ทดลองอ่าน แฟนสาวของผมเป็นผู้ชายครับ เล่ม 1 บทที่ 1-3 #นิยายวาย – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน แฟนสาวของผมเป็นผู้ชายครับ เล่ม 1 บทที่ 1-3 #นิยายวาย

3 of 3หน้าถัดไป

บทที่ 3

 

เซวียเทียนเลี่ยงเพิ่งมาถึงตอนบ่าย ในบ้านมีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด บ้านเก่าหลังนี้เพิ่งรีโนเวตใหม่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่กลับใช้โต๊ะไม้เก่าแก่คู่กับโซฟาแบบยุโรป ผนังที่ทาสีขาวสะอาดเหมือนสีหิมะแขวนพัดขงเบ้งไว้ แถมยังมีเครื่องปรับอากาศกับพัดลมเก่าส่ายไปมา สไตล์โดยรวมของตัวบ้านจึงดูไม่เข้ากัน

เซวียโย่วข่าถูกบังคับให้อ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่นเล็กอย่างจำใจ เขาอ่านหนังสือเรียนและแบบฝึกหัดระดับมัธยมต้นที่เหอเสี่ยวโหยวยืมมาจากฟางหลี่ฉิงลูกพี่ลูกน้องของเขา

นอกจากนี้เหอเสี่ยวโหยวยังให้การบ้านเขา โดยในช่วงบ่ายเขาต้องศึกษาวิชาภาษาจีนกับคณิตศาสตร์บทแรกล่วงหน้าด้วยตัวเอง ต่อให้เขาอยากออกไปก็หาเวลาว่างไม่ได้เลย

ในหนังสือเรียนเต็มไปด้วยการจดโน้ตที่แสดงให้เห็นว่าฟางหลี่ฉิงตั้งใจเรียนมากแค่ไหน แต่เซวียโย่วข่ากลับอ่านไปกระสับกระส่ายไปเป็นพักๆ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากห้องข้างๆ นั่นเป็นเสียงของเกาเกาลูกพี่ลูกน้องของเขาที่กำลังกินขนมพลางดูแอนิเมชั่นอยู่ ขณะที่เซวียโย่วข่าอ่านต่อไปไม่ไหวแล้ว ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนทักทายกันอยู่ข้างนอก

“เทียนเลี่ยง! ในที่สุดก็มาแล้ว มาช้าจังเลยนะ!”

“ทำไงได้ล่ะ ทำแต่งาน ผมนั่งรถกลับมาตั้งแต่เช้าแล้วแต่รถติด เลยเพิ่งจะมาถึงตอนนี้แหละ”

เซวียโย่วข่าวางหนังสือเรียนทันทีแล้วมองผ่านหน้าต่างออกไป

พ่อของเขากำลังยื่นบุหรี่ให้ญาติผู้ใหญ่หลายคน มือหนึ่งก็คลำหาไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกง

ธนบัตรใบละห้าหยวนสิบหยวนหลายใบที่ถูกขยำเป็นก้อนหล่นลงพื้น ญาติคนหนึ่งก้มลงเก็บขึ้นมา “เทียนเลี่ยง เงินนายตก…อ้าว ซื้อลอตเตอรี่ด้วยเหรอ!”

เซวียเทียนเลี่ยงคว้าลอตเตอรี่กลับมาด้วยความกระอักกระอ่วน “ซื้อตามทางนั่นแหละ”

เหล่าญาติๆ พากันหัวเราะ “ถูกรางวัลไหมล่ะ”

“ก็บอกว่าซื้อตามทางเฉยๆ”

ญาติอีกคนพูดกับทุกคนอย่างไม่ใส่ใจ “ลอตเตอรี่เนี่ยติดง่ายนะ พวกนายว่าไหม สองสามปีมานี้ฉันเองก็ชอบซื้อเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่เคยมีโชคแบบไห่หมิงเลย มากสุดก็ถูกแค่พันเดียว!”

