ทดลองอ่าน แฟนสาวของผมเป็นผู้ชายครับ เล่ม 1 บทที่ 7-9 #นิยายวาย – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน แฟนสาวของผมเป็นผู้ชายครับ เล่ม 1 บทที่ 7-9 #นิยายวาย

3 of 3หน้าถัดไป

บทที่ 9

 

เซวียโย่วข่าเพิ่งกินข้าวกลางวันเสร็จก็ออกจากบ้าน แถมยังสะพายเป้ไปด้วย ในนั้นมีการบ้านที่เหอเสี่ยวโหยวมอบหมายให้เขา

ช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นมัธยมต้น เดิมทีไม่มีการบ้านช่วงฤดูร้อน แต่เหอเสี่ยวโหยวค่อนข้างเข้มงวดกับเขาจึงซื้อแบบฝึกหัดของชั้นมัธยมต้นปีหนึ่งมาให้ พร้อมกับฉีกเฉลยออกเพื่อให้เขาทำเองด้วย

เขาทำบ้างไม่ทำบ้าง เขียนไปได้แค่นิดเดียว พอใกล้จะถึงเวลาส่งเลยได้แต่ต้องรีบทำให้เสร็จในนาทีสุดท้ายและนำติดตัวออกจากบ้านมาด้วย

เมื่อขึ้นรถเซวียโย่วข่ากอดเป้ไว้ในอ้อมแขน เฉิงอวี้นั่งลงข้างๆ ส่วนฉู่จิ้นก็นั่งตรงเบาะข้างคนขับแล้วถามเขาว่า “จะออกไปเที่ยวยังพกการบ้านไปด้วยเหรอ”

“แม่หนูให้ทำการบ้านฮะ ตอนเย็นกลับบ้านไปแม่จะตรวจ”

ฉู่จิ้นว่า “เด็กดีจริงๆ เป็นการบ้านของชั้นไหนล่ะ มีข้อไหนที่ไม่เข้าใจไหม ถ้ามีก็ให้พี่ช่วยสอนนะ”

เซวียโย่วข่าตอบว่าไม่มี

เฉิงอวี้มองเขาแวบหนึ่ง

ฉู่จิ้นยังคงหัวเราะฮ่าๆ “พี่เขาบอกลุงว่าเธอไปชิ่งโจวครั้งนี้จะไปซื้อของขวัญวันเกิดให้แม่เหรอ”

เซวียโย่วข่าพยักหน้า

“กตัญญูจริงๆ เลยนะ”

“ลุงฉู่ พวกลุงไปดูนิทรรศการที่ชิ่งโจวเหรอ”

“เป็นนิทรรศการศิลปะเชิงพื้นที่น่ะ”

เซวียโย่วข่าไม่สนใจนิทรรศการศิลปะเท่าไร พอได้ยินก็พูดว่า “ลุงฉู่ พวกลุงจะดูนิทรรศการกันกี่โมง เดี๋ยวหนูนั่งรถเมล์ไปซื้อของ ซื้อเสร็จแล้วค่อยกลับมาหาพวกลุงก็ได้ จะได้ไม่รบกวนพวกลุงด้วย”

ฉู่จิ้นกลับโบกมือ “ซื้อของแค่นิดเดียวจะใช้เวลาขนาดไหนกัน ไปซื้อด้วยกันก่อน แล้วค่อยไปดูนิทรรศการก็ได้”

เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์ พวกเขาพาเธอมาถึงชิ่งโจวจะปล่อยให้เดินเตร็ดเตร่คนเดียวได้อย่างไร

นี่เป็นครั้งแรกที่เซวียโย่วข่าเดินทางไกลกับคนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน จากอำเภอซานหลิงไปถึงชิ่งโจวใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางเขานั่งฟังเพลงไปด้วยทำการบ้านไปด้วย หางตาเหลือบเห็นเฉิงอวี้กำลังเล่นตะเกียบอยู่

