปภ. เห็นเขาก็รีบโบกมือ ใช้รูปปากพูดเร่งว่า…‘รีบไปเขียนซะ!’

อวี้ฝานจิ๊ปากทีหนึ่งแล้วหันหน้าเดินเข้าไปในห้องเรียน

เขาไม่คิดว่าเวลานี้ในห้องเรียนจะยังมีคนอยู่

เฉินจิ่งเซินนั่งอยู่ท่ามกลางอาทิตย์สายัณห์ ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวแต่ก็ไม่เงยหน้า ทั้งห้องเรียนมีเพียงเสียงสากๆ ที่ออกมาจากปลายปากกาของเขาซึ่งจรดลงบนกระดาษ

สายตาของอวี้ฝานกวาดผ่านโต๊ะของเฉินจิ่งเซินโดยจิตใต้สำนึก เห็นเพียงกระดาษบางๆ แผ่นหนึ่งที่เหมือนกระดาษทด

ทั้งสองคนไม่ว่าใครก็ไม่คิดจะสนทนากับอีกฝ่าย อวี้ฝานเดินไปยังที่นั่งของตัวเองเหมือนรอบข้างไม่มีใคร ใช้เท้าลากเก้าอี้ออกมานั่ง ล้วงเอามือถือออกมาเล่นฆ่าเวลา

ในนั้นมีวีแชตที่ยังไม่ได้อ่านหลายข้อความ

 

หวังลู่อัน นายถูกเสืออ้วนจับได้?

หวังลู่อัน เฮ้อ ทำไมนายกลับไปที่ห้องเรียนอีกแล้ว ฉันรอกลับพร้อมนายอยู่ที่ประตูโรงเรียนนะ

สั่งให้ฉันเขียนคำสำนึกผิดสองพันคำ

หวังลู่อัน …งั้นเอาไง นายต้องเขียนนานแค่ไหน หรือไม่หาลอกในเน็ตส่งๆ ไปเถอะ

ไม่เขียน ขี้เกียจลอก

นายกลับไปเถอะ ค่ำๆ หน่อยฉันจะปีนกำแพงจากประตูหลัง

 

ประตูหลังของโรงเรียนนอกจากเลิกเรียนวันศุกร์แล้วปกติจะไม่เปิด แต่ต้องรอให้เสืออ้วนเล่นหมากจนติดลมบน เขาถึงจะสามารถแอบเดินไปที่ประตูหลังผ่านด้านหลังอีกฝ่ายได้

อวี้ฝานตอบข้อความแล้วก็กดเปิดเกมงูจอมเขมือบที่มีมากับมือถือ เล่นด้วยท่าทางตั้งใจยิ่งกว่าตอนเข้าเรียนปกติเป็นร้อยเท่า

รอบๆ เงียบอย่างยิ่งเพราะไม่มีสิ่งรบกวน ตานี้เขามือขึ้นมาก ถึงโค้งสุดท้ายแล้ว งูจอมเขมือบยาวจนแทบจะเต็มหน้าจอ มุมบนขวาของโทรศัพท์มือถือก็เด้งไม่หยุด ขาดคะแนนอีกนิดเดียวเขาก็จะทำลายสถิติได้แล้ว

เสียงเสียดหูของขาเก้าอี้ที่เสียดสีพื้นทำลายความเงียบในห้องเรียน

อวี้ฝานไม่ได้ใส่ใจนัก นิ้วเรียวยาวยังคงปัดไปปัดมาบนหน้าจอ

เขาได้ยินอีกคนที่อยู่ในห้องเรียนลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เป็นเสียงพลิกกระดาษ

ในที่สุดก็จะไปแล้วเหรอ

ขณะอวี้ฝานกำลังคิดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดูเหมือนจะเดินมาทางเขา

ไม่ไปทางประตูหน้าห้อง จะไปทางประตูหลังเหรอ

เพราะในห้องเรียนไม่มีคน ท่านั่งของอวี้ฝานจึงค่อนข้างสบายๆ…ตัวของเขากว่าครึ่งโผล่ออกไปนอกโต๊ะ กางขาสบายๆ ขวางทางไว้

อวี้ฝานรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเข้ามาใกล้ จึงหุบขากลับมาอย่างเอื่อยเฉื่อย

หลังจากนั้นสองวินาทีอีกฝ่ายก็หยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะของเขา

“นักเรียนอวี้” เสียงของเฉินจิ่งเซินดังมาจากเหนือศีรษะ น้ำเสียงเย็นชา ไม่ต่างอะไรกับที่เขาได้ยินตอนสูบบุหรี่

เกมดำเนินมาถึงช่วงเวลาสำคัญ ขาดอีกแค่สามร้อยคะแนนก็จะทำลายสถิติแล้ว

อวี้ฝานจ้องหน้าจอมือถืออย่างใจจดใจจ่อ ไม่ได้สนใจอีกฝ่าย

ผ่านไปราวๆ ครึ่งนาทีถึงได้รู้ว่าคนคนนั้นยังยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะของตน อวี้ฝานขมวดคิ้ว โยนประโยคหนึ่งออกไปด้วยความเคยชิน “ฉันไม่ส่งการบ้าน”

คนอื่นๆ ในห้องคุยกับเขาแต่ละครั้ง แปดเก้าส่วนล้วนทวงการบ้าน

“ฉันไม่ได้เก็บการบ้าน”

“งั้นนายจะทำอะไร”

เฉินจิ่งเซินจ้องขวัญผมตื้นๆ ของอีกฝ่ายเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นไปด้วยมือเดียว

ชั่วพริบตาที่ของยื่นมา อวี้ฝานจึงเงยหน้าขึ้นคล้ายกับปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติ

อวี้ฝานรู้สึกว่าตนเองอาจจะเสียสมาธิไปหนึ่งวินาที กระทั่งของสิ่งนั้นคืออะไรเขาก็ไม่ได้ดูให้ชัด เขารีบกลับไปมองเกมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว…

หลังจากนั้นเขาก็เห็นงูจอมเขมือบขนาดใหญ่ยักษ์ทะลุจักรวาลที่ตนเองลำบากลำบนเล่นมาสิบกว่านาทีชนเข้ากับกำแพง…เกมโอเวอร์

ห่างจากสถิติสูงสุดอีกแค่ 77 คะแนนเท่านั้น

แม่งเอ๊ย

อวี้ฝานโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนอย่างสุดจะทน “วอนโดนตี? แม่งไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังยุ่ง”

เขาเหลือบมองซองจดหมายสีชมพูที่เฉินจิ่งเซินส่งมาแวบหนึ่งแล้วเงยหน้าถาม “หมายความว่าอะไร จดหมายท้าดวล…”

?

เดี๋ยวก่อน

ซองจดหมายสีอะไรนะ

เสียงของอวี้ฝานหยุดชะงัก เขายังคงอยู่ในท่าทีอยากจะต่อยคน ก่อนจะก้มหน้าดูอย่างละเอียด

นิ้วมือของเฉินจิ่งเซินเรียวยาว กระดูกข้อมือนูนออกมา เล็บมือตัดอย่างสะอาดสะอ้าน ตอนนี้กำลังหนีบซองจดหมายสีชมพูเรียบๆ ที่ถูกปิดผนึกด้วยรูปหัวใจอันคุ้นตาฉบับหนึ่ง

“นักเรียนอวี้”

อวี้ฝานเงยหน้าอย่างแข็งทื่อ

เฉินจิ่งเซินสะพายกระเป๋าเป้ไว้บนไหล่ข้างเดียว กดซองจดหมายลงบนโต๊ะแล้วดันไปข้างหน้า “ได้โปรดรับจดหมายรักของฉันไว้ด้วย”

 

 

หน้าที่แล้ว1 of 2

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

community.jamsai.com