“ไห่หมิง เล่าให้ทุกคนฟังหน่อยซิว่าถูกรางวัลเจ็ดแสนได้ยังไง”

เซวียโย่วข่ามองผ่านหน้าต่างสีน้ำเงินออกไป เห็นอาเขยฟางไห่หมิงกำลังเล่นไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด[1]* อีกฝ่ายถือไพ่เต็มมือ บนโต๊ะเต็มไปด้วยเงินมากมายทั้งธนบัตรใหญ่และเล็ก

เขาจำได้ว่าเรื่องอาเขยถูกรางวัลลอตเตอรี่เป็นเรื่องตั้งแต่เขายังเด็กมาก เวลาพวกผู้ใหญ่พูดถึง อาเขยก็มักจะแค่ยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนั้นโชคดีน่ะ”

“นั่นไม่ใช่โชคดีหรอก! มีใครเหมือนนายบ้าง ไม่ใช่แค่ไม่เอาไปใช้หมด แต่ยังใช้เงินเจ็ดแสนนั้นตั้งตัว เปิดโรงงานกระเป๋าหนังอีก! ตอนนี้มีทรัพย์สินตั้งเท่าไรแล้ว ได้ยินมาว่าจะส่งฉิงฉิงไปเรียนที่ปักกิ่งใช่ไหม บ้านก็ซื้อเรียบร้อยแล้ว…”

 

“หนุ่มหล่อ กำลังอ่านหนังสือเหรอ” เซวียเทียนเลี่ยงยืนอยู่ตรงแสงไฟหน้าประตู ร่างกายเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เขายิ้มกว้าง ใบหน้าที่ผ่านกาลเวลามากลับยิ่งดูลุ่มลึกและหล่อเหลา

เขาเป็นไกด์นำเที่ยว ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ที่เป่ยไห่ ในหนึ่งเดือนจะกลับบ้านได้เพียงหนึ่งถึงสองครั้ง แถมแต่ละครั้งอยู่ได้ไม่นานก็ต้องกลับไป

“พ่อ…” เดิมทีเซวียโย่วข่าอยากจะถามว่าทำไมพ่อยังซื้อลอตเตอรี่อีก ไม่ใช่ว่าตกลงกันว่าจะไม่ซื้อแล้วเหรอ แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากก็กลับพูดไม่ออก

ความหลงใหลที่เซวียเทียนเลี่ยงมีต่อลอตเตอรี่ไม่ใช่แค่ซื้อตามรายทาง แต่ซื้อทุกวันไม่มีขาด ซื้อทีละสิบยี่สิบใบ ถ้าไม่ถูกรางวัลก็โยนลงถุงดำ ไม่ถึงเดือนก็เต็มถุงหนึ่งแล้ว

เขาทะเลาะกับเหอเสี่ยวโหยวเพราะเรื่องนี้ตั้งไม่รู้กี่รอบ

เซวียเทียนเลี่ยงนั่งลงข้างเขาแล้วเปิดดูหนังสือเรียน “นี่หนังสือของฉิงฉิงเหรอ”

“อืม…”

“แม่เป็นคนขอยืมมาให้ลูกเหรอ”

“ใช่ฮะ…” เขาตอบด้วยท่าทีเซื่องซึม

เซวียเทียนเลี่ยงมองโน้ตที่จดไว้บนนั้นแล้วมองลูกชายที่มีท่าทางห่อเหี่ยว ในใจก็พลันกระตุกวูบ “เมื่อไม่กี่วันก่อนลูกเพิ่งผ่าตัดมา ตอนนี้เจ็บอยู่ไหม”

“ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว”

ท่าทีว่าง่ายของเซวียโย่วข่าทำให้เซวียเทียนเลี่ยงยิ่งปวดใจ เสียงของเขานุ่มนวลขึ้น “ขอโทษนะหมี่หมี่ วันเกิดลูกวันนั้นพ่อกลับมาไม่ทันเอง เป็นความผิดของพ่อ”

เซวียโย่วข่าเพิ่งฉลองวันเกิดอายุสิบเอ็ดปีไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนั้นเซวียเทียนเลี่ยงกำลังดูแลนักท่องเที่ยวอยู่ที่เป่ยไห่

“ไม่เป็นไรฮะ” เซวียโย่วข่าเงยหน้ามองเขา “หนูรู้ว่าพ่องานยุ่ง แต่อาเขยซื้อเค้กให้ แล้วก็พาไปเที่ยวสวนสนุกแล้ว”

เซวียเทียนเลี่ยงรู้สึกขมในปาก เขาเอ่ยเบาๆ “หมี่หมี่…”

“หืม?”