เฉิงอวี้เล่นตะเกียบเหมือนกับเป็นไม้กลอง เขาได้ยินเสียงเพลงหนักๆ เล็ดลอดออกมาจากหูฟัง ไม่ต้องฟังให้ดีก็รู้ว่าเป็นเพลงประกอบอะนิเมะที่ทำให้เลือดลมพลุ่งพล่าน

ตอนซื้อรองเท้า พอเห็นเซวียโย่วข่าหยิบเหรียญกับธนบัตรย่อยออกมาจากกระเป๋าเป้เป็นกอง พนักงานร้านรองเท้าก็มีสีหน้าแข็งค้าง

ผู้ใหญ่ทั้งสองคนแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจทันทีว่านี่จะต้องเป็นเงินที่เด็กคนนี้เก็บสะสมมาเป็นเวลานานมากแน่ๆ

พนักงานคิดเงินคนหนึ่งนับเงิน อีกคนก็ห่อรองเท้า เซวียโย่วข่าหันไปถามพนักงานหญิงคนหนึ่งที่ดูจะอายุไล่เลี่ยกับแม่เขา

“พี่ ใช้ริบบิ้นกับกระดาษห่อของขวัญห่อให้สวยๆ หน่อยได้ไหม”

“หนูจ๊ะ ขอโทษนะ ที่ร้านมีแค่ริบบิ้น แต่ไม่มีกระดาษห่อของขวัญ แต่ไปซื้อที่ร้านเครื่องเขียนในห้างได้ ม้วนละสองหยวนเอง”

พนักงานนับเงินถึงสองรอบซึ่งใช้เวลานานพอควร ก่อนจะคืนเหรียญส่วนที่เกินให้เขา จากนั้นเซวียโย่วข่าก็เก็บเหรียญใส่กระปุกแมวกวักแล้วใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าเป้

เฉิงอวี้ช่วยถือกระเป๋าเป้ให้เขา “ก็ว่าทำไมกระเป๋าเป้ถึงได้หนักขนาดนี้ เงินพวกนี้เก็บมานานแค่ไหนแล้ว”

“เก็บมาหลายปีแล้ว…”

เงินอั่งเปาช่วงตรุษจีนแม่จะเอาไปเก็บไว้ให้ บอกว่าเป็นค่าเรียนมหาวิทยาลัย เขาเลยต้องกินต้องใช้อย่างประหยัดอดออม เก็บเงินค่าขนมที่ไม่ได้มากมาย นอกจากนี้เขายังทำธุรกิจในโรงเรียนด้วยการเปิดร้านขายของชำช่วงพักคาบเรียน เขาถึงขนาดเก็บหนังสือคู่มือเล่นหุ้นที่แม่ของหู่ผีโยนทิ้งไว้มาอ่าน เวลาว่างก็อ่านไปไม่น้อย โดยหวังว่าจะเรียนรู้ความรู้ทางการเงินเล็กๆ น้อยๆ จากในนั้น

พ่อของหู่ผีซื้อคอมพิวเตอร์มาเล่นหุ้น สุดท้ายดันกระโจนเข้าตลาดตอนปลายช่วงขาขึ้น ไม่นานก็ขาดทุนย่อยยับ ทำให้แม่ของหู่ผีโมโหถึงขั้นทุบคอมพิวเตอร์ ทั้งยังโยนหนังสือวิเคราะห์ตลาดหุ้นทิ้งทั้งหมด

วันนี้เป็นวันที่อิ่มเอมมาก เซวียโย่วข่าซื้อรองเท้า ซื้อกระดาษห่อของขวัญ และยังได้ดูนิทรรศการอีก แม้จะไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ก็ได้ถ่ายรูปไว้ พอออกจากงานนิทรรศการ ลุงเว่ยก็เข้าไปซื้อน้ำในซูเปอร์มาร์เก็ตและให้เซวียโย่วข่าเลือกขนม

“อยากกินอะไรก็หยิบเลย ลุงเลี้ยงเอง”

สุดท้ายเซวียโย่วข่าก็หยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาหนึ่งห่อ “อันนี้ได้ไหม”

ลุงเว่ยแปลกใจ “ทำไมเลือกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปล่ะ”

“เมื่อกี้ได้ยินว่าพวกลุงบอกว่าจะไปกินอาหารทะเลกันที่ไหนนี่แหละ” เซวียโย่วข่าขยำซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “พวกลุงกินข้าว หนูกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ได้”

“แพ้อาหารทะเลเหรอ”

“ไม่ใช่…” เขาดูอึดอัดใจยิ่งกว่าเดิม

ลุงเว่ยเข้าใจได้ทันที ที่แท้ก็แค่เกรงใจ เขายิ้มขำ “เด็กคนนี้นี่นะ จะไม่ให้กินข้าวเย็นได้ยังไง แล้วอีกอย่างเธอซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองแล้วจะเอาไปกินยังไงล่ะ”

“ก็ต้องกินแห้งแบบคลุกผงเครื่องปรุงอยู่แล้ว” ถ้าเป็นไปได้เซวียโย่วข่าสามารถกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบนี้ได้ทุกวันไม่มีเบื่อเลย

ทว่าจู่ๆ ก็มีมือหนึ่งเอื้อมมาจากด้านหลัง เฉิงอวี้ดึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกจากมือเขาแล้วยัดกลับเข้าไปในชั้นวางสินค้า

“พี่ทำอะไรน่ะ” เซวียโย่วข่าหันกลับไป

“ของแบบนี้ฉันไม่จ่ายเงินให้นายหรอก”

“พี่ไม่ซื้อให้ ฉันก็ซื้อเองได้”

เฉิงอวี้ยื่นมือมาคว้าคอเสื้อเขาแล้วลากเขามา “ถ้าไม่เชื่อฟังจะไม่พากลับบ้านนะ”

เซวียโย่วข่ายืนตัวแข็งในท่าถูกจับคอเสื้อ ดวงตาที่เบิกกว้างมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึงราวกับกระรอกน้อยที่ถูกคุกคาม เฉิงอวี้ปล่อยมือแล้วก็ก้มหน้ามองเขาเช่นกัน ในแววตานั้นแทบไม่หลงเหลืออารมณ์ใดๆ

“อ๋อ…” เซวียโย่วข่าก้มหน้าลงอย่างว่าง่าย

ลุงเว่ยรีบพูดขึ้น “พี่เขาแค่ล้อเล่น ไม่ให้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ เย็นนี้เรากินอะไรเธอก็กินด้วยกันเถอะ ไม่ต้องเกรงใจนะ”

เขาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

พอขึ้นรถเฉิงอวี้ก็ยื่นไอศกรีมแท่งให้ แต่เซวียโย่วข่าไม่ยอมรับ เฉิงอวี้เลยขมวดคิ้วแล้วโยนไอศกรีมลงบนตัวเขา

ไม่ใช่ว่าเซวียโย่วข่าไม่อยากกิน แต่เขารู้สึกว่าตัวเองกินของบ้านคนอื่นเยอะไปแล้ว แบบนี้จะทำให้เฉิงอวี้ไม่พอใจหรือเปล่า แถมเมื่อครู่ยังพูดว่าจะไม่พาเขากลับบ้านด้วย

เมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นเฉิงอวี้กำลังกินไอศกรีม เขาก็รู้สึกอยากกินอยู่หน่อยๆ แต่ก็อดทนไว้ ก่อนจะยื่นไอศกรีมแม็กนั่มที่อีกฝ่ายโยนมาให้ฉู่จิ้นซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ

“ลุงฉู่ อันนี้ลุงกินเถอะ”