“อีกสองวันพ่อจะไปเกาะเหวยโจว ไปด้วยกันไหมลูก พ่อจะพาไปนั่งเรือที่ทะเล”

“หนู…ไม่ไปดีกว่า ขอบคุณพ่อฮะ อีกไม่กี่วันต้องไปตัดไหมที่โรงพยาบาล รอให้แม่ได้หยุดก่อนแล้วเราค่อยไปเที่ยวทะเลด้วยกันดีไหม”

“ได้เลย พ่อสัญญา” เซวียเทียนเลี่ยงลูบผมลูกชาย “ผมยาวแล้วนะ จะตัดไหม”

เซวียโย่วข่าส่ายหน้า เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “พ่อ หนูขอเงินหนึ่งหยวนได้ไหม”

เซวียเทียนเลี่ยงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะควักธนบัตรย่อยออกมาหลายใบ “เอาไปเลยหนึ่งร้อย ค่อยๆ ใช้แล้วกัน”

“หนูไม่ได้อยากได้เยอะขนาดนั้น พ่อเก็บไว้ใช้เถอะ…ให้หนูหนึ่งหยวน อืม…หนึ่งหยวนห้าเหมาก็พอ” เขาอยากไปซื้อลูกรสอมเปรี้ยวที่ร้านขายของชำด้วย

เซวียเทียนเลี่ยงก้มลงมองเข้าไปในดวงตาใสแจ๋วของลูกชาย หัวใจก็ปวดร้าวจนเลือดไหลซิบ

หมี่หมี่รู้ความมากจริงๆ

 

เซวียโย่วข่าเพิ่งได้มีโอกาสออกไปหลังจากกินข้าวเย็น แต่เขาใส่กางเกงไป ปรากฏว่าพอเดินไปได้ไม่ไกลก็เจ็บจนทนไม่ไหว แถมยังโดนปู่ที่ไปเก็บมะเขือเทศในไร่จับได้

“ไอ้เด็กนี่! ยังเจ็บอยู่เลยจะออกมาทำไม จะไปไหนหา”

“จะ…จะไปเล่นกับหู่ผีฮะ”

หู่ผีเป็นเพื่อนบ้านที่โตมาด้วยกัน

“หู่ผีไม่อยู่บ้านนะ กลับมาเลย ไปผ่าตรงนั้นมายังจะออกมาวิ่งเล่นอะไรอีก” ปู่ลากเขากลับไป นับจากตอนนั้นเซวียโย่วข่าก็ยังไม่เจอโอกาสเหมาะๆ ที่จะออกไปคืนเงินอีกเลย

ตกกลางคืน พวกผู้ใหญ่ยังเล่นไพ่กันต่อ พอเลิกเล่นก็ปล่อยให้เซวียโย่วข่าที่หลับสนิทอยู่บนเตียงเล็กนอนต่อไป

 

เช้าวันถัดมา หลังเซวียโย่วข่ากินไข่ต้มชาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เตรียมจะออกไปคืนเงิน แต่ปรากฏว่าเซวียเทียนเลี่ยงขับรถมาอีกครั้งแล้วเอาของใช้มาให้ลูกชายสองกระเป๋าเต็มๆ “ทั้งหมดแม่ลูกเป็นคนจัดให้นะ นี่แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดหน้า แล้วก็เสื้อผ้า…” ตอนเซวียเทียนเลี่ยงหยิบเสื้อผ้าออกมาเขาก็ชะงักไปหลายวินาที

เซวียโย่วข่าก็เห็นเหมือนกัน เขาโอดครวญ “ทำไมแม่ต้องเอากระโปรงมาให้เป็นกองด้วย!”

“เอ่อ…พวกนี้คงเป็นของลูกพี่ลูกน้องลูกแหละ คุณภาพก็ดีอยู่ ลูกเพิ่งผ่าตัดมาได้ไม่กี่วัน เดินเหินลำบาก ลองใส่ไปก่อนไหม หรือให้พ่อกลับไปเอาชุดอื่นมาให้ดี”

“ไม่ต้องหรอกพ่อ อย่าเลย ยังไง…ยังไงที่นี่ก็ไม่มีคนอื่น” เซวียโย่วข่ามองกระโปรงพวกนั้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล จากนั้นก็เปิดกระเป๋าอีกใบที่พองออก เขานึกว่าจะเป็นขนมเสียอีก แต่พอเปิดออกมามันกลับเต็มไปด้วยหนังสือเรียนของชั้นมัธยมต้นปีหนึ่ง แม้แต่หนังสือความคิดและคุณธรรมก็ยังยัดใส่มาด้วย แถมยังมีแผ่นซีดีสอนการออกเสียงโฟเนติกอีกต่างหาก

“แม่ลูกไม่รู้ว่าจะอยู่บ้านย่านานแค่ไหน เลยเอามาให้หมด แม่บอกว่าอีกสักพักจะตรวจการบ้านลูก ห้ามขี้เกียจเข้าใจไหม แต่พ่อว่าก็ไม่ต้องเคร่งมากหรอก เรียนไปด้วยเล่นไปด้วยให้สมดุลกัน อย่าเอาแต่เรียนหรือเอาแต่เล่นเข้าใจไหม”

“อื้ม!” เขาพยักหน้าแรงๆ เมื่อเซวียเทียนเลี่ยงถามอีกว่าต้องการอะไรอีกไหม เซวียโย่วข่าก็ส่ายหน้า พ่อของเขาเลยบอกว่า “พ่อจะอยู่เล่นกับลูกถึงเย็นแล้วค่อยกลับตอนกลางคืน”

“พ่อจะไปเป่ยไห่อีกแล้วเหรอ”

“ออกเดินทางพรุ่งนี้หกโมงเช้า”

 

ตอนที่เซวียเทียนเลี่ยงกำลังจะกลับ เซวียโย่วข่าก็วิ่งออกมากอดพ่อของเขาไว้และแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ความจริงเขาไม่ใช่คนขี้แย แต่หลังจากผ่าตัดสองวันมานี้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ เซวียโย่วข่ารู้ตัวดีว่าเขาเปลี่ยนไป คิดว่าพอผ่าตัดตรงนั้น แถมยังต้องใส่กระโปรงอีก เลยทำให้เขาเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงและยิ่งรู้สึกหดหู่เข้าไปใหญ่

ตอนที่เซวียเทียนเลี่ยงกลับไปก็เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ปู่กับย่ากำลังแช่เท้าดูโทรทัศน์ เลยไม่ทันสังเกตว่าหลานชายเปลี่ยนชุดและแอบออกจากบ้านไป

เมื่อก่อนเขากับเพื่อนบ้านที่ชื่อหู่ผีชอบปั่นจักรยานเล่นไปทั่วทุกที่เวลาว่างๆ ในพื้นที่แถบนี้เซวียโย่วข่ารู้ทางหมด ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เขาติดหนี้ก็อยู่ริมแม่น้ำ ว่ากันว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่เศรษฐีซื้อที่ดินแล้วสร้างไว้ มีข่าวลือหนาหูในละแวกนี้ว่าไม่เคยมีใครอยู่เลย เมื่อก่อนเซวียโย่วข่ายังเคยไปเล่นแถวบ้านหลังนั้นตั้งหลายครั้ง

เขาเดินไม่ค่อยสะดวก แม้จะใส่กระโปรงก็ยังเดินลำบาก เลยต้องเดินช้าๆ นานถึงสี่สิบนาที เดินตั้งแต่ช่วงที่มีแสงในตอนเย็นไปจนท้องฟ้าแทบจะมืดสนิท ในที่สุดก็มาถึงบ้านหลังนี้

เขายืนอยู่หน้าประตู ก่อนจะเคาะเบาๆ “มีใครอยู่ไหม”

ไม่มีเสียงตอบรับ

“มีใครไหมฮะ” เซวียโย่วข่ายืนตะโกนเรียกอยู่ข้างนอกหลายครั้งก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ

แต่ในขณะที่กำลังจะเดินกลับ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียง ‘ฮัดชิ่ว!’ ดังออกมาจากข้างใน

หือ? มีคนอยู่ไม่ใช่เหรอ

แล้วทำไมไม่เปิดประตูล่ะ…

เซวียโย่วข่าเคาะประตูอีกครั้ง ได้ยินเสียงจามดังมาเป็นพักๆ แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาเปิดประตู เขานั่งลงบนขั้นบันไดหน้าประตูอย่างอึดอัดใจพลางมองดูดวงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าไป พระจันทร์เริ่มปรากฏขึ้นมา แต่ระหว่างที่เตรียมจะลุกกลับบ้านก็เห็นแสงไฟแยงตาสองดวงปรากฏขึ้นตรงหน้า เขายกแขนขึ้นบังแสงไฟจ้า ได้ยินเสียงรถวิ่งผ่านถนนปูนซีเมนต์อย่างชัดเจน