ฉู่จิ้นมองผ่านกระจกมองหลังก็เห็นเฉิงอวี้นั่งชิดประตูรถ หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ท่าทางดูไม่ค่อยพอใจ

เขาถามเซวียโย่วข่า “ทำไมล่ะ นี่พี่เขาซื้อให้ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่กินล่ะ”

เซวียโย่วข่าเม้มปากแน่น คิดหาเหตุผลที่จะอธิบาย “หนู…ไม่ค่อยสบายท้อง” พูดจบก็ยกมือกุมท้องด้วย

“ปวดท้อง…” เดิมทีฉู่จิ้นตั้งใจจะถามว่าปวดแบบไหน จะให้ไปโรงพยาบาลไหม แต่จู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างออกจึงไม่ได้ถามต่อ

เฉิงอวี้เห็นเขากุมท้อง ทำหน้าทุกข์ใจ ทั้งยังขมวดคิ้วนิดๆ

ตอนกินข้าวเย็น ฉู่จิ้นเลยไม่ได้สั่งปลาดิบมาเลย เขาเลือกแต่อาหารที่ปรุงสุก เช่น หอยผัดเผ็ด หอยงวงช้าง ไข่ตุ๋นกับปลิงทะเล ด้วยกลัวว่าถ้าเซวียโย่วข่ากินของเย็นหรือของดิบแล้วจะยิ่งส่งผลให้ปวดท้องประจำเดือนหนักหน่วงขึ้น

เซวียโย่วข่ากินอย่างหักห้ามใจ โดยไม่กล้ากินมากเกินไป พอเห็นทุกคนไม่กินกันแล้ว ของที่เหลืออยู่ก็น่าเสียดาย เขาถึงเริ่มลงมือกิน

เขากวาดของที่เหลือบนโต๊ะมากินจนเกลี้ยง กระทั่งลุงเว่ยยังชมว่าเขาเจริญอาหาร คงจะหิวมาทั้งวันแน่ๆ

เซวียโย่วข่าพูด “หนูไม่ได้เจริญอาหารแค่วันนี้นะ ปกติก็กินเยอะอยู่แล้ว เพราะอยากสูงเยอะๆ หน่อย สูงแบบพี่”

เฉิงอวี้ที่สูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

ระหว่างที่อยู่ในรถเซวียโย่วข่าก็เริ่มง่วงนิดๆ แต่การบ้านยังไม่เสร็จ เขาบอกย่าไปแล้วว่าตัวเองจะกลับบ้าน แต่ไม่รู้ว่าย่าจะโทรไปถามที่บ้านไหม แล้วจะมีใครรู้หรือเปล่าว่าเขาไม่ได้อยู่บ้าน

เขาทำการบ้านไปพลางเกาแถวๆ ลำคอไปพลาง ไม่รู้ทำไมถึงคันขึ้นมานิดๆ

ลุงเว่ยขับรถบนทางด่วน จากชิ่งโจวกลับอำเภอซานหลิงใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ

ตอนลงจากทางด่วน รถติดอยู่สักพัก ความเร็วจึงลดลง และเมื่อเฉิงอวี้หันไปก็พลันพบว่าเซวียโย่วข่าดูผิดปกติ

เซวียโย่วข่าเอาปากกาเกาหน้าตัวเอง แถมยังโน้มตัวลงไปเกาขาอีก

เฉิงอวี้ยื่นมือมาจับข้อมือเขาไว้ “อย่าเกา”

เขาเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าและลำคอมีผื่นแดงขึ้นเต็มไปหมด อีกทั้งยังเหงื่อแตก

“ไม่เป็นไร เมื่อกี้อาจจะโดนยุงกัดแถวชายทะเลก็ได้”

เฉิงอวี้ไม่สนใจ “ลุงเว่ย ไปโรงพยาบาลทีครับ เขาแพ้อาหารทะเล”