กระทั่งแสงไฟจ้าค่อยๆ อ่อนลง เซวียโย่วข่าก็ได้ยินเสียงปิดประตูรถดังปัง เสียงดังขนาดนั้นดูแล้วคนปิดประตูคงอารมณ์ไม่ดี จากนั้นก็มีเสียงสตาร์ตรถดังขึ้นแล้วรถก็ขับออกไปอีกรอบ

เซวียโย่วข่ารู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นก็กลับพบว่าขาเหมือนจะไม่มีแรง

เฉิงอวี้จ่ายเงินให้คนขับแท็กซี่แล้วเดินไปที่หน้าบ้าน ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่บนขั้นบันไดหน้าประตูท่ามกลางแสงไฟจากโคมไฟฝังพื้น

เป็นเด็กคนหนึ่ง

เด็กผู้หญิง…

เฉิงอวี้เดินเข้าไป ก่อนจะก้มหน้าถาม “เธอมาทำอะไรที่นี่”

“มาคืนเงินน่ะ” เซวียโย่วข่าใส่กระโปรงที่มีช่องกระเป๋า เขาหยิบเหรียญที่ขอมาจากพ่อเมื่อวานออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ในเงามืด โครงหน้าคมเข้มดูดุเป็นพิเศษจนเซวียโย่วข่าไม่กล้าพูดเสียงดังและได้แต่พึมพำว่า “เมื่อวานตอนบ่ายพี่บอกให้ฉันคืนเงิน ฉันพูดว่าจะคืนก็ต้องคืนแน่นอน ฉันรักษาคำพูด ขอบคุณที่ให้ฉันยืมเงินขึ้นรถนะ”

เฉิงอวี้กำลังอารมณ์เสียสุดๆ พอได้ยินก็รับเหรียญไปพลางใช้กุญแจไขเปิดประตู จากนั้นก็พูดเสียงเย็นชา

“หนี้หมดแล้ว เธอกลับไปได้”

“อ๋อ…”

เฉิงอวี้เปิดประตู พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนก็ก้มลงมองด้วยสายตาเย็นเยียบ “ยังไม่ไปอีกเหรอ”

“ฉันลุกไม่ไหว พอดีเจ็บนิดหน่อย พี่อย่าเร่งสิ ฉันจะไปอยู่แล้ว” เซวียโย่วข่าจับโคมไฟหินเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ สีหน้าดูอัดอั้นตันใจเล็กน้อย “ไม่ได้จะมากินข้าวที่บ้านพี่สักหน่อย”

เฉิงอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงวันนั้นที่เจอเด็กสาวครั้งแรก เธอกำลังร้องไห้อยู่บนสะพาน ทำท่าเหมือนจะกระโดดลงแม่น้ำ คล้ายกับได้รับบาดเจ็บตรงไหนสักแห่ง

“เจ็บตรงไหน”

“ฉัน…ขะ…ขา เจ็บขา”

 

[1]* ไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด เป็นเกมไพ่ที่แบ่งผู้เล่นออกเป็นสองฝ่ายคือเจ้าของที่ดินกับชาวนา โดยเจ้าของที่ดินจะมีความได้เปรียบในการออกไพ่ก่อนและได้รับไพ่มากกว่าชาวนา 3 ใบ ซึ่งชาวนาต้องร่วมมือกันเอาชนะเจ้าของที่ดินให้ได้ ทั้งนี้ฝ่ายที่ไพ่ในมือหมดก่อนจะเป็นผู้ชนะ

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 67-68

บทที่ 67 ถึงจะเป็นช่วงพักกลางวัน ทว่าหวาหยางกลับไม่อาจข่มตาหลับ นางนอนอยู่บนเตียงร่วมกับชีฮองเฮา ประเดี๋ยวก็พูดจาอิงแอบอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 71-73

บทที่ 71 จีเสวียนเค่อใช่ว่าจะมีวรยุทธ์เก่งกาจ ทว่าเขาพาคนมามากมาย คนจากสำนักบูรพาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนักจึงล่าถอยอย่างร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 80-81

บทที่ 80 เสียงของกู้เจี้ยนหลีค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ ถึงท้ายประโยคก็แทบไม่ได้ยินแล้ว นางก้มหน้าลง มือกำชายเสื้ออย่างเก้อกระดา...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 74-76

บทที่ 74 กู้เจี้ยนหลีละล่ำละลักพูด “หากยังไม่กลับอีกจะสายเกินไปแล้ว ท่านพ่อ ครั้งหน้าลูกจะไปเยี่ยมที่จวนอ๋องนะเจ้าคะ จี้...

community.jamsai.com