ลุงเว่ยที่หันกลับมามองเพิ่งตระหนักได้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ จึงได้รีบขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลอำเภอซานหลิงทันที

“บ้านเธออยู่ใกล้ทะเลขนาดนั้น ไม่รู้เหรอว่าตัวเองแพ้อาหารทะเล” เฉิงอวี้เห็นเขาจะเกาอีกเลยตีมือเขา “ยังจะเกาอีก”

“ก็ไม่รู้นี่ ไม่ค่อยได้กินอาหารทะเล” ถึงพ่อของเซวียโย่วข่าจะทำงานที่เป่ยไห่ แต่ก็แทบจะไม่เคยเอาอาหารทะเลกลับมาเลย

เฉิงอวี้จับมือข้างหนึ่งของเขาไว้ เซวียโย่วข่าจึงแอบยื่นมือลงไปข้างล่างโดยหวังว่าจะเกาเท้าอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ก็โดนเฉิงอวี้เห็นเข้า สุดท้ายอีกฝ่ายเลยจับล็อกมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้เสียเลย

ดวงตาของเซวียโย่วข่าเริ่มแดง แถมยังเริ่มรู้สึกปั่นป่วนในท้องด้วย

ไม่นานลุงเว่ยก็ขับรถมาถึงโรงพยาบาล “เร็ว เฉิงอวี้ พาเขาไปลงทะเบียน ลุงจะไปจอดรถ”

ตาก็ตามลงมาด้วยและรีบพาเขาไปที่ห้องฉุกเฉิน ข้างหน้ามีคนต่อแถวอยู่นิดหน่อย ตาเลยไปจัดการลงทะเบียน

โรงพยาบาลแห่งนี้คือที่โรงพยาบาลที่เหอเสี่ยวโหยวทำงานอยู่ แต่เซวียโย่วข่าคุ้นเคยแค่แผนกสูติ-นรีเวช แพทย์พยาบาลแผนกอื่นไม่รู้จักเขา ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาดูน่าสงสารมาก ใบหน้ามีแต่ผื่นเต็มไปหมด

เฉิงอวี้ไปรินน้ำอุ่นให้ พอหันกลับมาก็เห็นเซวียโย่วข่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แอบเกาคออีกแล้ว

“บอกว่าอย่าเกาไง!”

“รู้แล้ว แต่มันคันนี่นา…” เขาค่อยๆ ลดมือลง พอเฉิงอวี้ยื่นน้ำให้ก็รับมาดื่ม

เฉิงอวี้ถามว่ารู้สึกไม่ดีตรงไหนอีกไหม “มีอาการอื่นอีกหรือเปล่า”

“ตา…เริ่มพร่านิดหน่อย” เซวียโย่วข่ากะพริบตา “รู้สึกเหมือนใส่แว่นสายตายาวของย่าเลย”

เฉิงอวี้ได้ยินดังนั้นก็รู้ทันทีว่าอาการหนักขึ้นแล้ว

“รู้งี้ไม่ปล่อยให้เธอกินเยอะขนาดนั้นหรอก”

“ถ้ารู้งี้ก็น่าจะให้ฉันซื้อบะหมี่รสผักกาดดองเนื้อตุ๋น!”

“เงียบไปเลย ตอนนี้เธอหน้าตาน่าเกลียดมาก”

“อ้อ…”

เซวียโย่วข่าเป็นผู้ชาย ไม่สนใจเรื่องสวยหรือขี้เหร่หรอก ขณะที่เขานั่งก้มหน้าอย่างหมดแรง จู่ๆ ก็เห็นคนคุ้นหน้าอยู่ไกลๆ

ไม่ใช่เพราะจำหน้าได้ เนื่องจากสายตาของเขาพร่ามัว แต่เขาจำชุดเดรสนั้นได้ต่างหาก นั่นมันลูกพี่ลูกน้องเขา…ฟางหลี่ฉิง!

หรือว่าเกาเกาจะหอบหืดกำเริบ?

เซวียโย่วข่าตกใจจนหน้าซีด ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ พอเห็นลูกพี่ลูกน้องเดินมาทางห้องฉุกเฉินก็รีบหันหน้าหนีไปทางอื่นแล้วก้มหน้าซุกลงที่ไหล่เฉิงอวี้ทันที

เฉิงอวี้ชะงักไปชั่วครู่ เขาถึงกับกลั้นหายใจ รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเบียดไซ้อยู่แถวลำคอของตัวเองทั้งเนื้อตัวสั่นเทา

ไม่รู้ว่าเป็นน้ำลายหรือเหงื่อ ความเปียกชื้นเสียดสีลงบนร่างของเขา เฉิงอวี้ขมวดคิ้ว พยายามจะดันอีกฝ่ายออก

“เดี๋ยวก่อน!” เซวียโย่วข่ากลัวมากว่าลูกพี่ลูกน้องจะเห็นเขาเข้า ตั้งแต่เด็กจนโตเขาก็โดนเธอพูดฉีกหน้ามาโดยตลอด เมื่อก่อนตอนที่ฟางหลี่ฉิงยังไม่ขึ้นมัธยมต้น ถ้าเจอเขาในโรงเรียนก็จะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเสมอ โดยเธอเคยบอกเขาว่า ‘เวลาอยู่นอกบ้านเราไม่รู้จักกันนะ’

สีหน้าของเธอตอนนั้นเหมือนกำลังบอกว่า ‘บ้านเราจะไปมีญาติยากจนแบบนายได้ยังไง’

เพราะแบบนั้นเวลาเจอเธอนอกบ้าน เขาก็มักจะหลบหน้าตลอด

“เฉิงอวี้ รอแป๊บนึง…ฉันปวดท้อง” เสียงที่ได้ยินฟังดูอึดอัดเล็กน้อย พอเฉิงอวี้ก้มลงมองก็เห็นว่าที่ต้นคอของอีกฝ่ายนั้นเหงื่อออกจนชุ่ม เหงื่อเปียกเส้นผมอ่อนนุ่มบริเวณท้ายทอย ผื่นแดงเม็ดเล็กๆ คล้ายตุ่มยุงกัดผุดขึ้นทีละเม็ด ไล่จากต้นคอขาวเนียนลงไปตามแนวกระดูกสันหลัง แถมยังตัวสั่นนิดๆ ด้วย

มือที่เฉิงอวี้ยกขึ้นมาค่อยๆ วางลง จากนั้นก็ลูบศีรษะเขาเบาๆ

  

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก

ทดลองอ่าน ชาตินี้ข้าจะรักท่านให้มาก บทที่ 67-68

บทที่ 67 ถึงจะเป็นช่วงพักกลางวัน ทว่าหวาหยางกลับไม่อาจข่มตาหลับ นางนอนอยู่บนเตียงร่วมกับชีฮองเฮา ประเดี๋ยวก็พูดจาอิงแอบอ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 71-73

บทที่ 71 จีเสวียนเค่อใช่ว่าจะมีวรยุทธ์เก่งกาจ ทว่าเขาพาคนมามากมาย คนจากสำนักบูรพาเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนักจึงล่าถอยอย่างร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 80-81

บทที่ 80 เสียงของกู้เจี้ยนหลีค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ ถึงท้ายประโยคก็แทบไม่ได้ยินแล้ว นางก้มหน้าลง มือกำชายเสื้ออย่างเก้อกระดา...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน สานวาสนากับท่านอาของอดีตคู่หมั้น บทที่ 74-76

บทที่ 74 กู้เจี้ยนหลีละล่ำละลักพูด “หากยังไม่กลับอีกจะสายเกินไปแล้ว ท่านพ่อ ครั้งหน้าลูกจะไปเยี่ยมที่จวนอ๋องนะเจ้าคะ จี้...

community.jamsai.com